เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ อาจมีความคิด ประเด็นที่สังคมรู้สึกเคลือบแคลงใจอยู่บ้าง แต่อยากให้อ่านเพื่อความบันเทิง และถือเป็นการแชร์ประสบการณ์ความรู้ เกี่ยวกับผลงานการเขียนดีๆ ของญี่ปุ่นให้คนไทยรู้จักเพิ่มกัน
ช่วงหลังๆ ตั้งแต่โลกมนุษย์กำลังอยู่บนรอยต่อ “ปกติเก่า”กับ “ปกติใหม่” ผู้เขียนพบว่าพวกเราให้ความสำคัญกับการเรียกร้องสิทธิ เรียกร้องความเท่าเทียม และบูชา “ข้อเท็จจริง” มากกว่าตัวเงินมากขึ้น ซึ่งมันน่าทึ่งมากๆ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ อาจมีความคิด ประเด็นที่สังคมรู้สึกเคลือบแคลงใจอยู่บ้าง แต่อยากให้อ่านเพื่อความบันเทิง และถือเป็นการแชร์ประสบการณ์ความรู้ เกี่ยวกับผลงานการเขียนดีๆ ของญี่ปุ่นให้คนไทยรู้จักเพิ่มกัน
.
ปี 200x ที่ Tokyo
“กฎมีไว้ให้แหก”
สาวน้อยคนหนึ่งพูดกับผม เธอเรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโตเกียว
“วินรู้ไหมเมื่อเราเรียนกฎหมายไปถึงระดับหนึ่ง เราจะรู้สึกว่ากฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมา ไม่ได้สร้างเพื่อให้ทุกคนเท่าเทียมกัน กฎหมายและผู้ใช้กฎหมาย ล้วนต้องมีช่อง เพื่อแหกมันได้”
“ว่าแต่บอกผมทำไมเนี่ย” ผมยังสงสัย
“เพราะวินชอบเชื่อในกฎเกณฑ์ กติกา... มันไม่ถูกเสมอไปหรอก ไม่ว่าวินอยากจะเป็นผู้บริหาร หรือนักเขียนก็ตาม จำไว้นะ... กฎมีไว้แหก”
“งั้นไหนแนะนำหน่อยสิ นักเขียนคนไหนที่เจ๋งๆ ที่ทำตาม กฎมีไว้ให้แหก” ผมถาม
“ลองอ่านหนังสือของ ฮิกาชิโนะ เคโงะ ดูสิ”
ฮิกาชิโนะ เคโงะ
น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่กล้าแหกกฎอะไรจริงๆ เพราะชีวิตเขาเริ่มจากการเป็นซาลารี่แมน... กล้าทำตามฝัน จนกลายเป็นนักเขียนชื่อดัง
พวกคนต่างชาติ ชอบยกย่องว่ามุราคามิ คือนักเขียนเทพเจ้าของญี่ปุ่น แต่ถ้าว่ากันตามจริงตามเนื้อผ้าเลย มุราคามิ เขียนหนังสืออ่านยากมาก ตรงข้ามกับฮิกาชิเคโงะ ที่ชอบเขียนนิยายเหมือนเป็นบทหนัง ทำให้อ่านง่ายเข้าใจง่าย และความจริงก็คือ เขาคือคนที่ทำรายได้เฉลี่ยต่อปีในการเขียนหนังสือ สูงที่สุดในญี่ปุ่นชนะมุราคามิซังด้วยซ้ำ (ด้วยรายได้ประมาณ พันล้านบาท!!)
ที่ร้านหนังสือ..
พอถามถึงหนังสือของฮิกาชิโนะเคโงะ โอ้โห... เต็มไปหมดเลย
容疑者Xの献身 (ที่ของไทยคือ กลลวงซ่อนตาย )
白夜行 เรื่องพระอาทิตย์เที่ยงคืน ที่คือเรื่องที่ดีที่สุดของคนนี้ แต่ผมไม่กล้าซื้อจริงๆ เพราะเล่มมันหนามาก
แต่ผมมาสะดุดใจที่เล่มที่ชื่อ 悪意 (ที่สำนักพิมพ์ไดฟุกุ ใช้ชื่อว่า เจตนาร้าย)
อาคุอิ --- เจตนาร้าย (เล่าโดย วิน เวธิต)
นักเขียนชื่อดังโดนฆ่าตาย เพื่อนของเขาพบศพ
เหล่าตำรวจสืบจนพบว่า เจ้าเพื่อนคนนี้เนี่ยแหล่ะ คือคนฆ่า
สิ่งที่สืบได้คือ ภรรยานักเขียนเป็นชู้กับเพื่อนคนนั้น ทั้งคู่คบคิดกันจนถึงขนาดวางแผนฆ่านักเขียน แต่นักเขียนรู้ก่อน เลยแก้เผ็ดให้เพื่อนของเขาต้องมาเป็น โกสต์ ไรท์เตอร์ตลอดชีวิต โดยขู่ว่าถ้าไม่ยอม จะฟ้องเพื่อนข้อหาคดีพยายามฆ่า
ทั้งๆ ที่เหล่าหัวหน้าและคนรอบข้าง บอกว่าทุกอย่างมันดูสมเหตุสมผลแล้ว คดีก็จบแล้ว จำเลยยอมสารภาพ นักเขียนที่ใช้เพื่อนเป็นโกสต์ ไรท์เตอร์ก็ตายแล้ว แต่พระเอกของเรื่องกับพบความขัดแย้งมากมายในแรงจูงใจอันนี้
พออ่านเรื่องนี้จบ
รู้สึกว่านิยายไม่ได้สอนให้เราแหกกฎอะไร แต่สิ่งสำคัญคือ...
การบูชาและทำงานเพื่อ “ความจริง” เป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามาก พระเอกทำทุกอย่าง คิดทุกวิธี เพื่อทำลายทุกภาพลวงตา เพื่อหาว่า “แรงจูงใจฆ่าที่แท้จริงคืออะไร”
พออ่านสักหนึ่งในสามของเล่ม ผมรู้สึกว่าตัวละครที่เป็นฆาตกร น่าสงสารมาก ทั้งโดนผู้ตาย (ที่เป็นนักเขียน) ทั้งหลอกใช้ แถมชู้รักก็มาโดนรถชนตายอีก
(มีการสปอยล์เนื้อหา อย่ากดดูถ้าไม่อยากเสียอรรถรส )
แต่พออ่านมาถึงสี่หน้าสุดท้าย เราจะพบว่า เรื่องที่เราเข้าใจ กลับตาลปัตรหมดเลย!
ทั้งหมดที่ตำรวจสืบมาว่า ฆาตกรเป็นชู้ ฆาตกรโดนใช้ให้เป็นโกสต์ ไรท์เตอร์ ทั้งหมดการสร้างหลักฐานปลอม !
ฆาตกรเจตนา ที่อยากให้ผู้ตาย ตายโดยสังคมเกลียดชัง มีภาพว่าเป็นคนที่ช่างเลือดเย็น ไม่มีคุณธรรม
แต่ที่จริงแล้ว ผู้ตายไม่ได้เป็นเช่นนั้นสักหน่อย ฆาตกรแค่อิจฉาความสำเร็จของนักเขียนคนนั้น !!
201x
ผมได้ข่าวคราวของสาวที่พูดถึงเรื่องหนังสือฮิกาชิโนะเคโงะ และที่บอกผมว่ากฎมีไว้ให้แหกอีกครั้ง
เป็นข่าวที่ไม่สู้ดีนัก
น้องชายของเธอขับรถชนคน
แน่นอน... ไม่มีใครเจตนาให้มันเป็นแบบนี้ เธอกลัวน้องของเธอจะต้องเข้าคุกมาก เธอและครอบครัวกลัวว่าชีวิตน้องชายเขาจะบิดเบี้ยว และพังทลาย
โชคดีที่บ้านของเธอพอรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองอยู่บ้าง
เรื่องเลยจบที่น้องชายของเธอ รอดจากคุกตาราง แน่นอน ราคาที่ทำให้ความจริงเจือจางไป...แพงมาก!!
แต่นั่นทำให้ผมนึกถึงคำพูดของเธออีกครั้ง
“กฎมีไว้ให้แหก”
และทำให้ผมได้ตระหนักจริงๆ ว่า...
“ความจริงล้วนมีราคา...”
ฮิกาชิโนะ เคโงะมีผลงานมากมายที่ทำให้เราเข้าใจวิทยาศาสตร์ เข้าใจมนุษย์มากขึ้น เข้าใจว่าความยุติธรรม มันมีจริง แต่บางทีมันไม่ได้อยู่ที่ศาลแค่นั้นเอง
และยังช่วยในชีวิตการทำงานมากมาย
“หากเธอยอมปล่อยผ่านเรื่องอะไรไป โดยที่เธอไม่ได้เข้าใจมันแท้จริง สักวันมันจะย้อนมาทำร้ายเธอแน่ๆ”
“สักวันหนึ่ง ยังไงเราก็ต้องบอกความจริง ถึงแม้จะทำให้ชีวิตคนๆ หนึ่งบิดเบี้ยวไปเลยก็ตาม”
“อยากรู้ความจริงเหรอ... แต่มันจะทำให้เราเจ็บปวดมากนะ...”
ขอบคุณเพจ The Standard และสำนักพิมพ์ Daifuku ที่ทำให้มีภาพประกอบที่เข้ายุคเข้าสมัย
คำพูดเท่ๆ ในเรื่องสั้นด้านบน หาได้จากผลงานอาจารย์ฮิกาชิโนะเคโงะ ... แต่จะเป็นเล่มไหน หากสนใจจริง ผู้เขียนยินดีบอกหลังไมค์นะครับ
เรื่องแนะนำ :
- [JAPAN SHOCK] มารุมุระอวดผี! “呪い WEB” เว็บคำสาป
- เรื่องสั้นสองมิติ “เปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”
- 人間性 Ningen Sei ว่าด้วยเรื่อง “ความเป็นมนุษย์”
- [เรื่องสั้นสามมิติ] เทพเจ้ายังเรียกพ่อ
- [เรื่องสั้นหักมุม] กำเนิดตำนานใหม่ “Kimetsu no Yaiba ดาบพิฆาตอสูร” เพลงดาบพิชิต One Piece
#เรื่องสั้นสองมิติ “เปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น”