วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (51) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สาม สิ่งที่เรียกว่าลงมือก่อนทั้งสาม
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ช่วงนี้ในด้านหนึ่งผมก็โฟกัสอยู่กับการฝึกเพื่อคอยดู แก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองแบบว่า อะไรที่ยังไม่รู้ ก็ต้องขวนขวายให้รู้ อะไรที่ยังทำไม่ได้ ก็ต้องหัดเอาให้ได้ (จะได้ระดับไหนก็ตามที) บางคนแย้งผมว่าไม่เห็นจะต้องทำแบบนั้นเลยคืออะไรที่ไม่ถนัดก็ไม่ต้องไปอะไรกับมันมาก มันก็จริงอยู่ครับว่าเราอาจถูกจำกัดด้วย “กาย” ของเรา (สูงต่ำอ้วนผอมชายหญิงเด็กแก่) แต่ผมคิดว่า ถึง “กาย” จะถูกจำกัด แต่เราไม่ควรให้ “จิต” ของเราถูกจำกัดไปด้วยเสียก่อนด้วยการคิดไปก่อนว่าโอ๊ยทำไม่ได้หรอก ลองดูก่อน ลองทำดู แล้วมันได้หรือไม่ได้เพราะอะไร เราค่อยมาคิดแยกแยะให้รู้ซึ่งเหตุปัจจัยดู อย่างน้อยถึงเราอาจไม่ดีเด่นใน “กระบวนท่า” นั้นๆ แต่จิตใจและความคิดของเรานั้น ควรจะพัฒนาขึ้นได้อย่างแน่นอน
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ไม่ได้ได้มาลอยๆ แต่ได้มาเพราะอะไรนั้น เดี๋ยวจะเฉลยท้ายเรื่องครับ เอาล่ะวันนี้เข้าเนื้อหากันก่อนเลย
คำแปลข้อความต้นฉบับ
火の巻
คัมภีร์แห่งเตโช
三 一 三ツの先と云事
สาม สิ่งที่เรียกว่าลงมือก่อนทั้งสาม
`三ツの先 `一ツは我方より敵へかかるせん `けんの先 `と云ふ也 `又一ツは `敵より我方へかかる時の先 `是は `たいの先 `と云也 `又一ツは我もかかり敵もかかりあふ時の先 `体々の先 `と云 `是三ツの先也 `何れの戦ひ始にも此三ツの先より外はなし `先の次第を以て勝事を得るものなれば先と云事兵法の第一也 `此先の子細様々は有りと云へ共其時の理を先とし敵の心を見我兵法の智恵を以て勝事なればこまやかに書分る事に非ず
ลงมือก่อนทั้งสาม (นั้น) อันหนึ่งคือ ลงมือก่อนจากทางเราเข้าหาศัตรู เรียกว่า “ลงมือก่อนเข้าหา” อีกอันหนึ่งคือ ลงมือก่อนของยามที่จากศัตรููเข้ามาหาทางเรา นี้เรียกว่า “ลงมือก่อนคอยท่า” อีกอันหนึ่งคือ ลงมือก่อนของยามที่เราก็เข้าหาศัตรูก็เข้าหา เรียกว่า “ลงมือก่อนกายต่อกาย” นี้คือลงมือก่อนทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต่อสู้อันไหน ไม่มีอย่างอื่นนอกไปจากลงมือก่อนทั้งสามนี้ อาศัยลำดับแห่งลงมือก่อน หากได้ชัยชนะล่ะก็ สิ่งที่เรียกว่าลงมือก่อนนั้นคืออันดับหนึ่งในพิชัยสงคราม รายละเอียดปลีกย่อยของลงมือก่อนนี้ แม้จะกล่าวว่ามีหลากหลายอย่าง ให้เอาหลักของยามนั้นมาเป็นลงมือก่อน ดูจิตของศัตรู อาศัยภูมิปัญญาของพิชัยสงครามของข้าฯ หากเอาชัยได้ละก็ ก็มิต้องเขียนจำแนกให้ยิบย่อยไป
`第一 懸の先 `我かからんと思ふ時静かにして居俄かにはやくかかる先 `うへを強くはやくして底を残す心の先 `又我心をいかにも強くして足は常の足に少はやく敵のわきへよると早くもみたつる先 `又心をはなつて初中後同じ事に敵をひしぐ心にて底まで強き心にて勝 `是何れも懸の先也
อันดับแรก ลงมือก่อนเข้าหา ยามเมื่อคิดว่าเราจะบุก ให้ทำตนให้สงบนิ่ง แล้วทันใดนั้นเข้าหาเร็วไว ลงมือก่อนตั้งจิตว่าบนให้แรงให้ไว เหลือก้นบึ้งไว้ หรือจิตเราให้เข้มแข็งไว้ เท้านั้นให้เร็วกวาเท้าปกติเล็กน้อย มาที่ยังสีข้างของศัตรููเข้าตีให้ไว หรือปล่อยจิตให้ต้นกลางลงมือก่อนเสมอกัน ด้วยจิตดันให้แหลกซึ่งศัตรู จิตแรงกล้าถึงก้นบึ้งแล้วชนะ นี้ไม่ว่าอันไหนก็เป็นลงมือก่อนเข้าหา
`第二 待の先 `敵我方へかかりくる時少しもかまはずよわき様に見せて敵近くなつて `づん `とつよくはなれて飛付様に見せて敵のたるみを見て直に強く勝事是一ツの先 `又敵かかりくる時我も猶強くなつて出る時敵のかかる拍子のかはる間をうけ其儘勝を得る事是待の先の理也
อันดับสอง ลงมือก่อนคอยท่า ยามศัตรูเข้าหายังทางเรา ไม่ตั้งท่าแม้แต่น้อย ทำให้ดูเหมือนอ่อนแอ พอศัตรูเข้าใกล้ ผละออกโดยแรง “ซึน” ให้ดูเหมือนโดดใส่ ดูที่หย่อนของศัตรู แล้วเอาชัยโดยแรงทันที นี่คือลงมือก่อนอย่างหนึ่ง หรือยามศัตรูเข้ามา ยามเราก็ออกมาแรงยิ่งกว่า รับช่องว่างที่จังหวะศัตรูเข้าหานั้นเปลี่ยน แล้วได้ชัยชนะทั้งๆ อย่างนั้น นี่คือ ลงมือก่อนคอยท่า
`第三 体々の先 `敵はやくかかるには我静に強くかかり敵近くなつて `づん `と思ひきる身にして敵のゆとりの見ゆる時直に強く勝 `又敵静かにかかる時我身うきやかに少はやくかかりて敵近くなりてひともみもみ敵の色に随て強く勝事是体々の先也
อันดับสาม ลงมือก่อนกายต่อกาย ศัตรูเข้าหาเร็วไว เราสงบนิ่ง เข้าหาโดยแรง ศัตรูเข้าใกล้ กายตัดสินใจเด็ดขาด “ซึน” ยามที่เห็นศัตรูเปิดช่อง เอาชนะโดยแรงทันที หรือยามศัครูเข้าหาอย่างสงบนิ่ง กายตนให้ลอยเบาเข้าหาโดยไวเข้าใกล้ศัตรู คลึงๆ กันหน่อย ไปตามสี (สภาวะ) ของศัตรู เอาชนะโดยแรง นี้คือลงมือก่อนกายต่อกาย
`此儀濃に云分がたし `此書付を以て大形工夫有べし `此三ツの先時に随ひ理に随ひいつにても我方よりかかる事には非るものなれ共同じくは我方よりかかりて敵をまはしたき事也 `何れも先の事兵法の智力を以て必ず勝事を得る心能々鍛錬有べし
หลักนี้ยากจะพูดแยกให้เข้มข้น อาศัยที่เขียนใส่ไว้นี้ ควรคิดภาพใหญ่ให้แยบคาย ลงมือก่อนทั้งสามนี้ ไปตามยาม ไปตามหลัก แม้ยามใดกลายเป็นมิใช่การเข้าหาจากทางเรา ในทำนองเดียวกัน (ให้) เข้าหาจากทางเรา วนรอบศัตรู ไม่ว่าอันไหน เรื่องของลงมือก่อน อาศัยกำลังปัญญาของพิชัยสงคราม จักต้องได้ชัยชนะแน่นอน สมควรฝึกฝนบ่อยๆ
การตีความและอภิปราย
บทนี้ตอนนี้ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าสำคัญมากๆ เพราะเป็นหลักการในการเข้าท่าคู่ต่อสู้ น่าเสียดาย ที่มาอ่านแบบวิเคราะห์วิจัยเพื่อที่จะเขียนเป็นบทความ เอาหลังจากที่แข่งไปแล้ว (แพ้ไปแล้ว) น่าเสียดายพอๆ กับที่ผมได้เรียนรู้การแก้ไขกระบวนท่า ashi garami to single leg x ที่สามารถใช้เป็นท่ากวาดให้อีกฝ่ายลงพื้น (sweep) ให้ถูกต้องดีขึ้นได้ หลังจากที่ใช้ท่านี้ในสนามแข่งไม่สำเร็จ (สุดท้ายก็แพ้ไป) ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า ทำไมต้องมารู้หลักการวิธีการอะไรดีๆ เอาหลังจากที่แพ้ไปแล้วอยู่เรื่อย (ฮา)
ไม่เป็นไรครับ ผมยังมีชีวิตอยู่ และยังฝึกต่อได้ (ฮา)
บทนี้สำหรับผมเอาจริงๆ ก็แปลไทยยากอยู่ คำว่า “เซ็น” 先 นั้น ผมขอแปลเท่าที่สติปัญญาของผมจะอำนวยละกันนะครับว่า “ลงมือก่อน” แต่เอาง่ายๆ ว่า ในการต่อสู้ตัวต่อตัว จะในการสแปริ่ง หรือในการแข่งก็ตาม มันก็มีการรุกเข้าทำอยู่แค่สามอย่างจริงๆ คือ เราชิงพุ่งเข้าไปหาก่อนเลยแบบเปิดก่อนได้เปรียบ หรือเราคอยคู่ต่อสู้เข้ามาแล้วแทงสวน หรือต่างคนต่างพุ่งใส่กัน
จากนี้ไปผมจะขอยกตัวอย่างกรณีที่ผมเจอกับตัวเองละกันครับ
ในเรื่องของการชิงเข้าทำก่อน ปกติคนยืนประจันหน้ากัน ย่อมหันเข้าหากันแบบ เอาเท้าซ้ายนำบ้าง เอาเท้าขวานำบ้าง ซึ่งจะทำให้ลำตัว ขา และแขนข้างนั้นยื่นออกมาก่อน สมมุติว่าอีกฝ่ายยืนเอาเท้าขวานำ เราก็เข้าจู่โจมที่แขนขวาก่อน (เข้าจับแขนเสื้อขวา พร้อมกับคอเสื้อซ้ายหรือขวา) แล้วเข้าประชิดหมุนตัวเองออกไปทางขวาของคู่ต่อสู้ (เทคิ โนะ วาคิ เอะ โยรุ โต๊ะ ฮายาคุ โมมิทัตสุรุ เซ็น 敵のわきへよると早くもみたつる先) นี่ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการเข้าท่าก่อน (หรืออีกหนึ่งรูปแบบคือ ใส่สุดแรงเอาให้แหลก นั่นก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งพบมากในคนหนุ่มๆ ที่ยิมผม (ฮา))
ส่วนการคอยคู่ต่อสู้เข้ามาแล้วสวนนั้น อันนี้ล่าสุดคือผมโดนกับตัวเองในการแข่งเลย ทีแรกผมก้าวถอยแล้วก้าวไปข้างหน้าใหม่ กะจับแขนเสื้อก่อน ปรากฎว่าเขาคอยตั้งรับ คือผมเข้าประชิดเตรียมจะจับ กลับโดนชิงจับคอเสื้อก่อนแล้วก็ “โดด” เข้าทำ closed guard กลางอากาศเลย “รับช่องว่างที่จังหวะศัตรูเข้าหานั้นเปลี่ยน แล้วได้ชัยชนะทั้งๆ อย่างนั้น” (เทคิ โนะ คาคารุ เฮียวชิ โนะ คาวารุ มะ โวะ อุเคะ โซโนะมะมะ คาจิ โวะ เอรุ โคโตะ 敵のかかる拍子のかはる間をうけ其儘勝を得る事)
ส่วนการที่ต่างคนต่างพุ่งเข้าหากัน ในบีเจเจโดยเฉพาะถ้าใน No-gi จะเห็นชัดว่ามีหลายกรณีที่ต่างกับบล๊อกแขนเหนี่ยวคอใส่กัน เข้าปล้ำกันเอาอีกฝ่ายให้ลงพื้น (wrestle) ซึ่งจะกลายเป็นเกมชิงทำให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกันไปเลย จุดนี้มีหลายกรณีที่ต้องหมุนไปมา หาจุดที่คู่ต่อสู้จะเสียสมดุลได้ (เช่นมุมที่จะทำให้คู่ต่อสู้ยืนเหมือนเท้าขนานกัน ซึ่งจะล้มง่ายกว่ายืนแบบมีเท้าหน้าเท้าหลัง) หรือเหนี่ยวคอลงจนอีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถลำหัวลงไปแล้วเตรียมกดน้ำหนักตัวลงไปเลย “ ศัตรูเข้าใกล้ กายตัดสินใจเด็ดขาด “ซึน” ยามที่เห็นศัตรูเปิดช่อง เอาชนะโดยแรงทันที” (เทคิ จิคากุ นัตเตะ “ซึน” โต๊ะ โอโมอิคิรุ มิ นิ ชิเตะ เทคิ โนะ ยุโทริ โนะ มิยุรุ โทคิ สุงุ นิ คะจิ 敵近くなつて `づん `と思ひきる身にして敵のゆとりの見ゆる時直に強く勝)
เอาจริงๆ นี่ก็เป็นหลักการที่พูดยาก อธิบายให้แยกย่อยก็ออกจะยาก (คือมันต้องลองมาเล่นเอง) ฝึกเอาให้ได้ยิ่งยากกว่า การจะจับหลักได้ก็ต้องใช้เวลาในการค่อยๆ แกะ สังเกตความผิดพลาดของตัวเองแล้วแก้ไปเรื่อยๆ
พูดไปแล้วก็นึกถึงลูกตัวเอง ตอนนี้ลูกชายวัยจะเก้าขวบ (ณ เดือนธันวาคม 2022) เขาก็ ทำ closed guard ได้แล้ว escape from side control แล้วพลิกตัวเป็น turtle ได้แล้ว หัดปีนข้างหลังทำ back take แล้ว transition เป็น mount ได้แล้ว ซึ่งทำให้ผมดีใจและโล่งใจ ทีแรกผมกลัวว่าเขาจะไม่อินกับวิชาสายคว้าจับปล้ำทุ่มแล้วจะกลายเป็นแบบ ไม่เอาทางนี้ แต่พอเห็นเขาทำได้แล้วแฮปปี้ ผมก็เลยว่าผมจะค่อยๆ หยอดพื้นฐานให้เขาไปเรื่อยๆ สอนแบบ เอาผลที่แล้วมาตั้งต้น อันไหนทำได้สอนกระบวนท่าต่อเนื่อง อันไหนทำไม่สำเร็จก็บอกจุดที่ต้องแก้ไขไป ค่อยๆ หยอดไปทีละนิดๆ
เชื่อไหมครับ บีเจเจเนี่ย ถ้าเด็กเรียนแล้วเขา “เก็ต” กับมัน เรื่องท่วงท่า เทคนิคการเคลื่อนไหว ในบางด้าน เขาไปได้ไวกว่าผู้ใหญ่ อีกนะครับ!
ถามว่าเพราะอะไร ถ้าให้ผมตอบ ผมจะตอบว่า เพราะเด็กๆ นั้น “ใจไม่มีตะกอน”
“ใจไม่มีตะกอน” คือ เขาไม่คิดให้ใจขุ่นมัวไปก่อนว่า ฉันห่วย ฉันทำไม่ได้หรอก บลาๆ ก็แค่เล่นไปเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณธรรมชาติธรรมดาของสัตว์โลกเท่านั้นเอง อย่างพวกลูกหมาลูกแมวลูกเสือลูกหมี ตอนเด็กๆ มันก็นัวๆ กัน ปล้ำกันตบกันบ้างไปตามประสา เป็นการเล่นในวัยเยาว์เพื่อที่โตมาจะได้มีทักษะในการล่าเพื่อหาเลี้ยงชีพตน
พอมองในด้านนี้ “ผู้ใหญ่” ตังหากที่ “ใจมีตะกอน” เต็มไปด้วยความคิดสงสัย ความกลัว ความไม่มั่นใจ ต่างๆ นานา ร้อยแปดพันเก้า ถ้าอยากจะเรียนรู้ได้ไวมีใจที่เหมือนกับเด็กๆ ก็ต้อง “ล้างใจ” ตัวเองเสียก่อน
“ล้างใจ” (เซ็นชิน 洗心)
แล้วถามว่า ไอ้ “ล้างใจ” เนี่ย มันต้องทำยังไง
ถ้าให้ผมตอบเองแบบบ้านๆ เอาแบบที่ผมพยายามทำอยู่ ก็คือ
- เวลามีความคิดอะไรลบๆ ที่ว่ามา คอยเตือนตัวเอง ว่า มันเป็นความคิดที่ คิดไปก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร ให้ละเสีย
- พยายามทุ่มเทกาย ใจ เวลา แรงงาน ไปกับการฝึกฝน ให้ตัวเองดีขึ้น ทั้งกาย ใจ เทคนิค ดีกว่า
คนที่คิดลบอะไรไปเรื่อยได้ คิดฟุ้งซ่านได้ แสดงว่า เวลาเหลือเยอะเกินไป เลยมีเวลาทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เอาเวลากับแรงงานไปทำสิ่งที่จะมีประโยชน์ ดีกว่าไหม
นี่ก็เลยเป็นเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงต้องฝึกถี่ๆ เรียกว่าแทบจะรีดยาสีฟันจนหมดหลอด กลับมาก็นั่งดูวิดีโอสอนจนกว่าจะง่วงนอน นอนคร่อกๆ ตื่นมาไปทำงาน เย็นซ้อม เย็นไหนไม่มีซ้อมก็ กลับบ้านเร็วหน่อย นั่งเล่นกับลูกๆ และทำไม่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของจิตใจ ทัศนคติ ไม่แพ้เรื่องร่างกายกับเทคนิค (ซึ่งผมเห็นว่า คนหนุ่มๆ เขาไปเพ่งเล็งสองสิ่งนี้กันเยอะ อาจจะเพราะผมแก่เกินไปก็ได้กระมัง)
และที่สำคัญอีกอย่าง คือ “การพักผ่อน” เห็นผมซ้อมแบบนี้ ผมเองก็ต้องแบบว่า นอนให้มีคุณภาพ เหมือนกัน การให้ร่างกาย (และจิตใจ) ได้พักฟื้น มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างกายใจเหมือนกัน ที่จริงด้วยอายุผม บางทีโรคนอนไม่ค่อยหลับ ลุกฉี่ดึกๆ มันก็เคยถามหา (ไม่รู้จะบอกว่า “วัยทอง” มาเยือนหรือเปล่า) แต่ด้วยวิถีชีวิตทีฝึกๆ ก็เลยทำให้หลับได้ยาวๆ ถึงเช้าได้
เป็นไงบ้างครับสำหรับ “คัมภีร์แห่งเตโช” ส่วนตัวผมผมรู้สึกว่าพอเข้าคัมภีร์แห่งเตโชแล้ว เนื้อหามีความเข้มข้นขึ้นเยอะเลยครับ ผมนี่ต้องอ่านแล้วอ่านอีกกันเลยกว่าจะได้สักหนึ่งตอน หากท่านผู้อ่านได้ประโยชน์จากข้อเขียนตรงนี้ สำหรับผมก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าอะไรทั้งแล้วครับ
ฝากคำคมโดนใจกันสักนิดครับ
ที่มา facebook (เพจ BJJ Thailand)
อ่านแล้ว มันใช่เลยมากๆ ครับกับชีวิตผม
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (50) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สอง สิ่งที่เรียกว่าลำดับของแห่งที่
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (49) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): หนึ่ง บทนำ
– (เรื่องแทรก ส่งท้ายปี) SIAM CUP (2022 WINTER EDITION) สยามใจ เสร็จแล้วไป SIAMDOL CAFE!!
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (48) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สามสิบแปด ปัจฉิมลิขิต
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (47) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สามสิบเจ็ด สิ่งที่เรียกว่าตำแหน่งสื่อตรง
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (51) คัมภีร์แห่งเตโช (ไฟ): สาม สิ่งที่เรียกว่าลงมือก่อนทั้งสาม