“เห็ดมัตสึตาเกะไม่ใช่ทรัฟเฟิล แต่เรามีดี”
เห็ดที่ได้รับการยอมรับชาบูยกย่องเรื่องความอร่อยจากคนทั่วโลก คือ เห็ดทรัฟเฟิล เนื่องด้วยเห็ดชนิดนี้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และหาได้ยาก เจริญเติบโตได้ดีบริเวณใต้ผิวดินที่ต้นโอ๊คหยั่งรากลึก ความชื้นและอุณหภูมิต้องพอเหมาะ
เห็ดทรัฟเฟิลพบได้มากในบางพื้นที่ของทวีปยุโรป ความแรร์ของมันที่ทำให้คนต้องง้อเป็นความเรื่องมากของมันที่มนุษย์ไม่สามารถปลูกได้เอง ต้องเกิดจากธรรมชาติเท่านั้น กว่าจะควานหาได้ยากแสนยาก ปีหนึ่งเก็บเกี่ยวได้เพียง 2 ครั้ง คือ ในช่วงฤดูร้อน และฤดูหนาว ราคาซื้อขายอยู่ที่ตั้งแต่ 100,000 – 300,000 บาทต่อกิโลกรัม เห็ดทรัฟเฟิลแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดขาวและดำ โดยสีขาวจะมีราคาสูงกว่า
เมื่อข้ามมาที่ฝั่งเอเซียเห็ดที่ได้การขนานนามว่าเป็นราชาเช่นกัน คือ เห็ดมัตสึตาเกะ (เห็ดสน) จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งจะได้กินกันในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเห็ดสนเป็นยาอายุวัฒนะ มีกลิ่นหอม และหากินได้ยาก เพราะจะเติบโตให้เก็บได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น
เห็ดนี้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก เช่น ช่วยให้ทุกระบบในร่างกายทำงานเป็นปกติ, ป้องกันเซลล์เสื่อม, เสริมภูมิคุ้มกัน เห็ดสนจะขึ้นในธรรมชาติป่าสนเท่านั้น เกษตรกรที่ปลูกบางคนต้องยึดภูเขาเป็นลูกเพื่อใช้ในการปลูกเห็ดและติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันคนเข้ามาขโมย เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีเห็ดสนคุณภาพดีที่สุด คือ เมืองนัมบะ กำลังการผลิตเห็ดสนในญี่ปุ่นผลิตได้แค่ 1,000 ตันต่อปี ทำให้มีคนนำเห็ดปลอมจากแคนาดา จีน มาหลอกขาย ลักษณะของเห็ดมีสีน้ำตาลเข้ม ยาว 10-20 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมเชิญชวนให้คนมาลิ้มลอง เอาไปทำอาหารอะไรก็อร่อย
หากทำการโหวตจากคนทั่วโลกว่าเห็ดใดเป็น “เห็ดอร่อยที่สุด” เห็ดทรัฟเฟิลน่าจะชนะเห็ดมัตสึตาเกะไปด้วยคะแนนนำลิ่วเพราะความเป็นสากลของมันที่คนทั่วทุกมุมโลกต้องเคยได้ยิน บางคนได้มีโอกาสลิ้มลอง แต่หมอคิดว่าถึงแม้ เห็ดมัตสึตาเกะจะแพ้การโหวตไป แต่ไม่น่าจะมีผลต่อความภาคภูมิใจในตัวเอง (self-esteem) ของมัน เพราะเห็ดมัตสึตาเกะรู้จักตัวเองดีว่ามีคุณค่ากับชาวญี่ปุ่นมากแค่ไหน การที่แพ้โหวตมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เห็ดทรัฟเฟิลมีการแปรรูปกระจายเป็นสินค้าไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเห็ดสด, ซอสปรุงรสต่าง ๆ ทำให้มีคนที่เข้าถึงรสชาติของมันได้มากกว่าเห็ดมัตสึตาเกะที่จำกัดวงอยู่แค่ในญี่ปุ่น ดังนั้นคุณงามความอร่อยของเห็ดมัตสึตาเกะไม่ได้ถูกด้อยค่าลงจากผลโหวตนั้น
ถ้าเปรียบเห็ดมัตสึตาเกะเป็นคน เห็ดนี้มีความภาคภูมิใจในตัวเองที่ดี (Healthy Self-esteem) คำๆ นี้น่าจะมีหลายคนเคยได้ยินกันมาก่อน งั้นเรามาทำความรู้จักเรื่อง Self esteem กันดีกว่าค่ะ เพื่อที่จะนำไปปรับพัฒนาตัวเองให้มีความสุขตามสิ่งที่เรามี
>> “Self-esteem” คือ
– การมองตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร มีข้อดีข้อเสีย และมีคุณค่ามากแค่ไหน
– เกิดจากความคิดเห็นที่มีต่อตนเอง+สิ่งที่คนรอบข้างทำกับเรา
– เริ่มต้นมีตั้งแต่ยังเด็ก เป็นสิ่งที่พัฒนาปรับเปลี่ยนได้ตลอดชีวิต
– หากเราพยายามปรับเปลี่ยนวิธีคิด พฤติกรรม วิธีแก้ปัญหา ได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เราจะมี Self-esteem ที่ดีขึ้นได้
>> Healthy Self-esteem
– มองเห็นข้อดีและยอมรับข้อเสียของตัวเอง พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น
– รักและดูแลตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่จะทำให้ชีวิตตัวเองแย่ เช่น เกเร, ใช้สารเสพติด
– มองเห็นสิ่งที่เป็นแง่บวกในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
– เมื่อเจอปัญหาจะมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหา อดทนผ่านมันไปได้
– กล้าที่จะลองทำสิ่งต่างๆ และยอมรับผลที่ตามมา
– นำประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้เป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำ
>> Low Self-esteem
– มองตัวเองว่าไม่เก่ง ไม่ดี ทำไม่ได้ ไร้ความสามารถ ไม่ชอบตัวเอง ไม่มีอนาคต ไม่สมควรที่จะได้รับสิ่งดีๆ
– เลือกมองแต่สิ่งที่ผิดพลาดล้มเหลว ตีความทุกอย่างเป็นลบ
– ไม่มั่นใจในการตัดสินใจแก้ปัญหา ไม่กล้าเผชิญสิ่งใหม่ๆ กลัวคนอื่นโกรธต่อว่าไม่พอใจ
– บางคนใช้วิธีหลบเลี่ยงหรือแก้ปัญหาแบบผิดๆทำให้เรื่องยิ่งแย่ เช่น ดื่มเหล้า, ใช้สารเสพติด, เล่นพนัน, เที่ยวกลางคืน มี one night stand
– รู้สึกไม่มีความสุข มีแต่อารมณ์ด้านลบ เช่น เครียด, กังวล, หงุดหงิด, โกรธ, ไม่พอใจ
– บางคนมีปัญหาความสัมพันธ์กับคนอื่น เช่น ทะเลาะ, อิจฉา
>> วิธีการช่วยให้มี Self-esteem ที่ดีขึ้น
เมื่อ self-esteem ดีขึ้น เราจะสามารถรักตัวเองได้มากขึ้น
1. หาสิ่งที่ตัวเองชอบ ถนัดหรือทำได้ดี
ทำกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข เช่น เล่นดนตรี, กีฬา, ทำศิลปะ
ทำโดยไม่จำเป็นต้องเอาชนะใคร ไม่ต้องเป็นที่หนึ่ง ทำแล้วรู้สึกดี ก็เพียงพอแล้ว
2. ทำเรื่องเรียนหรือทำงานให้ดีที่สุดเต็มความสามารถ
ชื่นชมที่ความพยายาม (means) มากกว่าจะมองแค่ที่ผลลัพธ์ (ends) เพราะเราไปควบคุมปัจจัยอื่นได้ยาก
3. พยายามเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคม
เช่น การเป็นสมาชิกชมรมต่างๆ, มีกลุ่มเพื่อนไว้พูดคุย
คนเรามองตัวเองผ่านสิ่งที่คนอื่นกระทำกับเรา เช่น การได้รับคำชม, การได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่ง
ของสังคม (sense of belonging)
4. ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี
การมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้เต็มที่ ได้ทำสิ่งที่อยากทำ
กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ออกกำลังกาย ไม่ทำสิ่งที่ทำลายสุขภาพ เช่น กินเหล้า, สูบบุหรี่
5. ตั้งเป้าหมายในการทำสิ่งต่างๆ
การประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้จะเป็นการเพิ่ม Self-esteem เพราะเรา “สามารถทำได้”
เป้าหมายไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ค่อยเป็นค่อยไปตามระดับความสามารถของเรา หากเราตั้งเป้าหมายที่สูงจนเกินไป บางทีจะทำให้สำเร็จได้ยาก ทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง
6. หัดชมตัวเองและมองสิ่งที่เป็นบวก
การที่เรามีคนอื่นชื่นชมและยอมรับเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เรามีกำลังใจ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่คนอื่นจะมาชมเรา
เราสามารถคาดหวังที่จะได้รับคำชมจากคนอื่นได้ แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะถ้าเราตั้งเป้าหมายว่า “ความสำเร็จจากการทำน้องมาจากการชื่นชมของคนอื่น” เรามีโอกาสผิดหวังได้
อย่างน้อยถ้าเราพยายามและตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆแล้ว แม้ไม่มีคนอื่นชม เราสามารถชื่นชมตัวเองและให้กำลังใจตัวเอง โดยชื่นชมตัวเองตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ว่าไปแล้วก็อยากลิ้มลองอาหารที่ทำด้วยราชาแห่งเห็ดทั้งสอง แต่เกรงว่าจะได้กินแต่มาม่าตลอดเดือน ^_^”
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “มันเผา เกาลัด ความสุขเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่”
– “ใบไม้ที่ร่วงโรยกับความรักที่จากไป”
– “ผิดมั้ยที่ฉันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น”
– “คุณบนดวงจันทร์ตรงนั้นเหงามั้ย”
– “ซูโม่: ชายร่างใหญ่กับวินัยของเขา”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#เห็ดมัตสึตาเกะไม่ใช่ทรัฟเฟิล แต่เรามีดี