Silver Spoon
ความหมายของช้อนเงิน การส่งต่อความหวัง
และพลังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
เริ่มจั่วหัวแบบหึกเหิมแบบนี้ จริงๆ แล้วผู้เขียนไปเห็นหนังสือพิมพ์ Tokachi Mainichi Shimbun ลงฉบับพิเศษ ฉลองครบรอบโรงเรียนมัธยมการเกษตรโอบิฮิโระ 100 ปี (帯広農業高校100年) ซึ่งหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ไม่ได้ลงข่าวเพียงแค่มีงานเลี้ยงฉลอง มีประธานมากล่าวเปิดงานดินเนอร์ แล้วก็ภาพถ่ายคุณหญิง คุณนาย ซะเมื่อไหร่ แต่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ กลับลงไปสัมภาษณ์ นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ สัมภาษณ์เด็กที่จบไปแล้ว และกลับไปทำการเกษตร ตามที่เรียนมาจริงๆ สัมภาษณ์อดีตผู้อำนวยการ อดีตครูผู้สอน รวมถึงชมรมต่างๆ เห็นภาพรวมของโรงเรียน โอบิฮิโระแล้วทำให้ผู้เขียน พาลคิดถึงหนังสือการ์ตูนเรื่อง ซิลเวอร์สปูน (ช้อนเงิน) ที่ใช้โรงเรียนโอบิฮิโระเป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง และก็เรื่องช้อนเงินในตำนาน ด้วยนั่นเอง
ซิลเวอร์สปูน ( 銀の匙 หรือ Silver Spoon) คือการ์ตูนมังงะญี่ปุ่น ที่วาดโดยอาจารย์ ฮิโรมุ อาราคาวะ บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มหน้าใส ใส่แว่น แต่ออกแนวซื่อๆ บื้อๆ รับบทเป็นตัวเอกของเรื่องใช้ชื่อว่า ฮะจิเคน ยูโงะ เริ่มเรื่องจากการเข้าเรียนชั้นม.ปลาย ที่ม.เกษตรกรเอโสะโนะ ซึ่งเป็นโรงเรียนของเหล่านักเรียนที่ตั้งใจจะเป็นเกษตรกรเพื่อต่อยอดงานจากที่บ้าน ซึ่งผิดจากตัวพระเอก ที่ถึงแม้ว่าจะฉลาด และหัวดีในเรื่องการเรียน แต่ก็หลับหูหลับตาเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เพียงเพื่อหนีจากสถานการณ์บางอย่าง
ผู้เขียนเองได้มีโอกาส อ่านการ์ตูนเล่มนี้ตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ และคอยติดตามอ่านอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงเล่มล่าสุดก็ได้ค้นพบว่าที่ญี่ปุ่น มีคนที่สนใจเรียนต่อสายการเกษตรเพิ่มขึ้นเพราะการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะไม่ใช่การ์ตูนสายหลัก (การ์ตูนสายหลักคือ ประเภทต่อสู้ ฟันฝ่าอุปสรรค และมีพลังพิเศษประเภทนั้น) แต่ก็มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ บทหรือฉากคำพูดของตัวละครต่างๆ บางจังหวะสามารถทำให้เราหยุดคิดได้ ซึ่งส่วนใหญ่ให้พลังในทางบวก และทำให้มองโลกในมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าเดิม ในเรื่องของการเกษตร ซึ่งต้องยอมรับว่าบทของตัวเอก ฮะจิเคน ยูโงะ นั้นมีผลมากๆ จากคนที่ไม่เคยจับจอบ จับเสียม ต้องตื่นตีสี ตีห้าเพื่อมาตักขี้ม้า ขี้วัว จากคนที่ไม่มั่นใจในอะไรเลย ต้องมารับผิดชอบชีวิตของม้า วัว ไก่ หมู แถมต้องมาเชือดหมูที่ตัวเองเป็นคนตั้งชื่อให้ และทำคลอดให้มันอีก
งานกิจกรรมประจำปีของโรงเรียนที่วุ่นวายสุดๆ การเปิดบริษัทขายเบคอนของพระเอกที่ได้กำไรน้อยนิด เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของพระเอกและนางเอกแสนซื่อ และอีกหลายๆ เหตุการณ์ที่น่าประทับใจ รวมถึงเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ต่างคาเรกเตอร์ ที่น่าจดจำอีกด้วย (สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากอ่านตอนนี้หนังสือการ์ตูนเรื่องซิลเวอร์สปูนฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์ถึงเล่มที่ 14 แล้ว (มี 15 เล่มจบ) หรือสามารถดูผ่านแอนิเมชั่นได้ (ตอนนี้มีถึงซีซั่น 2 จำนวน 22 ตอนจบซีซั่น ) รวมถึงในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ก็ลองตามหารับชมกันได้เช่นกันครับ
ซิลเวอร์สปูน ( 銀の匙 หรือ Silver Spoon) หรือแปลแบบตรงๆ ว่าช้อนเงินตามธรรมเนียมในยุโรป เมื่อมีเด็กทารกเกิดใหม่ จะมีการนำช้อนเงินมามอบให้ เพราะเชื่อกันว่าเด็กน้อยคนนี้จะไม่มีปัญหาในการกิน หรือในอีกความหมายคือการมีกินมีใช้ ไม่มีวันอดอยากไปตลอดชีวิตนั่นเอง แต่ในหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ ครูใหญ่ได้ตั้งคำถามเพิ่มขึ้นมาว่า แล้วเคยคิดเกี่ยวกับช่าง หรือคนที่ทำช้อนเงินหรือเปล่า
ในสมัยก่อน ชุดช้อน มีด ส้อม สำหรับรับประทานอาหาร จะมีเซ็ตเฉพาะ และมีการแกะสลักเป็นชุด เหมือนกันทั้งชุด ซึ่งการจะได้ชุดช้อนเงินมาทั้งชุดนั้น มีราคาสูงมาก คนที่ทำการเกษตร หรือชาวบ้านนั้น ไม่สามารถมีได้ การสั่งทำช้อนเงินแค่คันเดียว อาจจะต้องใช้เงินที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งปี ซึ่งสำหรับชาวบ้านแล้ว เขาจะสั่งทำชุดช้อนเงินปีละ 1 ชิ้น สะสมจนกว่าจะได้ครบชุด (ชุดช้อนเงินครบชุดจะมีทั้งหมด 20 ชิ้น) เพื่อมอบให้เป็นสมบัติของครอบครัว
ดังนั้นความภาคภูมิใจของการได้ครอบครองชุดช้อนเงิน ไม่ได้มีแต่เฉพาะครอบครัวเท่านั้น ยังเป็นความภาคภูมิใจของช่างที่ทำช้อนเงินอีกด้วย เพราะกว่าจะทำครบชุด อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 20 ปี ดั้งนั้นช้อนเงิน 1 ชุด อาจจะต้องมีช่างที่ทำมากกว่า 1 คน และเมื่อช่างได้รับมอบหมายให้ทำช้อนเงิน ช่างคนใหม่ก็ต้องไปศึกษาและเรียนรู้ความหมายของลวดลายบนช้อน ที่ช่างคนก่อนได้ทำเอาไว้ ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการให้ลวดลายออกมาเหมือนๆ กัน แต่ลวดลายเหล่านั้น ยังต้องบอกเล่า เรื่องราวของครอบครัวที่สั่งทำช้อนเงินอีกด้วย การทำงานแบบนี้ได้ ต้องอาศัยทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ ความรู้ และประวัติศาสตร์กว่าครึ่งชีวิตของใครบางคนซึ่งไม่ใช่ตัวเองสั่งสมมา แต่สิ่งที่สั่งสมมานั้น ถ้าไม่มีใครนำไปใช้ และเรียนรู้ถึงเรื่องราวมันอาจหายไปได้ ช้อนเงินจึงเป็นเหมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์เหล่านั้น ทุกคนมีช้อนเงิน ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป จงใช้ช้อนเงินของคุณเอง ตักเอาความสุข ความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ เพื่อตัวเองให้เต็มที่ และจงสร้างชุดช้อนเงิน เพื่อส่งมอบมันต่อให้กับครอบครัวของคุณเอง นั่นคือ “ความหมายของช้อนเงิน การส่งต่อความหวัง และพลังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป”
โรงเรียนมัธยมการเกษตรโอบิฮิโระ มีช้อนเงินที่มีการแกะสลักโลโก้ของโรงเรียน เป็นตัวแทนของความรู้ และส่งมอบให้กับนักเรียนทุกรุ่น ทุกคนที่เรียนจบไปแล้วกว่า 18,000 คน มีภาควิชาที่เปิดสอนหลากหลาย เช่นภาควิชาวิทยาศาสตร์ป่าไม้ ภาควิชาการเกษตร ปศุสัตว์ โคนม โคเนื้อ เลี้ยงหมู เลี้ยงม้า ภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร วิศวะกรรมการเกษตร และภาควิชาอื่นๆ อีกเพียบ นี่ยังไม่นับกิจกรรมนอกหลักสูตร การออกไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ และเทศกาลประจำปีของนักเรียนที่นี่ด้วย
เท่าที่ผู้เขียนได้เข้าไปเยี่ยมชมหลักสูตรก็ต้องแปลกใจว่า นี่มันหลักสูตรของเด็ก ม.ปลายจริงๆ ใช่ไหม ยกตัวอย่างเช่น ภาควิชาวิทยาศาสตร์ป่าไม้ ที่นี่จะเรียนรู้ตั้งแต่คุณสมบัติของต้นไม้ ความเหมาะสมของจำนวนประเภทต้นไม้ที่เหมาะสมในป่า ต้องมีครบทั้งไม้ยืนต้น ไม้คลุมดิน ไม้ผลสำหรับสัตว์ป่า ไม้ที่มีรากที่แข็งแรง ป้องกันการพังทลายของดินต้องมีความสมบูรณ์ของแม่น้ำ การดูแลต้นไม้ และปลูกทดแทนกันในแต่ละปี เทคนิคการตัดแต่งกิ่ง และเลี้ยงลำต้นให้ตั้งตรงและแข็งแรง ไม้ที่ใช้เวลาสั้นในการปลูกแล้วนำมาใช้งาน กับไม้ที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานเพื่อต้องการความแกร่งของเนื้อไม้ เทคนิคการตัดไม้ การใช้สว่าน ใช้เลื่อยไฟฟ้า การใช้รถตัก รถยก รถบรรทุก การตัดไม้และบังคับให้ไม้ล้มไปในทิศทางที่ต้องการ ทักษะการปีนต้นไม้ และการโรยตัว การใช้ประโยชน์จากไม้ไม่ให้เหลือทิ้ง การทำถ่านไม้คุณภาพดี การทำเฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับงานไม้ทุกประเภท สารเคมี สารเคลือบไม้ ป้องกันแมลง ที่ปลอดภัยจากคน และสัตว์ประเภทอื่นๆ ฯลฯ
นี่แค่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ป่าไม้เท่านั้นนะ ภาควิชาอื่นๆ ก็มีรายละเอียดที่ลงลึกมากๆ เช่นกัน เรียกได้ว่าเรียนจบปุ๊บ สามารถออกไปต่อยอดทำงานต่อได้เลย หรือถ้ายังไม่สุด สามารถเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ที่ Obihiro University of Agriculture and Veterinary Medicine ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละ อ่อ เกือบลืมไปภาคมัธยมปลายในปีแรกของการเรียนต้องอยู่หอที่โรงเรียนเป็นเวลา 1 ปี เพื่อที่ตอนเช้า จะได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ตั้งแต่เช้ามืด (ตักขี้วัว ขี้ม้า และทำความสะอาด) และอาจจะต้องมีกิจกรรมต่อ ในช่วงเย็น (เช่น เล่นกีฬา หรืองานชมรม) พอดูบรรยากาศทั้งการเรียน การเล่น และกิจกรรมต่างๆ แล้วน่าเรียนสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย
สำหรับผู้เขียน รู้สึกชื่นชมผู้วางรากฐาน การสร้างความเชื่อมั่น การตั้งปณิธานถึงความสมบูรณ์ และส่งมอบประสบการณ์ ความรู้ เรื่องราวต่างๆ ส่งมอบกันต่อไป จากรุ่นสู่รุ่น ค่อยๆ ขยับขยายขึ้น จนเกิดเป็นองค์กรเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เมื่อตัวเองเข้มแข็งแล้ว การดูแลและช่วยเหลือคนอื่นให้ลุกขึ้นและเข้มแข็งจนสามารถยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง ก็จะไม่ยากอีกต่อไป นั่นคือ “ความหมายของช้อนเงิน การส่งต่อความหวัง และพลังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป” นั่นเอง
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ อยากอ่านหนังสือพิมพ์แบบเต็มๆ สามารถอ่านได้จากลิ้งค์นี้จ้า https://kachimai.jp
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมการเกษตรโอบิฮิโระ (帯広農業高校) ก็เชิญได้ที่ลิ้งค์นี้เลยครับ http://www.obino.hokkaido-c.ed.jp
ทักทายพูดคุยกับทีมงานเจแปนโบรชัวร์ได้ที่ www.facebook.com/JapanBrochure/
เรื่องแนะนำ :
– Apple Field Railway นั่งรถไฟท้องถิ่นชมสวนแอปเปิ้ลวิวภูเขาอิวากิ
– 10th Anniversary of A Traveling Greengrocer ฉลองครบรอบการเดินทาง 10 ปี เพื่อไล่ตามฝันของสองเพื่อนซี้ ที่อยากจะเป็นพ่อค้าขายผัก
– Showa no kamishibai เรื่องเล่าภาพนิทานบนจักรยาน ในสมัยโชวะ
– Art Sento + Cafe Miyanoyu เปลี่ยนโรงอาบน้ำสาธารณะให้เป็นคาเฟ่แสดงงานศิลปะที่โตเกียว
– Silver Spoon การ์ตูนชีวิตชาวไร่สุดฮอต อิงประวัติผู้เขียนโดยตรง!!
#Silver Spoon ความหมายของช้อนเงิน การส่งต่อความหวัง และพลังในการมีชีวิตอยู่ต่อไป