เที่ยวเซนได…วันนี้เมืองเซนได ได้กลับสู่สภาพปกติจากความร่วมมือของทุกฝ่าย จนสามารถเปิดบ้านต้อนรับให้ ผู้คนมาท่องเที่ยวชื่นชมความงดงามของทิวทัศน์ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ได้ดั่งเดิม และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเรา
เรื่องและภาพโดย : The 21st Ronin www.marumura.com
ขอขอบคุณ : Nippon Travel Agency (NTA) ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
Sendai เมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮขุ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ความสงบ แต่เมื่อปี 2554 ในวันที่ 11 มีนาคม ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก่อเกิดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ ถาโถมสร้างความเสียหาย ผู้คนล้มตาย เศรษฐกิจหยุดชะงักเกิดความสูญเสียไปทั่วทุกพื้นที่ แต่นั้นก็เป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเพื่อเป็นอนุสรณ์
จากวันนั้นถึงวันนี้เมืองเซนได ได้กลับสู่สภาพปกติจากความร่วมมือของทุกฝ่าย จนสามารถเปิดบ้านต้อนรับให้ ผู้คนมาท่องเที่ยวชื่นชมความงดงามของทิวทัศน์ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ได้ดั่งเดิม และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเรา จากคำเชิญของ Nippon Travel Agency (NTA) ที่เป็นผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ เราได้เดินทางไปพร้อมกับเที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์ของการบินไทยบินตรงสู่เซนได เพื่อไปสัมผัสกับธรรมชาติ และความสวยงามที่กลับสู่สภาพเดิมที่กำลังรอเราไปสัมผัส โดยโปรแกรมของเรานั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. – 8 ธ.ค. 2556 ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 5 ท่าน ซึ่งเราไปกับทัวร์ที่ทาง NTA จัดหามาให้

เอาล่ะ!! เรามาปรับโหมดเป็นผ่อนคลายกันหน่อยดีกว่า และวันที่ 3 ธ.ค.วันที่เราต้องออกเดินทางก็มาถึง เราแต่งองค์แบบจัดเต็ม เอาเสื้อหนาวมาพร้อม เพราะได้ข่าวว่า “หนาว” อุณหภูมิมีถึง 3 องศา ปากสั่นกันเลยทีเดียว เดินทางไปญี่ปุ่นด้วย เที่ยวบินรอบปฐมฤกษ์มุ่งตรงสู่เซนไดด้วย TG 680 ของการบินไทย Take off เวลา 23:59 น. ใช้เวลา 6 ชม. ในการเดินทาง

เมื่อเสียงประกาศให้ขึ้นเครื่องดังขึ้น ทุกคนนั่งตามที่นั่งของตัวเอง เราก็วุ่นเก็บของก็มี เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น! เมื่อแอร์สาวสวยคนหนึ่งเดินมาถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ยค่ะ? เพราะเห็นเราหมุนซ้ายขวาเพื่อเก็บของ จึงเหลือบไปเห็นเจ้า Korokoro เอ่ยปากชมว่า น่ารัก เราได้ทีเลยขอถ่ายรูปคู่เก็บไว้พร้อมบอกว่า ชื่อ Korokoro จาก website MARUMURA ค่ะ แอร์สาวคนนั้นถึงกับ ตาโต ร้องด้วยความดีใจ เพราะติดตามเป็นแฟนเพจของเราอย่างเหนี่ยวแน่น ชื่นชอบสุดๆ ยิ่งต้องมาบินเส้นทางญี่ปุ่นนั้น เธอก็มาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บเรา ดีใจที่ได้เห็นหน้าทีมงานผู้อยู่เบื้องหลัง จากคำพูดเหล่านี้ ทำเอาเราตัวลอย ยิ้มแก้มปริ ดีใจที่การทำงาน ความทุ่มเทของเรานั้นมีประโยชน์ต่อคนอื่น

ระหว่างอยู่บนเครื่องบินเพื่อเดินทางไปเซนไดนั้น เราก็สามารถเพลิดเพลินกับการดูหนังฟังเพลงบนเครื่อง การบินไทยนี่ เค้าบริการดีจริงๆ และแล้วเวลาผ่านไป 6 ชม. เราก็ได้เห็นแสงอาทิตย์จากฟากฟ้าของเมืองเซนไดกันค่ะ


เมื่อเครื่องบินลงจอดที่ สนามบินเซนได จังหวัดมิยางิ เวลาตอนนั้นประมาณ 7 โมงเช้าได้ เป็นเช้าของ วันที่ 4 ธ.ค. เราก็ต้องสะดุ้งโหย่ง กับอุณหภูมิที่หนาว ปรับตัวแทบไม่ทัน ระยะทางเพื่อเดินไปตรวจคนเข้าเมืองของเซนไดนั้นสั้นมาก คาดไม่ถึงว่าจะเล็กขนาดนี้ ขณะรอเข้าแถวตรวจคนเข้าเมืองสังเกตได้เลยว่า ระบบต่างๆและจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นน้อย เล็กกว่าของสนามนาริตะเสียอีก แต่ก็เห็นได้ว่า ทางเมืองเซนไดได้กำลังพัฒนาระบบให้ทันสมัยขึ้น ดูได้จากเครื่องสแกนพาสปอร์ตแบบอัตโนมัติ ถัดจากตรวจคนเข้าเมืองเสร็จระยะทางสั้นๆ เราก็สามารถเดินไปเอากระเป๋าที่สายพานได้เลย ซึ่งที่นี้มีแค่สองสายเท่านั้น เราเดินลากกระเป๋าไปยังจุดตรวจสุดท้ายเพื่อเดินออกไปขึ้นรถบัสที่รออยู่ แต่แค่ผ่านประตูมาก้าวเดียวเท่านั้น ก็ต้องตกใจกับจำนวนผู้คน และสื่อมากมายที่เดินทางมาต้อนรับเราอย่างหนาแน่น ทั้งเจ้าหน้าที่เอย คนในพื้นที่เอย ต่างมาต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงเจ้าหน้าที่จาก NTA ที่น่ารักทุกคนด้วยค่ะ



หลังจากทำการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และทักทายกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ NTA ที่มาต้อนรับเรา ก็ถึงเวลาออกเดินทางขึ้นรถบัสขนาดเล็กที่มาจอดรถรอเราอยู่ตรงประตูทางออกของสนามบิน เจ้าหน้าที่ NTA ก็ยังน่ารักเดินมาส่งเราขึ้นรถ พร้อมโบกมือลาจนเราออกไปลับสายตา คนญี่ปุ่นนี่เขาน่ารักจริงๆ ^^

บรรยากาศภายนอกนั้นหนาว แต่ในรถที่เราอยู่นั้นอุ่น เพราะ ในรถมีฮีตเตอร์ ….ฮาสบายจัง (^^) จุดหมายแรกที่เราจะไปนั้นคือ จังหวัดยามากะตะ เพื่อไปขึ้นเรือล่องแม่น้ำโมกามิ ที่เป็นสายน้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งถ้าใครได้ดูหนังเรื่องโอชินขอบอกว่า ต้องจำได้แน่ๆค่ะ เป็นฉากที่โอชินล่องแพเพื่อถูกส่งตัวไปเป็นเด็กรับใช้ (นึกถึงฉากนั้นแล้ว เศร้า ) โดยเราจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เพื่อไปขึ้นเรือ ระหว่างทางพี่คนขับที่เป็นชาวญี่ปุ่นก็ใจดีให้ พวกเราได้แวะเข้าห้องน้ำ ซื้อขนมทานเล่นตบท้องกันซะหน่อยก่อน แต่พอดีเราเหลือบไปเห็นร้านขายของกินอยู่ใกล้กับร้านสะดวกซื้อ ยืนดูเห็นมี ซอฟท์ครีมขายเลยจัด รสแอปเปิ้ล มาหนึ่งโคน ซึ่งตอนนั้นอุณหภูมิ 4 องศา!! ควันออกปาก แต่ใจมันสั่งมาจึงจัดไป ไม่กลัวค่ะ 555



และพวกเราก็ขึ้นรถออกเดินทางไปต่อ ระหว่างทางนั้นมีอะไรมากมายให้เราตื่นตา บ้านเรือนเค้าจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดแบบว่าใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เป็นประโยชน์จริงๆ ภูเขาที่เริ่มมีหิมะปกคลุมตรงยอดก็สวยแปลกตาไปอีกแบบ บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยธรรมชาติสบายตามาก แป้บเดียวผ่านไป 3 ชม. ก็ถึงที่หมายแล้ว











ระหว่างที่ล่องเรือชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำโมกามินั้น ก็จะมีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนคอยบังคับทิศทางเรืออยู่ด้านนอก และอีกคนคอยบรรยายประวัติ และสิ่งต่างที่อยู่สองฝั่งของแม่น้ำ รวมทั้งร้องเพลงญี่ปุ่นให้ฟังอีกด้วย อย่างเช่นน้ำตกในรูปด้านล่างนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่า คนแถวนี้เชื่อกันว่า เป็นน้ำตกของเทพเจ้า จึงมีศาลเจ้าและโทริอิตั้งอยู่ค่ะ


หลังจากชมบรรยากาศ และฟังเสียงเพลงขับกล่อมจากคุณป้าที่เป็นเจ้าหน้าที่บรรยายอย่างเพลิดเพลินแล้ว เราก็นั่งจนถึงท่าเรือที่ต้องจอด เพราะถึงที่หมายแล้วนั้นก็คือ ร้านอาหารที่เราจะกินข้าวเป็นมื้อแรกที่ญี่ปุ่นกันค่ะ ก่อนจะขึ้นไปกินข้าว ขอเก็บรูปคุณป้า และคุณพี่ที่เป็นคนบังคับเรือเป็นที่ระลึกซะหน่อย


เรามาดูหน้าตาของอาหารมื้อแรกของวันที่ญี่ปุ่นกันดีกว่า อยากบอกว่า ทั้งร้านมีแค่พวกเราเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ซึ่งหิวโซพร้อมซัดทุกอย่างที่ขวางหน้า คุณป้าที่ร้านก็น่ารักต้อนรับพวกเราที่หิวโซเป็นอย่างดีจริงๆ


หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราก็ออกเดินทางไปที่หมายต่อไปคือ Shonai Eigamura หมู่บ้านจำลองยุคสมัยเอโดะที่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ย้อนยุคของญี่ปุ่นในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องโอชินด้วย ซึ่งภายในนั้นจะเต็มไปด้วยชุดอุปกรณ์ซามูไร ห้องที่ถูกตกแต่งใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ในหนังต่างๆ และอุปกรณ์สำคัญของหนังแต่ละเรื่องค่ะ





ดูจากแอ๊คติ้งของนางแล้วขอบอกว่า ชนะเลิศ โอชินชิดซ้าย เพราะนางแบบของเรามีย่อเข่า ทำท่าซะหมดรูปเชียว 555+ เสร็จจากชมสถานที่นี้ เราก็ออกเดินทางไปยังที่พักนั้นคือ โรงแรม Senkyo No Yado Ginzansou ใน Ginzan Onsen ที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ภายในหุบเขาระหว่างรอยต่อของจังหวัดยามากาตะ และจังหวัดมิยางิ เย้!! จะได้แช่ออนเซนกับเขาซะที มันคือ ความใฝ่ฝันเลยละค่ะ นี่ พูดเลย อิอิ

เมื่อมาถึงที่พักที่เป็นแบบเรียวกังของญี่ปุ่นนั้น ในตอนแรกห้องพักจะถูกจัดเป็นแบบนี้คือ มีโต๊ะอยู่กลางห้องพร้อมเก้าอี้ มีกระติกและขนมเตรียมไว้ให้เราทานรองท้อง แต่เมื่อเราเข้าห้องพักแล้วออกไปข้างนอกห้องอีกครั้งจะไปทานข้าว หรือแช่ออนเซนนั้น ก็จะมีแม่บ้านเข้ามาเอาฟูกและที่นอนมาจัดเตรียมปูให้เรานอนให้พร้อมก่อนเรากลับมาที่ห้องอีกครั้งค่ะ







หลังจากทานข้าวแบบจัดเต็มเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น พวกสาวๆอย่างเรา ก็หนีไปแช่ออนเซนคลายกล้ามเนื้อกัน ที่นี้มีออนเซนแบบ open air ด้วย ซึ่งการแช่ออนเซนครั้งนี้ถือว่า เป็นครั้งแรกอยากบอกว่า เขินมากเพราะ ต้องแก้ผ้าออกหมด ให้เอาผ้าเข้าไปได้แค่ผืนเดียวเท่านั้น แต่ใจกล้า หน้าด้าน เอาว่ะ! แก้ก็แก้มันเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนลงแช่ต้องแก้ผ้าหมด แต่เมื่อได้ร่างกายลงแช่เท่านั้น ความอายหายหมดเหลือแต่ ความสบาย อ่า…..รู้สึกดีจริงๆ ขึ้นจากแช่ออนเซนต้องตบท้ายด้วยนี่

งั้นตอนนี้เราก็ขอราตรีสวัสดิ์ไปพักผ่อนเอาแรง กับฟูกนุ่มอุ่นๆ หมอนหลอดแสนสบายก่อนนะ แล้วมาลุยกันใหม่ในตอนหน้าที่รับรองว่า เห็นแล้วต้องน้ำสอเลยล่ะค่ะ คร่อกฟี้ Z zzz

เรื่องแนะนำ :
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 2 น้ำลายสอที่อิวาเตะ
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 3 เด็ด….ที่ Hanamaki
– เที่ยวเซนได รอบปฐมฤกษ์ : ตอนที่ 4 Starlight wink in Sendai ค่ำคืนสุดท้ายของดวงดาว