ท่านแซวว่าทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางม้าลาย แต่คนขับรถกับคนข้ามถนนก็สามารถมองตาแล้วรู้ใจกันได้ดี ฝ่ายคนข้ามก็ไม่ได้ยกมือขอทาง มองตาวัดใจกับคนขับ แล้วก็ก้าวเท้าฉับ ๆ ข้ามถนนไปเลย มันช่าง…มองตาแล้วรู้ใจกันมาก ๆ ใครจะยอม ใครจะไป ท่านเลยสงสัยว่าคนไทยมีวิธีสื่อสารระหว่างกันโดยไม่แสดง Body Language อะไรเลยได้อย่างไร
เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา สายการบิน ANA จัดงานชมราคุโกะขึ้นที่โรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท โดยเชิญตลกชื่อดัง อาจารย์ทาเทกาว่า ชิโนะสึเกะ มาที่ประเทศไทย
Rakugo เป็นการพูดตลกชนิดหนึ่งที่ผู้พูดสวมบทบาทหลายคน ตลกด้วย ฝึกจินตนาการผู้ฟังด้วย สืบทอดกันมาตั้งแต่ 400 กว่าปีก่อน และยังเป็นที่นิยมอยู่จนปัจจุบัน (เคยทำเป็นละครด้วย เรื่องมันส์มากค่ะ https://www.marumura.com/aka-medaka/)
ขอชื่นชม ANA ที่เลือกราคุโกะมาสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ เพราะเป็นอีเว้นท์ที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่น ตรงกับสโลแกน Inspiration of Japan ได้เป็นอย่างดี

อาจารย์ทาเทกาว่าได้รับเชิญมาแสดงที่กรุงเทพฯ ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 9 ปีแล้ว ครั้งนี้ท่านเล่าว่าประทับใจในความเหมือนของคนญี่ปุ่นกับคนไทยอย่างหนึ่ง คือเรื่องลมหายใจอะ-อุน (阿吽の呼吸) แปลเป็นภาษาไทย คือ แค่มองตาก็รู้ใจ
คนญี่ปุ่นมักจะใช้ประโยคนี้เวลาพูดถึงคู่สามีภรรยา เช่น แค่สามียกมือจะหยิบอะไร ภรรยาก็รู้ใจและหยิบของสิ่งนั้นมาให้โดยไม่ต้องใช้คำพูด หรือบางครั้งในการประชุมแค่มองตาเจ้านาย ลูกน้องก็รู้ว่าต้องพูดอะไรหรือหยิบเอกสารชิ้นไหนขึ้นมา
ทีนี้เรื่องลมหายใจอะ-อุน ที่อาจารย์ทาเทกาว่าเห็นในไทยเกิดขึ้นตอนที่ท่านกำลังนั่งรถจากสนามบินมาที่โรงแรม ตอนเลี้ยวเข้าถนน (คาดว่าเป็นถนนอโศก) ท่านแซวว่าทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางม้าลาย แต่คนขับรถกับคนข้ามถนนก็สามารถมองตาแล้วรู้ใจกันได้ดี ฝ่ายคนข้ามก็ไม่ได้ยกมือขอทาง มองตาวัดใจกับคนขับ แล้วก็ก้าวเท้าฉับ ๆ ข้ามถนนไปเลย มันช่าง…มองตาแล้วรู้ใจกันมาก ๆ ใครจะยอม ใครจะไป ท่านเลยสงสัยว่าคนไทยมีวิธีสื่อสารระหว่างกันโดยไม่แสดง Body Language อะไรเลยได้อย่างไร
สำหรับอาจารย์ทาเทกาว่าและชาวญี่ปุ่นอีกหลาย ๆ คน ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก เพราะที่ญี่ปุ่นเวลาจะข้ามถนนคนญี่ปุ่นต้องข้ามที่ทางม้าลาย แถมตรงทางม้าลายจะมีไฟแดง-เขียว คอยบอกจังหวะว่าให้ไปหรือไม่ คนขับก็แค่ดูสัญญาณไฟ เรียกได้ว่าทั้งคนข้ามและคนขับทุกคนอยู่ในกฎระเบียบที่ถูกวางเอาไว้
แต่ที่เมืองไทยไม่ใช่ … ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ … เรามองชิล ๆ เล็งทำเลเหมาะ ๆ ที่จะข้าม หยุดยืนที่ถนนตรงหน้า ตามองซ้ายขวา ขาเตรียมก้าว ได้จังหวะปุ๊บรีบหย่อนขาก้าวเชิ้บ ๆ ไปบนถนนไปทันที ผู้หญิงคนไหนสวยหน่อยอาจเชิดหน้าน้อย ๆ จิกส้นสูงเดินไปงาม ๆ อย่างผู้มีชัยชนะได้
ทักษะการเดินข้ามถนนนี้ เป็นทักษะที่เราหัดกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่ผู้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ข้ามถนนมักจะเป็นคุณแม่ แกจะจูงมือพวกเราข้ามถนน คอยสอนวิธีกะจังหวะ จนเราแกร่งกล้าวิชา (ขอบพระคุณหม่อมแม่เกตุวดีมา ณ ที่นี้) แต่คนญี่ปุ่นถูกฝึกมาคนละแบบ คนสอนส่วนใหญ่จะเป็นคุณครูอนุบาลค่ะ คุณครูจะสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักทางม้าลายก่อน เวลาหนู ๆ จะข้ามถนน ต้องมองหาทางม้าลายนะลูก… และไปข้ามตรงนั้นทุกครั้ง ครูสอนให้เด็กดูสัญญาณไฟแดงเขียวให้คนเดิน ถ้าทางม้าลายไหนไม่มี เด็ก ๆ จะถูกฝึกให้ยกมือสูง ๆ เวลาข้ามถนน เพราะเด็กอนุบาลตัวเล็กเดี๋ยวรถมองไม่เห็น

หากสังเกตดี ๆ เด็ก ๆ จะใส่หมวกสีสันสดใสด้วยเวลาต้องเดินออกนอกโรงเรียน เพื่อให้คนขับรถยนต์เห็นชัดนั่นเอง

ส่วนคนขับก็มีมารยาท หากเห็นคนทำท่าจะก้าวเดินบนทางม้าลายเมื่อไร ต้องหยุดให้คนเดินก่อนเสมอ อันนี้เป็นจริง ๆ ดิฉันลองทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว เวลาเดินไปปุ๊บแล้วมีรถเลี้ยวมา แม้ว่าเขาจะดูรีบร้อนแค่ไหน แต่เขาจะหยุดให้เราไปก่อนเสมอจริง ๆ ค่ะ (ลองไปวัดใจดูที่ท้องถนนญี่ปุ่นได้ แต่กรุณาไปเล่นตรงทางม้าลายนะคะ)
สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณสายการบิน ANA อีกครั้งที่กรุณาจัดงานดี ๆ และเชิญ Marumura ไปหัวเราะเบิกบานกันตั้งแต่ต้นปีนะคะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับสายการบิน ANA
ความน่ารักอย่างหนึ่งของสายการบิน ANA คือ แอร์สามารถเลือกผ้าพันคอที่ตนชอบและพันแบบใดก็ได้ ให้อิสระเต็มที่ ข้อดีของผ้าพันคอ คือ นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว เวลาเกิดอุบัติเหตุกะทันหัน แอร์สามารถใช้ผ้าพันคอมาพันแผลผู้โดยสารไว้ก่อนได้ (ช่างคิดจริง ๆ)

ท่านใดสนใจวิธีผูกผ้าพันคอเก๋ๆ สไตล์ ANA ดูได้จากลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://www.analatte.com/mimiyori/201310/

ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– ญี่ปุ่นเม้าท์: ตอน “นมข้นไทย”
– เข้าใจคนญี่ปุ่นจากหนังสือฮาวทูยอดฮิต
– เมื่อถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ในญี่ปุ่น
– เมื่อต้องไปเจอพ่อแม่แฟนญี่ปุ่น
– คนญี่ปุ่นกับ “บ้านนอก”