วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (65) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการแตะมุม
สวัสดีครับ เข้าสู้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนแล้วนะครับ เนื้อหาของ “คัมภีร์แห่งเตโช” ก็ชักจะมีความเป็น strategy มากขึ้นจนผมรู้สึกว่า “คัมภีร์แห่งเตโช” นี่หละคือ “จุดที่อยู่ตรงกึ่งกลางจริงๆ” ที่พ้นจากอะไรที่เป็นเบสิกอย่างที่ผ่านมาใน “คัมภีร์แห่งปฐวี” กับ “คัมภีร์แห่งอาโป”…
…ซึ่งจะพูดไป ไม่กี่วันมานี้ ผมเพิ่งจู่ๆ แวบขึ้นมาในหัวได้ตอนฉี่ (อีกแล้ว) ว่าทำไม มูซาชิถึงเรียงลำดับคัมภีร์ห้าห่วงเป็น ปฐวี-อาโป-เตโช-วาโย-อากาส (ดิน-น้ำ-ไฟ-ลม-อากาส)
มันเป็นการเรียงลำดับ จากสิ่งที่แข็ง หยาบ อยู่กับที่ จับต้องได้ง่ายที่สุด ไปสู่สิ่งที่อ่อน ละเอียด ลื่นไหลแปรเปลี่ยน จับต้องได้ยากที่สุด นั่นเอง
วิชาต่อสู้ เริ่มต้นมา ใช้กายเรียน (แข็ง หยาบ) แต่พอถึงจุดหนึ่งต้องใช้ใจใช้ปัญญาเรียน (อ่อน ละเอียด) เพราะการเข้าใจถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้นั้น ต้องใช้ความเข้าใจในจิต ใช้จินตนาการความคิด ตรึกตรองพิจารณาเอา ก็เปรียบเหมือนวิชาเลข เด็กๆ นับ 1 2 3 เราหยิบลูกหินมานับๆ ได้ มันจับต้องได้ แต่พอพูดเรื่อง “ตัวเลขติดลบ” มันเริ่มต้องใช้จินตนาการ เข้าใจมโนทัศน์ของคำว่า ไม่พอ ขาดไป ด้วย อันนี้เปรียบเทียบแบบหยาบๆ นะครับ
ช่วงนี้ผมมีความคิดคำนึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ (เรื่องการต้องใช้ใจใช้ปัญญาเรียนรู้ให้มาก) ค่อนข้างมาก
โอเคครับ ว่าแล้วก็ลุยต่อไปเลยครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
火の巻
คัมภีร์แห่งเตโช
一七 一 かどにさはると云事
สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการแตะมุม
`角にさはる `と云は `物事強き物をおすに其儘直におしこみがたきもの也 `大分の兵法にしても敵の人数を見てはり出強き所の角にあたりて其利を得べし `角のめるに随ひ惣もみなめる心有 `其める内にもかどかどに心得て勝利を受る事肝要也 `一分の兵法にしても敵の体のかどにいたみをつけ其体少しもよわくなりくづるる体になりては勝事やすきもの也 `此事能々吟味して勝所を弁ふる事専也
ที่เรียกว่า “แตะมุม” นั้น สิ่งต่างๆ ในการกดสิ่งที่เข้มแข็ง กดเข้าไปตรงๆ ทั้งๆ อย่างนั้นได้ยาก แม้พิชัยสงครามของส่วนใหญ่นั้น ดูจำนวนคนของศัตรู กระทบถูกมุมที่เข้มแข็งที่พาดออกแล้ว สมควรได้ซึ่งประโยชน์นั้น ตามการลดถอยของมุม ตั้งจิตว่าล้วนลดถอยหมด ขณะลดถอยนั้น รู้เข้าใจแต่ละมุมแต่ละมุม การรับชัยชนะนั้นเป็นเรื่องใหญ่ใจสำคัญ แม้พิชัยสงครามของส่วนเดียว ใส่ความเจ็บไปที่มุมของกายของศัตรู กายนั้นอ่อนแอลงแม้เพียงเล็กน้อย จะกลายเป็นกายทลายแล้วการชนะเป็นสิ่งที่ง่าย เรื่องนี้ควรคิดพินิจให้ดีๆ รู้ซึ้งซึ่งที่ชนะนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ
การตีความและอภิปราย
การที่เราประจันหน้าตัวๆ กับศัตรูแบบ “ชนกันตรงๆ” “วัดกันไปเลย” นั้น แม้ค่านิยมสังคมจะยกย่อง แต่ถ้าต้องการ “ชนะและมีชีวิตรอด” มันไม่ใช่ทางที่ฉลาดนัก หากรู้ว่าศัตรูเข้มแข็ง หักเอาซึ่งหน้าได้ยาก ก็หา “ส่วนที่พาดออกมา” หาจุดอ่อนให้ได้สักจุด ตีไล่ตอดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพัง
ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ผมได้ลองทดสอบบทเรียนเรื่อง guard retention แล้วผมก็โดนสายดำ pass guard ได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ (พิจารณารูปนี้ประกอบไปด้วย)
ที่มา Keenan Online
- หลักของ guard retention คือ คุณต้องหันมาประจันหน้าคู่ต่อสู้ สองมือสองขาก็ชี้หาคู่ต่อสู้ ฉะนั้น เมื่อไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ว่า คุณก็ต้องหาทางหมุนกลับมาให้อยู่จุดนั้น จากรูป คนที่อยู่ข้างล่าง ถ้าไม่หมุนตัวกลับมาให้ประจันหน้า สองมือสองขาชี้หาคู่ต่อสู้ (เพื่อเข้าคุม) ก็จะเสี่ยงต่อการโดนทับ side control
- แต่ถ้าเกิดคนที่เขาอยู่บน เขารู้ทัน เขาไม่ยอมให้เราเอาเท้ายันเขาได้ เขาเข้าตำแหน่งเอาตัวทับต้นขาเราจนเราเอาเท้าชี้เขาไม่ได้ แบบนี้ล่ะ? (โปรดดูรูปข้างล่าง)
ที่มา BJJ World
敵の体のかどにいたみ(=痛み)をつけ其体少しもよわくなりくづるる(=崩れる)体になりては勝事やすきもの也
เทคิ โนะ คาราดะ นิ อิตามิ โวะ ทสึเคะ โซโนะ คาราดะ สุโกชิ โมะ โยวาคุ นาริ คุสุรุรุ คาราดะ นิ นาริเตะ วะ คัตสึโคโตะ ยาสึคิ โมโนะ นาริ
ใส่ส่ความเจ็บไปที่มุมของกายของศัตรู กายนั้นอ่อนแอลงแม้เพียงเล็กน้อย จะกลายเป็นกายทลายแล้วการชนะเป็นสิ่งที่ง่าย
ในเมื่อโดนกดดันต้นขา จนขยับขาไม่ขึ้น ตัวก็กลายเป็นตะแคง แล้วจะเอาช่องที่ไหนมา retain กลับเข้าตำแหน่งการ์ดได้ มีมือมือเท้าก็ไม่ได้ช่วยยันอะไรได้ อยู่ในตำแหน่งแบบนี้ก็คือถูกทำลายการ์ดแล้ว (กายทลาย)
ควรคิดพินิจให้ดีๆ เมื่อผมเขียนถึงตรงนี้ ผมคิดว่า คงต้องศึกษาทั้งหน้าและหลัง คือ guard retention และ guard passing โดยเฉพาะสาย pressure pass สำคัญมากๆ เรื่องการหาแง่มุมเข้ากดดัน
…แต่พอคิดถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่าตัวเองที่ผ่านมานี่โง่ชะมัด เรื่องแบบนี้ควรรู้ได้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยเวลาล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้
สำหรับการตีความคำสอนของมูซาชิในตอนนี้ ก็ ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ครับ (ฮา) ผมจะขออภิปรายเรื่อง Gracie diet ต่อจากคราวที่แล้วนะครับ
กลุ่ม C อาหารที่กินผสมกันเองได้ กินผสมกับกลุ่ม B ได้แต่ต้องไม่ปรุงด้วยน้ำมันหรือไขมัน
แอปเปิ้ล กล้วย ครีมชีส คอทเทจชีส ลูกพลับ พลัม อินทผลัม องุ่น ฝรั่ง น้ำผึ้ง ผลจาคา เมลอน แตงโม มะละกอ ลูกแพร์ ลูกพรุน มะพร้าว ริโคตาชีส ลูกฟิก ลูกเกด อ้อย น้ำเชื่อม ใบชา เปลือกมะนาว ชาดำ/สมุนไพร กาแฟ/กาแฟไม่มีคาเฟอีน
ผมสงสัยว่า กลุ่ม C นี่ผสมกับกลุ่ม A (พวกผัก) ได้ไหม แต่ไม่พบข้อห้ามอะไร เลยติ๊ต่างว่า กินได้ ครับ จากตรงนี้ทำให้เข้าใจว่า
- กินชา/กาแฟ ใส่น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้ง ได้เลย
- กินชา/กาแฟ ใส่นมถั่วเหลือง (กลุ่ม B) หรือนมอัลมอนด์ (กลุ่ม A) ได้เลย
- ปลาแห้งแตงโม ของว่างไทยโบราณ กินได้นะ
กลุ่ม D ของที่ต้องกินเดี่ยวๆ ห้ามผสมกับอะไรทั้งนั้น
แอปเปิ้ลเปรี้ยว แอปริคอต แบล็กเบอร์รี่ ไซเดอร์ เชอร์รี่ เคอแรนทฺ์ นมข้นแข็ง (Curdled milk) องุ่นเปรี้ยว เกรปฟรุต มะนาว โลควอท โยเกิร์ต มะม่วง พีช ลูกแพร์เปรี้ยว ลูกพลัมเปรี้ยว สับปะรด ทับทิม ส้ม ควินซ์
ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ส้มเขียวหวาน และคีเฟอร์
อันนี้แหละครับประเด็น เพราะว่า ถ้าเชื่อตามนี้
- ข้าวเหนียวมะม่วง กินไม่ได้นะครับ
- ข้าวผัดสับปะรดด้วย
- พวกโยเกิร์ตปั่นกับผลไม้ กินไม่ได้นะครับ
ผมว่ามาถึงตรงนี้ ต้องมีคนด่าผมแน่เลยกับเรื่องสูตรไดเอทแบบนี้ เอาจริงๆ แม้ในเมืองนอกเองยังมีคนพูดว่า ไอ้เรื่องสูตรว่าอะไรกินกับอะไรได้หรือไม่ได้เนี่ย มันเป็นแค่อะไรที่คิดเอาว่า…เพราะ…อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า BROSCIENCE หรือเปล่า เหมือนกับพวกคำแนะนำอะไรต่างๆ ในวงการฟิตเนส/เพาะกาย ว่า ห้ามกินคาร์ปตอนกลางคืนนะ บลาๆ ปัญหาคือ เรื่องการกินอะไรดีไม่ดีเหมาะไม่เหมาะ มันแล้วแต่คนครับ เรามีสิทธิ์ที่จะลอง แต่ว่ามันจะดีกับเราไหม ต้องดูกันอีกที สิ่งที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกับคนๆ นึง อีกคนอาจกลายเป็นผลเสียไปเลยก็ได้ ก็ไม่ต่างจากสูตรไดเอทอื่นๆ ตั้งแต่คีโต พาเอโล ยันวีแกน นั่นหล่ะครับ
ยิ่งกว่านั้น เราต้องยอมรับว่า การกินอาหารมันมีมิติที่ผูกพันกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ รอบตัวคนๆ นั้นมากมาย ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ศาสนา ความเชื่อ บลาๆ ถ้าผมบอกว่า วีแกนสิดี แล้วไปบอกคนมองโกเลียว่า จงกินผัก แล้วก็เลิกกินนมม้า เลิกกินชีส เถอะ เขาอาจบอกผมว่า F**K YOU ก็ได้นะ 555
พูดแล้วขอยกประเด็นเรื่อง “นมวัว” ละกันครับ ใน Gracie diet บอกว่า นมน่ะ…
กินรวมกับ อาหารกลุ่ม B กล้วย (ดิบหรืออบ) ขัณฑสกร ไข่แดงสุก ผลิตภัณฑ์อื่นที่ได้จากนม (ไม่นับนมเปรี้ยว) คีเฟอร์ และโยเกิร์ต ได้
แต่ห้ามกินรวมกับ อาหารกลุ่ม A ผลไม้ทั่วไป ไข่ขาว เนื้อสัตว์ ผลไม้ที่มีน้ำมัน มะกอก น้ำตาล น้ำมันและไขมัน
อย่างไรก็ดี เนื่องจากคนไทยไม่ได้ชอบกินนมมากเหมือนฝรั่ง คงไม่มีอะไรมาก แต่ว่า
- เราไม่ควรกินนมใส่น้ำตาล (นมรสหวาน) แน่นอน นมช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ ก็ด้วย คือควรกินนมที่เป็นรสนมจริงๆ อย่าไปปรุงแต่งรส
ตรงนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เรื่องการไม่กินหวาน ส่วนผมตอนนี้ไม่ค่อยอยากดื่มนม เพราะท้องอืด และรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกินด้วย
ต่อไปนี้เป็นข้อสังเกตและข้อห้าม
*ไข่แดง (ดิบหรือสุก) มะพร้าว กาแฟ บริวเวอร์ยีสต์ และชาหลายชนิดเข้ากันอาหารใดๆ ก็ได้ เพราะถือว่าเป็นกลาง
*หลีกเลี่ยง: ขนมหวาน อาหารกระป๋อง พริกไทยดำ กานพลู อบเชย มัสตาร์ด อาหารหมักดอง และน้ำส้มสายชู
*ห้ามกิน: เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู (แน่นอน ไส้กรอก หมูแฮม กุนเชียง เบคอน เดี๋ยวนะ แคบหมูกับไส้อั่วด้วยไหมเนี่ย 555)
*ขนมปัง: เพื่อให้เกิดการหมักน้อยลง ต้องทำจากแป้งล้วนหรือแป้งธรรมชาติ และรับประทานได้หลังจากผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมงหลังจากอบ นอกจากนี้ควรรับประทานแบบปิ้ง หรืออุ่นด้วยเตาอบ
* ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
* ไม่สูบบุหรี่
เรื่องการไม่กินเครื่องปรุงรส เครื่องเทศ ให้มากไป พอเข้าใจได้ครับ แต่ว่า เรื่องอาหารหมักดอง อย่างที่ผมบอกว่าการกินเนี่ย มันเป็นเรื่องที่ผูกกับวัฒนธรรมด้วย ลองไปบอกคนเกาหลีให้เลิกกินกิมจิ หรือบอกคนญี่ปุ่นให้เลิกกินทสึเคะโมโนะ เลิกกินมิโสะสิครับ 555 แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า ควรกินแต่น้อย
เรื่องขนมปัง ยังค่อนข้างเข้าใจได้ว่ากินของปิ้งร้อนๆ ดีกว่า
เรื่องไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ อันนี้ใครๆ ก็รู้กันว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่เด็ดสุด และชวนให้คนจะทะเลาะกันได้ที่สุด ก็คือ เรื่อง “ไม่กินเนื้อหมู” นี่ล่ะครับ เพราะลองเอาไปพูดตามเว็บบอร์ดสิครับ สารพัดจะยกข้อต่างๆ ทั้งสนับสนุน คัดค้าน แล้วฝ่ายคัดค้านก็จะบี้ว่าเหตุผลของฝ่ายสนับสนุนน่ะ ไม่ได้เรื่อง (เช่นหมูสกปรกบ้าง หมูย่อยยากบ้าง บลาๆ) ดีไม่ดีจะลามปามไปถึงศาสนาอีก…
แต่ปีนี้ผมสมาทานข้อนี้ครับ “ไม่กินหมู” เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวจากประสบการณ์ตัวเอง
- หลายปีมานี้ที่ผมลดความอ้วน ผมมีแนวโน้มจะไม่กินเนื้อสัตว์ที่เห็นชัดๆ ว่ามีมันจะๆ ซึ่งหมูมันก็ นั่นแหละ หมูสามชั้น หมูพะโล้ หมูกระทะ เป็นอาหารต้องห้ามอยู่แล้ว ขนาดหมูปิ้งยังมีมันหมูเสียบมาให้จะๆ ในฐานะคนลดความอ้วนเห็นแบบนี้ก็ไม่ควรกิน
- วันเกิดปีไหนจำไม่ได้แน่ ช่วงที่ลดความอ้วนแล้วเล่นบีเจเจนี่หละ เมียทำ “ซี่โครงหมูบาร์บีคิว” ให้กิน แล้วผมก็เข้า รพ. เพราะอาหารเป็นพิษ เดี๋ยวผมจะบอกเมียว่า ถ้าอยากทำไรให้ผมกิน ขอฟิชแอนด์ชิพเหอะ
- บางทีผมกินชาบู ผมว่าผมได้กลิ่นที่ไม่น่าพิสมัยจากเนื้อหมูดิบ จะว่าเป็นเยี่ยวหรืออะไรก็เหอะ
- เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก ด้วยวัยผมควรไม่กิน ถ้าเกิดมีคนถามอ้าวแล้วทำไมเนื้อวัวกินได้? สำหรับคนไทย เนื้อวัวไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันเท่าเนื้อหมูครับ นานๆ ทีกิน และกินในปริมาณไม่มาก
- หมั่นไส้เรื่องหมูแพง และเห็นความเห็นแก่ได้ของนายทุนบวกกับเรื่องมีข่าวหมูเป็นโรค (แต่ทางการปิดข่าว) แล้วยังเจอข่าวหมูกระทะแช่ฟอร์มาลีนอีก จึงยิ่งรู้สึกไม่โอเคกับเนื้อหมู
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
สุดท้ายขอปิดท้ายเรื่อง “กล้วย” นะครับ กล้วยนั้น
กินผสมกับ แอปเปิ้ล ชีส ครีมสด มะเดื่อสด องุ่น-Moschatel เมลอนหวาน แตงโม ลูกแพร์หวาน ลูกพรุนหวาน ลูกพลับ และผลไม้หวานอื่น ๆ เมื่อยังสด ได้
แต่ห้ามกินรวมกับ อะโวคาโด เนย ผลไม้แห้ง น้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก น้ำมัน + น้ำตาล อ้อย น้ำเชื่อม/น้ำผลไม้ น้ำเชื่อม และน้ำมันและไขมันทั่วไป (กลุ่ม B)
- เห็นแต่ก่อนมีคนไทยกินกล้วยหอมกับเนย ไม่รู้ไปเอามาจากไหน แต่กินไม่ได้นะครับ
- กล้วยทอด กล้วยแขก กล้วยพันแป้ง บาบาน่าฟริตเตอร์ ซาโมซ่ากล้วย ต้องไม่กินนะครับ
อย่างน้อยการเลี่ยงหวาน-มัน ย่อมดีต่อสุขภาพนะครับ อยาลืมกินน้ำหนึ่งแก้วตอนตื่นเช้าและก่อนเข้านอนด้วย ขอปิดท้ายรายการด้วยข้าวแกงกะหรี่ในห้างที่กินหลังดูจอห์นวิค 4 จบ 555 ก็ดี แต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก ในเชียงใหม่ยังมีร้านข้าวแกงกะหรี่รอให้ผมตามไปชิมอีกครับ แล้วจะลงรูปให้ดูเรื่อยๆ 55
แล้วก็ ฝากรายการพอตแคสต์ “ยูยิตสู เพื่อชีวิต ที่ดีกว่า” ด้วยนะครับ ทั้งใน Spotify และ Google Podcast (เมื่อไหร่มันจะสามารถส่ง RSS feed ไปหา YouTube Music ได้มั่งวะเนี่ย 55) พยายามลงตอนใหม่ทุกสัปดาห์ครับ
https://podcasts.google.com/feed/
วันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน พบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (64) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบหก สิ่งที่เรียกว่าการฉาบ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (63) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบห้า สิ่งที่เรียกว่า การทำให้หวั่นกลัว
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (62) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบสี่ สิ่งที่เรียกว่าการทำให้จิตขัดข้อง
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (61) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบสาม สิ่งที่เรียกว่าการทำให้ย้าย
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (60) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบสอง สิ่งที่เรียกว่าการกดเงา
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (65) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าการแตะมุม