ท่าน Ryunosuke Koike บอกว่าพุทธศาสนาไม่เคยสอนว่าการเป็นคนนิสัยดี คือ การเป็นคนใจดีที่ยอมทำอะไรให้ผู้อื่นทุกอย่างแต่สอนให้ขจัดกิเลสที่ทำให้ใจเศร้าหมอง ได้แก่ โลภ โกรธ หลง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงมุ่งที่จะแก้นิสัยที่ไม่ดีอันเนื่องมาจากกิเลสครอบงำทำให้จิตใจไม่บริสุทธิ์ค่ะ ดิฉันได้นำมาสรุปและตีความเพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายในภาษาของดิฉันเองค่ะ
สวัสดีค่ะ ครั้งก่อนดิฉันเคยเขียนรีวิวหนังสือ “ฝึกให้ไม่คิด” ของพระริวโนสุเกะ โคะอิเกะ พระสงฆ์ชาวญี่ปุ่นไปแล้ว
วันก่อนระหว่างเก็บของในห้อง (ซึ่งนาน ๆ ทำที ฮ่าๆๆๆ) ก็บังเอิญเจอหนังสืออีกเล่มของ พระริวโนสุเกะ โคะอิเกะ จึงเอามาพลิกอ่านดูอีกรอบ หนังสือมีสีสันสวยงามพร้อมการ์ตูนน่าอ่าน ถึงแม้หนังสือจะพิมพ์ตั้งแต่สี่ปีก่อนแต่เนื้อหาก็ยังคงใช้ได้ดีกับปัจจุบัน นี่สินะคะที่ว่าธรรมะไม่เคยล้าสมัย
ท่านโคะอิเกะบอกว่า พุทธศาสนาไม่เคยสอนว่าการเป็นคนนิสัยดี คือ การเป็นคนใจดีที่ยอมทำอะไรให้ผู้อื่นทุกอย่างแต่สอนให้ขจัดกิเลสที่ทำให้ใจเศร้าหมอง ได้แก่ โลภ โกรธ หลง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงมุ่งที่จะแก้นิสัยที่ไม่ดีอันเนื่องมาจากกิเลสครอบงำทำให้จิตใจไม่บริสุทธิ์ค่ะ ดิฉันได้นำมาสรุปและตีความเพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายในภาษาของดิฉันเองค่ะ
• พูดไม่จริง
จนจำไม่ได้ว่าอะไรจริงไม่จริง ท่านโคอิเกะกล่าวว่าหลายๆคนพูดโกหกจนกลายเป็นความเคยชินยกตัวอย่างว่าบางคนทำงานไม่เสร็จแต่โกหกว่าทำไม่เสร็จเพราะไม่สบาย ตื่นสายมาประชุมไม่ทันแต่โกหกว่าเป็นเพราะรถเกิดอุบัติเหตุ การโกหกจนเป็นนิสัยทำให้เกิดการบิดเบือนของข้อมูลในจิตใต้สำนึกและข้อมูลนั้นก็จะสะสมไปเรื่อยๆเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อใดที่ข้อมูลบิดเบือนจิตใจก็บิดเบี้ยวทำให้มีข้อมูลผิดๆถูกๆอยู่ในหัวเต็มไปหมด คนโกหกยังต้องมานั่งจำข้อมูลมากมายว่าพูดอะไรกับใครไว้บ้าง บางคนเล่าเรื่องเดียวกันในเวลาต่างกันกลับเล่าไม่เหมือนเดิม เพราะเขาจำเรื่องที่เล่าไม่ได้นั่นเอง แต่ความจริงก็คือความจริง ไม่ว่าจะเล่ากี่ครั้งเรื่องก็เป็นเรื่องเดิม
• ใจดีไม่แปลว่าเป็นคนดี
ท่านกล่าวถึงบางคนเป็นคนดีขี้เกรงใจมาก ใครขอร้องอะไรก็ทำ ใครโยนงานอะไรมาให้ก็รับไม่เคยปฏิเสธ ใครใช้งานอะไรก็ยินดีอาสา ดิฉันเคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่มักจะใจดีจนโดนคนอื่นเอาเปรียบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะถูกยืมเงิน ให้เลี้ยงข้าว ให้ทำอะไรให้ฟรี ท่านบอกว่าคนใจดีแบบนี้ไม่ใช่คนใจดีแต่เป็นคน “ใจอ่อน” ต่างหาก เพราะความใจดีนี้จริงๆแล้วมีความกลัวแฝงอยู่คือ กลัวว่าคนรอบข้างจะไม่ยอมรับ หรือไม่อยากให้คนเกลียดนั่นเอง
• ความทุกข์ของคนอื่น คือความสุขของเรา
ข้อนี้ฟังดูคล้ายมารร้ายดีๆนี่เอง แต่ดิฉันเชื่อค่ะว่าหลายๆคนมีนิสัยแบบนี้ซ่อนอยู่โดยที่ตัวเองก็อาจจะไม่รู้ตัว ท่านยกตัวอย่างว่าหากมีคนมาบอกเราว่า “ฉันเพิ่งเลิกกับแฟน” “แย่จังเข้ากับหัวหน้าไม่ค่อยได้เลย” แต่เรากลับมีความรู้สึกดีใจอยู่เล็ก ๆ ว่า “ฉันโชคดีกว่าคนที่น่าสงสารตรงหน้า” สังเกตได้ง่าย ๆ คือหากคุณชอบฟังเรื่องผัวๆเมียๆทะเลาะกัน เรื่องผู้ประสบภัยที่กำลังลำบาก หรือดาราคนไหนถูกแฟนทิ้งแล้วมีความสุข รู้สึกสะใจ นั่นแหละค่ะเป็นดังที่ท่านโคะอิเกะเรียกว่า “ความทุกข์ของคนอื่นหวานปานน้ำผึ้ง” เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่า “เรามีความสุขมากกว่าคนเหล่านี้”
• ปฏิเสธคำชม ชอบถล่มตัวเอง
การถ่อมตัวไม่ได้หมายความว่าให้พูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเอง บางคนมีคนชมว่า “แต่งตัวสวยจัง” เรากลับพูดว่า “ไม่สวยหรอก” “ชุดนี้ซื้อมาถูกๆ” ก็ทำให้จิตของเราเลือกรับแต่ข้อมูลไม่ดีจนไม่สามารถรับสิ่งดีๆที่คนอื่นหยิบยื่นให้ได้ เพื่อนของดิฉันคนหนึ่งเล่าว่า ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ของเธอจะคอยปฏิเสธเวลามีคนมาชมเธอ เช่น “ลูกเรียนเก่งจังเลย” แม่เธอก็จะตอบว่า “ไม่เก่งหรอก ก็งั้นๆแหละ” เธอจึงโตมาเป็นคนที่ไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลยเพราะเธอจำข้อมูลที่ไม่ดีๆมาตลอด
• เห็นคนอื่นดีกว่า ทำให้แทบเป็นบ้า
หลายปีก่อนมีข่าวว่ามีคนญี่ปุ่นมากมายที่เลิกเล่นเฟซบุ้กเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นมีแฟนหน้าตาดี มีชีวิตที่ยอดเยี่ยม หรือมีความสุข ท่านโคอิเกะบอกว่าข้อเสียที่หลายๆคนเป็นคือการชอบเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นและเรียกร้องหาความยุติธรรมในทุกๆเรื่อง ทำให้จิตใจหม่นหมองและไม่มีความสุข เช่น งานที่ฉันทำมากกว่าคนอื่น ฉันได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าคนอื่น เจ้านายไม่ยุติธรรม สังคมควรมีความเท่าเทียม ทำไมคนนั้นเรียนสู้ฉันไม่ได้แต่มีก้าวหน้าทางการงานมากกว่า ทำไมเขาถึงเลือกผู้หญิงคนนั้นไม่เลือกฉันทั้งๆที่ฉันดีกว่าทุกอย่าง ทำไมเขาได้อะไรดีๆแต่ฉันไม่ได้ แต่จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว และดิฉันก็เชื่อว่าโลกนี้ยุติธรรมเสมอ ทำดีต้องได้ดี พยายามมากพอจะต้องประสบผลสำเร็จค่ะ
• ความลังเลเลือกไม่ได้เป็นความสับสน
บางคนมีความสับสนและคิดวนไปมาอยู่เสมอ เช่น “อุ๊ย กระโปรงตัวนี้สวยจัง แต่ทรงมันบานไป ใส่แล้วต้องดูอ้วนแน่ๆ” “อืม…ตัวนี้ก็ดี แต่สียังไม่ค่อยถูกใ” “โอ๊ย…ตัดสินใจไม่ได้สักที” นอกจากนี้ เมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้วคนประเภทนี้ก็มักจะหวนนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจว้าวุ่น เช่น “ไม่น่าซื้ออันนี้มาเลย อันโน้นดีกว่า” “ถ้าฉันเลือกรับงานบริษัทโน้น ชีวิตฉันคงดีกว่านี้” คนแบบนี้ก็จะคิดวนไปวนมาไม่มีที่สิ้นสุดทำให้จิตใจมีแต่ความขุ่นมัวไม่แจ่มใส
• ยิ่งมีความอยาก จิตยิ่งไม่สงบ
บางคนเข้าใจผิดคิดว่าถ้ามีสิ่งที่คนอื่นอยากได้มากเท่าไร ก็จะมีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้นคุณค่าของคนถูกวัดด้วยตัวเงิน จึงดิ้นรนหาซื้อสินค้าแบรนด์เนมมาประดับประดาเพื่อให้ตัวเองดูดี บางคนอยากได้เงินมากๆจนคิดว่าการที่ปัจจุบันยังไม่รวยเป็นเศรษฐีเป็นเรื่องแย่ จึงคิดหาวิธีว่าทำอย่างไรจะรวยเร็วที่สุดในแบบที่ต้องออกแรงน้อยที่สุด หรือ High Risk, High Return พอได้กำไรห้าแสนเยนก็อยากได้เพิ่มเป็นหนึ่งล้านเยน และมีแต่ความอยากได้ไม่สิ้นสุด เมื่อมีบ้านแล้วก็อยากได้บ้านหลังใหญ่กว่าเดิม อยากมีรถหรูกว่าเดิม โทรศัพท์รุ่นใหม่กว่าเดิม เสื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยกว่าเดิม และอื่นๆอีกมากมาย ความอยากไม่มีที่สิ้นสุดนี้ก็คือความโลภที่จะกัดกร่อนจิตใจไปเรื่อยๆ
• ซื้อแต่ของลดราคาไม่จำเป็น จนไม่มีเงินซื้อของที่จำเป็น
สิ่งใช้สอยที่จำเป็นหากมีประโยชน์และเหมาะกับเราหากลดราคาก็ดี แต่หากซื้อด้วยเหตุผลว่า “มันถูก” เพียงแค่อยากรู้สึกว่า “ดีจัง ได้ของถูก” ก็คือความตระหนี่ถี่เหนียวนั่นเอง เพราะสุดท้ายก็มานั่งกลุ้มใจว่าจะทำอย่างไรกับของที่จริงๆไม่ได้อยากได้แต่ซื้อเพราะถูก ดิฉันเชื่อว่าข้อนี้สาวๆหลายคนรวมทั้งดิฉันด้วยก็เคยเป็น คือเห็นของลดราคาเป็นไม่ได้ต้องวิ่งเข้าหา พอเสียเงินซื้อของที่ไม่อยากได้จริงๆไปมากๆก็จะไม่มีเงินซื้อของที่คุณภาพดีกว่าหรือสิ่งที่เราอยากได้มากกว่าค่ะ คนชอบซื้อของลดราคาไม่ได้หมายความว่าใช้เงินอย่างชาญฉลาดแต่หมายถึงการใช้เงินอย่างโง่เขลาต่างหาก
• พูดให้คนอื่นดูแย่เพื่อให้ตัวเองดูดี
ท่านโคอิเกะบอกว่านิสัยเสียของหลายๆคนคือการจับกลุ่มนินทาหรือพูดถึงคนอื่นในทางไม่ดีเพราะต้องการให้ตัวเองดูดีและคนอื่นดูแย่ เช่น เพื่อนกำลังจะแต่งงานกับสาวสวยคนหนึ่ง เราก็เริ่มพูดว่า”ฉันว่าถึงเขาจะสวย แต่เขาหยิ่ง นิสัยไม่ดี” ฯลฯ การพูดแบบนี้เพื่อให้คนอื่นดูแย่และตัวเองดูดีขึ้น เพราะยิ่งคนอื่นดีเรายิ่งรู้สึกไม่มีค่า ใจจึงเกิดความกลัวและกังวลจนเรียกร้องว่า “ฉันน่าสงสารจริง ให้ความสำคัญฉันหน่อย” บางคนชอบจับกลุ่มนินทาเพราะคิดว่าเป็นการระบายความเครียด แต่ยิ่งพูดไม่ดีออกมาเท่าไร พิษร้ายก็ยิ่งซึมลึกในจิตใจมากเท่านั้น
• เสพติดคำชมและความรัก
หลาย ๆ คนติดนิสัยคอยเฝ้ารอแต่คำชมจากคนอื่น หากวันไหนมีคนชมจึงรู้สึกมีตัวตนขึ้นมา แต่วันไหนไม่มีใครชมก็เหี่ยวแห้งเฉาตาย ข้อนี้สังเกตได้ง่ายๆเช่น บางคนต้องการโพสต์อะไรบนเฟซบุ้กเพื่อให้มีคนมาไลค์เยอะๆเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เราโพสต์นั้นดีจริงๆคนอื่นต้องขมเราแน่ๆ แต่หากไม่มีคนมาไลค์เลยก็จะรู้สึกเศร้าสลดหดหู่ จริงๆแล้วเป็นเพราะเราเองไม่มั่นใจในตัวเองและมีความกังวลถึงคุณค่าของตัวเองที่มีต่างหาก หากเรามั่นใจว่าเราดีพอก็ไม่ต้องรอให้ใครมาชม ข้อนี้สืบเนื่องถึงการมีความสัมพันธ์คบหาระหว่างคู่รัก บางคนชอบความสัมพันธ์แรกเริ่มที่ดูหวือหวาแต่พอความสัมพันธ์เริ่มนิ่งแล้วกลับรู้สึกว่ามันนิ่งเกินไปทำให้เบื่อ จนหาเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาจนต้องเลิกกับแฟนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
• ติดบ่วงการค้นพบตัวเอง
ท่านโคอิเกะบอกว่าหลาย ๆ คนเรียกร้องงานที่ “ใช่” ทำให้หาความสุขกับชีวิตได้ยาก เพราะยังค้นหาสิ่งที่ “ตัวเองอยากทำ” ไม่เจอสักที พอทำงานอะไรไปก็จะบอกว่า “งานนี้ไม่เหมาะสมกับฉัน” “ฉันทำอย่างอื่นได้ดีกว่า” “ฉันน่าจะได้งานที่ดีกว่านี้” เป็นต้น การคิดวนไปวนมาแบบนี้และใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตทำให้ไม่มีความพอใจในปัจจุบัน ดิฉันคิดว่าหากได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก็ดีแต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็ให้ทำใจรักในสิ่งที่กำลังทำค่ะ ที่แปลกก็คือพวกชอบบ่นก็มักจะบ่นเพียงอย่างเดียวโดยไม่ลงมือทำสิ่งที่ต้องการให้เป็นจริง
มีประโยคหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าเด็ดมากในหนังสือก็คือ นิสัยไม่ดีของผู้อื่นที่เราเห็น แท้จริงคือนิสัยไม่ดีของเรานั่นเอง เช่น หากเราหงุดหงิดเพราะคนนั้นขี้นเสียงใส่ ก็แปลว่าเราก็มีแนวโน้มน่าจะเป็นคนชอบขึ้นเสียงใส่คนอื่นเช่นกัน คนที่ชอบด่าว่าคนอื่นเป็นพวกขี้อิจฉา แท้จริงคนด่านั่นแหละที่ขี้อิจฉา หรือชอบต่อว่าเจ้านายเป็นพวกบ้าอำนาจก็มีความเป็นไปได้ว่าเราเองนั่นแหละที่เป็นพวกบ้าอำนาจ
ดังนั้นจึงควรพึงตระหนักว่าข้อไม่ดีของคนอื่นที่เราเห็นก็คือข้อไม่ดีของเรานั่นเอง นิสัยไม่ดีนั้นแก้ได้หากเราหมั่นขจัดความโลภ โกรธ หลงในจิตใจเราค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– Swan Bakery โดยผู้ก่อตั้งบริษัท Yamato Transport (Kuroneko-แมวดำ) เพื่อให้คนพิการมีงานทำ
– เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในออฟฟิศญี่ปุ่น
– ขายใบไม้เพื่อประดับอาหารญี่ปุ่น สร้างมูลค่าสูงทั้งทางเงินและทางใจ
– Ikigai เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของคุณคืออะไรคะ
– กัมบัตเตะเนะ เพราะความสำเร็จไม่มีทางลัด
– ญี่ปุ่นเพิ่งมาไทย เขาเซอร์ไพรส์อะไรกัน
#ryunosuke koike