Shichi-go-san…ทราบหรือไม่ว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนนั้น ที่ประเทศญี่ปุ่นเค้ามีการจัดงานฉลองรับขวัญเด็กๆ ชาวญี่ปุ่นด้วย งานนี้น้องๆ หนูๆ จะพร้อมใจกันใส่ชุดประจำชาติดูแล้วสุดแสนจะน่ารัก น่ากอดมากๆ เลยค่ะ ไปติดตามอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาล 7-5-3 กันเลยค่ะ
เรียบเรียงโดย : ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น Jat
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้ง กับเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟถึงหน้าจอให้กับเพื่อนๆ ทุกคนถึงที่เลยค่ะ
เพื่อนๆ ชอบไปนมัสการพระที่วัดหรือเทพเจ้าที่ศาลเจ้ากันหรือเปล่าค่ะ ปกติแล้วจะชอบอธิษฐานขอพรเรื่องอะไรกันบ้างเอ่ย ถ้ายิ่งไปสถานที่ที่มีชื่อเสียงแล้วล่ะก็ อาจจะได้พบกับผู้คนมากมายเลยใช่ไหมค่ะ แล้วเพื่อนๆ ทราบหรือไม่ว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนนั้น ที่ประเทศญี่ปุ่นเค้ามีการจัดงานฉลองรับขวัญเด็กๆ ชาวญี่ปุ่นด้วย งานนี้น้องๆ หนูๆ จะพร้อมใจกันใส่ชุดประจำชาติดูแล้วสุดแสนจะน่ารัก น่ากอดมากๆ เลยค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นไปติดตามอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาล 7-5-3กันได้เลยค่ะ

งานฉลองรับขวัญเด็กที่มีอายุ 7-5-3 ขวบของชาวญี่ปุ่น หรือ เทศกาล 7-5-3 (Shichi-go-san, 七五三) นั้นแปลตรงๆ ตัวเลย 七 Shichi คือ เลข 7, 五 Go คือ เลข 5, 三 San คือ เลข 3 โดยในวันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี ที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีพิธีกรรมที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง เป็นการจัดงานฉลองรับขวัญเด็กที่มีอายุ 7-5-3 ขวบ เด็กผู้ชายที่มีอายุ 5 ขวบ และ 3 ขวบ กับเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 7 ขวบและ 3 ขวบ จะแต่งกายโดยสวมใส่ชุดกิโมโนที่หรูหราที่ดีที่สุด เรียกว่าชุด Heragi (晴れ着) ไปขอพรที่ศาลเจ้าชินโต ที่เป็นศาลเจ้าคุ้มครองประจำหมู่บ้านหรือเมือง (Ujigami-sama, 氏神様 หรืออาจจะไปศาลเจ้าที่มีขนาดใหญ่ใกล้บ้านพร้อมกับครอบครัวแทนก็ได้ ส่วนการไปนมัสการศาลเจ้าของเด็กที่เกิดใหม่ เรียกว่า Omiya-mairi (お宮参り) ทำเพื่ออธิษฐานขอพรให้เด็กๆ มีความสุข เจริญเติบโตมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ในอนาคต

นอกจากนั้นครอบครัวของเด็กๆ จะร่วมกันถ่ายรูปที่ระลึก และจะให้เด็กๆ ถือ Chitose-ame (千歳飴) คำว่า 千歳 แปลตรงตัวคือ “อายุ 1,000 ปี” ส่วน 飴 คือ “ลูกกวาด” จึงมีความหมายว่า “ลูกกวาดอายุ 1,000 ปี” เป็นลูกกวาดที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวสีแดงขาว (แต่ปัจจุบันได้มีการผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ) ดังนั้นคนญี่ปุ่นเชื่อว่า เด็กที่ได้กินลูกกวาดจะมีแต่ความสุขและมีอายุยืนยาว) หลังจากนั้นจะไปฉลองงานเลี้ยงพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวที่บ้านหรือที่ภัตตาคาร

ในสมัยโบราณการจัดพิธีกรรมนี้ จะจัดฉลองกันในครอบครัวของนักรบ ซึ่งมีการทำพิธีแยกออกเป็น 3 อย่าง ได้แก่ Kami-oki (髪置き), Hakami-gi (袴着), และ Himo-otoshi (紐落し) หรือที่เรียกกันว่า Obi-toki (帯解き)
พิธีแรก คือ พิธี Kami-oki (髪置き) เป็นการรับขวัญเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย เมื่อตอนแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ขวบ โดยจะให้โกนผมเด็กจนกระทั่งถึงอายุ 3 ขวบ จากนั้นจึงจะให้เด็กสามารถไว้ผมยาวได้ และจะรับขวัญเด็กในวัน Shichi-go-san โดยผู้เป็นพ่อแม่จะให้เกียรติโดยการสวมวิกผมสีขาวให้เด็ก แล้วอธิษฐานขอพรให้เด็กนั้นมีอายุที่ยืนยาว

พิธีสอง คือ พิธี Hakama-gi (袴着) เป็นการรับขวัญเด็กผู้ชายที่มีอายุ 3 ขวบ หรือ 5 ขวบ ซึ่งจะสวมใส่ชุด Hakama (袴) เป็นครั้งแรก โดยผู้เป็นพ่อแม่จะให้เกียรติโดยการเป็นผู้สวมใส่ (Hakama) ที่เอวให้กับเด็ก หลังจากทำพิธีวันนี้เสร็จ จะถือว่าเด็กสามารถแยกแยะการกระทำผิด ชอบ ชั่ว ดี ของตนเองในสังคมได้แล้ว

พิธีสาม คือ พิธี Himo-otoshi (紐落し) หรือพิธี Obi-toki (帯解き) เป็นการรับขวัญเด็กผู้หญิงที่มีอายุ 7 ขวบ โดยผู้เป็นพ่อแม่จะให้เกียรติโดยการเป็นผู้ถอด Tsuke-himo (付紐) ซึ่งเป็นสายคาดง่ายๆ ที่ทำติดกับชุดกิโมโนของเด็ก โดยเด็กนั้นจะเลิกใช้ Tsuke-himo ไป จากนั้นพ่อแม่จะมอบ Obi (帯) ซึ่งเป็นสายคาดเอวขนาดใหญ่สำหรับชุดกิโมโนให้ใช้เป็นครั้งแรกเพื่อแสดงความยินดีกับการเจริญเติบโตของเด็ก
ในสมัยก่อนประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการตายของเด็กเล็กค่อนข้างสูงมาก จึงถือว่าเด็กที่อายุไม่ถึง 7 ขวบยังเป็นเด็กของพระเจ้า ส่วนเด็กที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุ 7 ขวบนั้น จึงเป็นที่ยอมรับว่าเด็กนั้นเป็นสมาชิกของสังคม
![]() |
![]() |
Himo (紐)
|
Obi (帯)
|
พิธีทั้ง 3 อย่างนี้ แต่ก่อนจะจัดแยกกันเพื่อขอบคุณพระเจ้าที่ประทานพรให้เด็กเจริญเติบโตมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แต่ในยุคปัจจุบันการจัดฉลองรับขวัญเด็กนั้น จะจัดร่วมกันในงาน Shichi-go-san (七五三)




ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีชุดประจำชาติซึ่งเป็นเอกลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดประณีตและการออกแบบลวดลายที่มีสีสันสดใส น่ารัก และดูโดดเด่นงดงาม โดยปกติแล้วชุดกิโมโนจะถูกสืบทอดไปยังลูกหลานในวงศ์ตระกูล อีกทั้งยังเป็นชุดที่มีราคาค่อนข้างสูงมาก ปัจจุบันร้านขายชุดกิโมโนสำหรับเด็กมีอย่างแพร่หลายผสมผสานลวดลายแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ไว้ได้อย่างลงตัว เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมชาวญี่ปุ่นมาก ที่สามารถสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามให้คนรุ่นหลังได้เห็นสืบต่อไปได้
เรียบเรียงโดย : ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น เจ.เอ.ที. (JAT)
เอื้อเฟื้อโดย :
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นแจ๊ท Jat (JAT Japanese language school)
http://www.jatschool.com
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
หนังสือ วัฒนธรรมญี่ปุ่น
โอคะโมะโทะ โทะมิ(ผู้แต่ง), แสวง จงสุจริตธรรม(ผู้แปล), รศ.ปราณี จงสุจริตธรรม(ผู้แปล). วัฒนธรรมญี่ปุ่น. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ภาษาและวัฒนธรรม, 2547
http://iwaiseika.ocnk.net/product-list/27
http://www.kintarou.co.jp/standard/titose.shtml
http://blogs.yahoo.co.jp/alfa2000y/46640023.html
http://www.kuradukuri.info/201009/20100915.html
http://www.moritojinja.com/newpage4.html
http://shichi-go-san.com/” target=”_blank”>http://shichi-go-san.com
http://store.shopping.yahoo.co.jp/soubien/wasou012.html
http://store.shopping.yahoo.co.jp/soubien/wasou012.htm
http://www.eonet.ne.jp/~e-kimonoya/35GO-H0001P-6c.jpg
http://harukaya.jp/pic-labo/5saiset.jpg
http://sanbonmatu431.blog122.fc2.com/blog-date-20101113.html
http://iroha-japan.net/iroha/B05_initiation/07_753.html
http://allabout.co.jp/aa/special/sp_753/contents/10240/71950/p2/