เรื่องจริงของเด็กนักเรียนม.ปลายญี่ปุ่นคนหนึ่ง จากเด็กที่ไม่เอาไหน แต่กลับสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นได้ ด้วยวิธีการเลี้ยงดูจากแม่ที่ไม่เหมือนใคร และวิธีการสอนจากคุณครูคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดา เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาด
วันนี้จะมาเล่าถึงภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของเด็กนักเรียนม.ปลายญี่ปุ่นคนหนึ่ง จากเด็กที่ไม่เอาไหน แต่กลับสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นได้ ด้วยวิธีการเลี้ยงดูจากแม่ที่ไม่เหมือนใคร และวิธีการสอนจากคุณครูคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดา เรื่องราวสุดแสนน่าประทับใจ จนได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กวัยรุ่นหันมาต่อสู้กับชีวิตในวัยเรียนให้สำเร็จ!!
“Biri Gal” เป็นเรื่องราวของ “คุโด้ ซายากะ” (รับบทโดย Kasumi Arimura) สาวแกล ขาโจ๋ประจำห้อง แม้จะอยู่ชั้นม.5 แต่ความรู้ที่มีกลับเทียบเท่ากับเด็กแค่ชั้นป.4!! ครูในโรงเรียนต่างเอือมระอากับพฤติกรรมของเธอ แต่มีเพียงแค่ “แม่” หรือ “อาจัง” (หรือก้าจัง รับบทโดย Yo Yoshida) เท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเธอมาตลอด ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร และแล้ววันหนึ่งซายากะก็ถูกโรงเรียนสั่งพักการเรียน เพราะจับได้ว่า “สูบบุหรี่” และพอถามถึงเพื่อนที่สูบด้วย เธอกลับไม่ปริปากบอก ทำให้อาจารย์ในโรงเรียนโกรธและโมโหมาก ในวันนั้นแม่ของซายากะเลยถูกเรียกตัวมาพบ และรายงานพฤติกรรมของลูกสาวเธอ แต่แม่ของเธอกลับไม่ดุด่าสักคำ และตอกกลับคุณครูด้วยว่า “การที่ลูกฉันไม่เอาเพื่อนมาขาย ฉันภูมิใจในตัวเธอมากค่ะ”
ในระหว่างพักการเรียน แม่ของซายากะก็ได้ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับเธอ แม่ได้ชวนให้ซายากะลองเข้าไปเรียนพิเศษที่สถาบันแห่งหนึ่ง ด้วยความที่แม่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด เธอจึงยอมไปเรียนพิเศษตามคำขอของแม่เธอ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “ซายากะ” ได้พบกับ “คุณครูซึโบตะ” (รับบทโดย Atsushi Ito) ครูสอนพิเศษที่มีวิธีการสอนไม่เหมือนใคร ที่มาพลิกชีวิต “ซายากะ” เด็กเก เรียนก็ไม่เอาไหน มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอย่าง “เคโอะ” ให้สำเร็จให้ได้!!
สิ่งที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้
1. สร้างมาจากเรื่องจริง
เมื่อหลายเดือนก่อน ได้อ่านเรื่องราวของซายากะ แม่ของเธอ และครูซึโบตะจากเพจพี่เกตุวดีค่ะ พออ่านจบแล้วรู้สึกประทับใจมาก และมารู้ทีหลังว่า เรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วด้วย!
ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างมาจากเรื่องราวชีวิตจริงของ “คุโด้ ซายากะ” นักเรียนสาวม.ปลาย สาวแกล มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผลการเรียนยอดแย่ประจำชั้นเรียน เด็กที่เติบโตมากับการเลี้ยงดูของ “อาจัง” (หรือก้าจัง) แม่ของซายากะ ที่มีการเลี้ยงดูที่เข้าอกเข้าใจ และ “คุณครูซึโบตะ” ครูสอนพิเศษที่จะมาพลิกชีวิตของซายากะให้พบกับโลกใบใหม่ เรื่องราวชีวิตจริงนี้ได้ถูกถ่ายทอดในรูปแบบของนวนิยายก่อนค่ะ แต่งโดย “โนบุทากะ ซึโบตะ” หรือครูสอนพิเศษของซากายะจังในเรื่องนี้นั่นเอง แล้วหลังจากนั้นก็ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายที่ญี่ปุ่นเมือเดือนพฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมานี้เองค่ะ

ใครสนใจอยากอ่านเรื่องราวชีวิตจริงของซายากะจังเข้าไปอ่านได้ที่แฟนเพจ “Japan Gossip by เกตุวดี Marumura” ได้เลยค่ะ
>>> “คุณแม่ที่ไม่ดุลูก” : http://on.fb.me/1OXreD2
>>> “ครูผู้เชื่อว่าไม่มีเด็กที่เกลียดความก้าวหน้าของตัวเอง” : http://on.fb.me/1N1Yvux
2. แนวภาพยนตร์ดูง่าย แต่ลึกซึ้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเป็นแนวที่ดูได้สบายๆ ค่ะ ไม่ได้เน้นตีความผ่านมุมภาพในแบบที่เข้าใจยาก แต่เรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมานั้นกลับสร้างความประทับใจ และให้ข้อคิดแก่ชีวิตของเราอย่างลึกซึ้งค่ะ
3. ชีวิตของเด็กวัยใสไม่ง่ายอย่างที่คิด
เรื่องราวหลักๆ ของเรื่องนี้ก็จะเน้นไปที่ชีวิตของ “ซายากะ” ที่เป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่นจอมซ่า ไม่ได้อยู่ในกรอบ หรือบรรทัดฐานของคำว่า “เรียนดี กิจกรรมเด่น” แต่เป็นเด็กที่มีชีวิตสนุกไปวันๆ เที่ยวเล่นกับเพื่อน โดยไม่สนใจการเรียน แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง “การศึกษา” นั้นสำคัญ มีผลต่ออนาคต เลยทำให้เด็กที่ไม่สนใจเรียนอย่างซายากะ ต้องมาฟิตอ่านหนังสือสอบ และตรงนี้แหละค่ะ มันทำให้เห็นว่า จากเด็กที่มีความสุข สนุกกับเพื่อนไปในแต่ละวัน เขาต้องหันหน้าเข้าหนังสือ เลิกไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงสักระยะจนกว่าจะสอบผ่าน ต้องอ่านหนังสือทั้งวัน ทั้งคืนแทบไม่ได้นอน เหมือนเป็นช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้สอนให้วัยรุ่นได้เรียนรู้กับคำว่า “จริงจัง” ในชีวิต ใครที่กำลังอยู่ในช่วงที่กำลังต้องสอบเนี่ย ขอแนะนำเลยค่ะ ดูแล้วได้แรงฮึดจริงๆ
4. วิธีเลี้ยงดูลูกให้มีทั้งความสุขและความสำเร็จ
ประเด็นที่น่าสนใจมากๆ ในเรื่องนี้ก็คือ วิธีการเลี้ยงดูเด็กวัยรุ่นค่ะ ทำอย่างไรถึงทำให้เด็กเกอย่างซายากะเป็นเด็กที่เชื่อฟังพ่อแม่ รักครอบครัว ทำอย่างไรถึงทำให้เด็กที่คะแนนสอบได้ที่โหล่ ไม่เคยสนใจการเรียน หันมาอ่านหนังสืออย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเคโอให้ได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเดินเรื่องด้วยน้ำเสียงการเล่าเรื่องของ “คุณครูซึโบตะ” และเน้นหนักไปที่วิธีการสอนของคุณครูซึโบตะ และเรื่องราวชีวิตครอบครัวของซายากะค่ะ เรามาดูหลักวิธีการสอนของครูซึโบตะกันก่อนล่ะกันค่ะ วิธีที่ทำให้เด็กม.5 ที่มีผลการเรียนเท่ากับเด็กป.4 สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของครูซึโบตะก็คือ …
1) สร้างความเป็นมิตร และทำตัวเหมือนเป็นพวกเดียวกันกับเด็ก
ในวันแรกที่พบกัน ซายากะแต่งตัวแบบเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดมากค่ะ ถ้าเป็นอาจารย์ทั่วๆ ไป ก็คงจะตำหนิเธอแล้ว แต่อาจารย์ซึโบตะ กลับพูดแสดงตัวตนว่าเป็นพวกเดียวกันกับเด็กว่า “แต่งตัวทันสมัยมาก ช่วยแนะนำผมบ้างสิ ว่าต้องแต่งยังไง” พอเด็กได้ยินคำถามก็จะพูดคุยเรื่องของตัวเองให้คุณครูฟัง เป็นการเรียนรู้ลักษณะนิสัยเด็กไปในตัวค่ะ
2) สอนสนุก ไม่น่าเบื่อ
คุณครูซึโบตะก็เริ่มสอนตั้งแต่ความรู้ระดับประถมไล่ไปจนถึงระดับม.6 ความรู้ที่ใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยค่ะ แน่นอนว่าซายากะจังต้องเรียนหนักมาก ถ้ามานั่งสอนแบบธรรมดา ให้นั่งท่อง นั่งจำอย่างเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ อีกอย่างซายากะจังก็เป็นเด็กที่ไม่ได้มีความสนใจเรียนตั้งแต่แรก โจทย์ก็คือ จะทำยังไงให้เด็กที่ไม่สนใจเรียนหันมาเรียนหนังสือให้ได้ คุณครูซึโบตะเลยพยายามประยุกต์ความชอบของเด็กเข้ากับความรู้ค่ะ
อย่างเช่น วิชาประวัติศาสตร์ แทนที่จะให้อ่านตำราหนาๆ ก็เลือกที่จะให้อ่านการ์ตูนประวัติศาสตร์แทน ซายากะเองพอได้อ่านการ์ตูนก็รู้สึกสนุก และชอบมาก หรือข้อสอบการเขียนบทความวิชาการ ก็ให้เธอไปดูข่าวตามช่องโทรทัศน์บ่อยๆ เพื่อที่จะได้มีแหล่งข้อมูล มุมคิดมาเขียนตอบข้อสอบได้
หรือเวลาซายากะตอบคำถามผิด แทนที่คุณครูซึโบตะจะตำหนิ เขาก็กลับถามต่อว่า “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” การถามตอบกลับไปแบบนี้ จะเป็นทำให้คนสอนรู้ถึงระบบการคิดของเด็ก จับจุดที่เด็กไม่เข้าใจ และปรับวิธีการสอนให้เข้ากับเด็กนั่นเอง

3) สร้างแรงจูงใจในการเรียน
ซายากะต้องกลับไปเรียนและทบทวนความรู้ตั้งแต่ชั้นประถมใหม่ บทเรียนมากขนาดนั้น ก็ย่อมมีความท้อแท้เป็นธรรมดาค่ะ และยิ่งเด็กที่ไม่เคยสนใจเรื่องการเรียนเลย “การสอบเข้ามหาวิทยาลัย” ไม่เคยอยู่ในความคิดเลยสักนิด ก็เลยทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองจะ “ตั้งใจ” เรียนไปทำไม คุณครูซึโบตะจะค่อนข้างใช้จิตวิทยาในการสอนเด็กค่ะ
แวบแรกที่เขาเห็นซายากะจัง เขาก็จะรู้ว่า เป็นเด็กที่ชอบแฟชั่น เสพความสุข เขาเลย “ขายฝัน” ไปเลยค่ะ ด้วยการเสนอว่า มหาวิทยาลัยเคโอไปแล้ว มันดียังไง
“เนี่ย ที่นี่น่ะมีแต่คนเก่งๆ โอกาสที่จะได้เป็นนางแบบหรือผู้ประกาศข่าวหญิงก็สูง
แถมยังมีโอกาสได้แต่งงานกับหนุ่มหล่อๆ รวยๆ อีกด้วยนะ”
หรือในเวลาที่ซายากะท้อแท้ ครูซึโบตะก็มักจะเข้ามาสอนเรื่องราวของชีวิต ให้รู้ ให้เห็นถึงความยากลำบาก จนผลสุดท้าย ทำให้ซา
ยากะไม่ได้แค่รับความรู้จากบทเรียน แต่ได้เรียนรู้ชีวิตไปในตัวด้วยค่ะ
ส่วนวิธีการเลี้ยงดูที่สำคัญของแม่ซายากะก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ เทคนิคของเธอก็คือ “การที่ไม่ดุด่าลูก” แต่เปลี่ยนมาเป็น “การสนับสนุน” ลูกมากกว่าค่ะ ไม่ว่าลูกจะเจอกับอะไรมาก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ และสิ่งสำคัญก็คือ การสอนให้ลูกสัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” ลูกอยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากแต่งตัวยังไงก็แต่ง หรือแม้แต่ตอนที่ซายากะสูบบุหรี่ เธอก็ไม่ว่าสักคำ แต่กลับเลือกมองในด้านดีของลูกที่ไม่ขายเพื่อน แต่เหตุการณ์นั้นเอง ด้วยความที่แม่ไม่ว่าอะไร มันกลับทำให้ซายากะรู้สึกผิดอย่างไม่รู้ตัว และอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนความรักของแม่บ้าง
ซึ่งวิธีการเลี้ยงดูของแม่ก็จะต่างกับพ่อที่เลี้ยงดู “น้องชาย” อย่างเข้มงวด พยายามผลักดันให้เป็นนักเบสบอลที่ดี ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นไม่ใช่ความฝันของลูกเลย แต่ในขณะที่ซายากะกลับตั้งใจอ่านหนังสือ เดินหน้าต่อไปด้วยพลังและความฝัน
5. ความสำคัญของความพยายาม
สำหรับเรื่องนี้ขอบอกว่าได้ยินคำว่า “Ganbatte” ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งเลยค่ะ เป็นเรื่องที่ถ่ายทอดให้เห็นถึง “ความเพียรพยายาม” ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ แม้ซายากะจะเริ่มต้นจากศูนย์ แม้จะมีต้นทุนเรื่องความรู้น้อยกว่าใคร แต่เธอก็ใช้พลังที่มีอ่านหนังสือสอบอย่างหนัก เพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอให้ได้
จากเด็กม.ปลายที่ไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอะไรได้เลย แต่เธอกลับใช้ความพยายามที่มีเริ่มต้นเรียนใหม่ จากที่เป็นเด็กไม่รู้อะไร แม้แต่เรื่องทิศเหนือ ทิศใต้ไปทางไหน วาดแผนที่ญี่ปุ่นไม่เป็น อ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง คิดเลขไม่เป็น คันจิก็เขียนผิดๆ ถูกๆ กลายเป็นเด็กที่มีความรู้ ความสามารถ จนสามารถไปท้าชิงสอบแข่งกับคนทั้งประเทศญี่ปุ่นได้ จากการได้พบเจอกับครูสึโบตะ ไม่ได้แค่ทำให้เธอหันมาเรียนหนังสือเท่านั้น แต่พลังในการให้อย่างเต็มใจของคุณครู ทำให้เด็กที่เลื่อนลอย ไม่มีความฝันอย่างซายากะได้ค้นพบอีกความฝันหนึ่งค่ะว่า …

และเรื่องนี้ไม่ได้สอนแค่ว่า “ความพยายามจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จ” เพราะชีวิตจริงในบางครั้ง ต่อให้เราพยายามแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะสำเร็จตามที่คาดทุกครั้งไป เรื่องนี้จึงนำเสนออีกแง่มุมด้วยค่ะว่า “ต่อให้ไม่สำเร็จ แต่ถ้าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เราจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทุ่มเทไป”

แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นหนักไปที่เรื่องราวชีวิตของ “เด็กวัยเรียน” แต่ขอบอกว่า เป็นเรื่องที่ให้พลังชีวิตกับคนทุกเพศทุกวัยค่ะ เพราะทุกชีวิต ทุกช่วงวัยมักเต็มไปด้วยอุปสรรคที่เราต้องฝ่าฟัน และก้าวข้ามไปให้ได้ เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นว่า “ความพยายาม” มันสำคัญอย่างไร เราพยายามเพื่อให้มันสำเร็จอย่างเดียวหรือเปล่า
คนอื่นทำได้แค่เพียงหยิบยื่นโอกาสมาให้ แต่ “ความพยายาม” เราต้องสร้างเองค่ะ เหมือนกับซายากะแม้จะต้องเต็มไปด้วยความเหนื่อยยาก แม้จะรู้ตัวว่าเรียนไม่เอาไหน แต่เธอก็เลือกที่จะเดินตามทางที่ฝัน และพุ่งไปสู่ความสำเร็จด้วยความพยายามของเธอเอง
เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะมาขายฝันจนเกินโลกความเป็นจริง เพราะความสำเร็จจากความพยายามที่ว่ามานี้ ได้เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้มาแล้ว…
ทักทายพูดคุยกับ ChaMaNow ได้ที่ >>> Facebook Sakura Dramas
เรื่องแนะนำ :
-แนะนำ 5 ละครญี่ปุ่นสาย “สตรวอง” ที่หยุดดูไม่ได้!
– รีวิว 5-ji Kara 9-ji Made เมื่อพระมาตกหลุมรักฉัน!
– ละครที่ถูกเข้าใจผิดว่าไม่ใช่ละครญี่ปุ่น!
– วิธีจัดการฉากต้องห้ามในละครญี่ปุ่นแบบไม่ต้องเซ็นเซอร์
– ละครแนวแซ่บๆ แบบญี่ปุ่น
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก:
-http://birigal-movie.jp/02staff/index.html
-http://asianwiki.com/Biri_Gal
-http://tokyogirlsupdate.com/biri-gyaru-revival-20150646661.html