มันเนะริกะ (マンネリ化): การสักแต่ทำตามหน้าที่ แต่หมดใจไปนานแล้ว
ที่จริงคำว่า マンネリ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น คำเต็ม ๆ คือ マンネリズム มาจากภาษาอังกฤษคือ Mannerism ซึ่งที่จริงเป็นคำศัพท์ในวงการศิลปะแนวจิตรกรรม สถาปัตยกรรม หรือประติมากรรม โดยในภาษาไทยมักพบคนแปลคำว่า Mannerism ว่า “จริตนิยม”
จริตนิยมในความหมายดั้งเดิม หมายถึงการ “เมค” หรือ “ทำขึ้น” ที่ไม่ให้เป็นธรรมชาติมากนัก คือจงใจทำให้มันขาด ๆ เกิน ๆ หรือล้น ๆ แบบไม่สมจริงเสียทีเดียว
แต่ในภาษาญี่ปุ่นปัจจุบัน พอนำคำว่า マンネリズム มาย่อให้เหลือแค่ マンネリ แล้วเติม ~化 เข้าไป กลายเป็นคำว่า “มันเนะริกะ (マンネリ化)” ก็ทำให้คำ ๆ นี้ไม่เหลือความหมายในแง่ศิลปะที่แปลว่าจริตนิยมอีกต่อไป แต่ไปมีความหมายในด้านอื่นแทน แต่ยังคงเค้าความหมายเดิมว่า “เมค” หรือ “ทำขึ้น” อยู่ไม่เปลี่ยน โดยกรณีที่มักจะพบการเกิดมันเนะริกะได้นั้นมีอยู่ 2 กรณีคือ กรณีคู่รักหรือคู่สมรส และ กรณีการทำงานในรูปแบบองค์กร
1. กรณีคู่รักหรือคู่สมรส
เมื่อแรกเริ่มจีบกัน เริ่มคบหาดูใจกันใหม่ ๆ นั้น คู่รักทั้งหลายไม่ว่าจะรักต่างเพศหรือรักเพศเดียวกัน ย่อมจะมีความตื่นเต้นเวลาจะได้พบคนที่เราแอบชอบ เวลาเดินด้วยกันแล้วแขนโดนกันเล็กน้อยพอให้มีไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง เวลาที่ได้จับมือหรือเดินจูงมือกัน มันช่างเป็นเวลาแห่งความสุข อยู่ด้วยกันแล้วมีอะไรคุยกันมากมายราวกับอยากให้โลกนี้หยุดหมุน
แต่พอเวลาผ่านไป…..มือที่อุ่นกลายเป็นไม่อุ่นแล้ว รูปร่างเนื้อตัวของอีกฝ่ายที่น่าหลงใหลกลายเป็นเหมือนเนื้อหมูแช่แข็งในตู้เย็น แค่อยู่ด้วยกันก็เบื่อหรือถึงขั้นอึดอัดรำคาญ ไม่มีเรื่องจะคุยกัน แต่ยังต้องทนคบกันไปเรื่อย ๆ
กรณีแบบนี้คือ มันเนะริกะในคู่รักหรือคู่สมรส คือหมดใจกันไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีเหตุผลจะต้องเลิกราหรือหย่าร้างกัน ก็ทนอยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ เหมือนกับ “อยู่ด้วยกันตามมารยาท” ไปเลย เหมือนทำหน้าที่คู่รักตามที่เคยทำ ๆ มา แต่ใจไม่ได้เหลือความรักหรือความห่วงใยให้กันเท่าไรแล้ว
2. กรณีการทำงานในรูปแบบองค์กร
ในองค์กรก็พบมันเนะริกะได้บ่อย ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะองค์กรที่ให้พนักงานทำงานประเภท “ซะเงียว” มากเกินไป (รายละเอียดของ “ซะเงียว” อ่านได้ใน ความแตกต่างระหว่าง ซะเงียว (作業) และ ชิโงะโตะ (仕事): คุณกำลังเข้าใจว่า “กระบวนการ” คือ “งาน” อยู่หรือไม่?) คือองค์กรที่ให้พนักงานทำงานแบบ Routine ที่ซ้ำซากจำเจ หรืองานที่ต้องทำตามคำสั่งสถานเดียวในทุกเรื่อง หรือกระบวนการที่เกิดซ้ำ ๆ เป็นประจำจนไม่เหลือช่องว่างให้คิดหรือใช้ความสร้างสรรค์อะไร
นิสิตนักศึกษาเมื่อเรียนจบใหม่ ๆ อาจจะเต็มไปด้วยไฟแห่งการทำงาน ไฟแห่งการเรียนรู้ แต่เมื่อทำงานไปสักพัก เริ่มพบกับกระบวนการทำงานที่ซ้ำซาก ขาดโอกาสแสดงฝีมือ ขาดโอกาสแสดงความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งถ้าเป็นองค์กรที่พยายามควบคุมพนักงานให้กลายเป็นหุ่นยนต์ ก็จะยิ่งทำให้พนักงานพบปัญหามันเนะริกะมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด คนที่มีไฟแรงบางส่วนก็จะเกิดมันเนะริกะ และกลายร่างเป็น Deadwood ได้
องค์กรที่มีปัญหามันเนะริกะอย่างรุนแรง มักจะพบว่านำกระบวนการขึ้นมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าทำตาม ๆ กันมาแบบนี้ ก็ต้องทำตาม ๆ กันแบบนี้ต่อไป ห้ามตั้งคำถาม ห้ามอยากรู้เหตุผล และจะนำไปสู่ขาดความสดใหม่ ขาดความสามารถในการแข่งขันกับองค์กรอื่น ได้ในที่สุด หากเกิดมันเนะริกะในพนักงานที่ต้องต้อนรับลูกค้า ก็จะพบพนักงานที่กล่าวทักทายลูกค้าแบบหุ่นยนต์ ทำงานบริการแบบโรบอต แต่ไร้ใจ เป็นต้น
ในโลกที่ A. I. เริ่มเหมือนมนุษย์ขึ้นเรื่อย ๆ นั้น มนุษย์เองก็ควรระมัดระวัง “หัวใจ” ของตัวเอง ไม่ให้ใจของเรากลายร่างเป็นหุ่นยนต์ไป ทั้งคู่รัก ทั้งพนักงานในองค์กร อย่าลืมหาโอกาสเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนสถานการณ์ เปลี่ยนรสชาติชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหามันเนะริกะ กันเถอะ
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– Kaiju No. 8: การใช้ Soft Power ส่งเสริม Hard Power ของกองกำลังป้องกันญี่ปุ่น
– พระเอกซีรีส์คาเมนไรเดอร์: ภาพแทนผู้ชายเท่ของแต่ละยุคในญี่ปุ่น
– ญี่ปุ่นยังคงลงทุนในไทยมากเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง
– สาเหตุที่คาราเต้และกังฟูอยู่รวมกันได้ในภาพยนตร์ Karate Kid: Legends
– ชื่อคณะแปลก ๆ ในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.gematsu.com/2025/08/kaiju-no-8-the-game-launches-august-31
#มันเนะริกะ (マンネリ化): การสักแต่ทำตามหน้าที่ แต่หมดใจไปนานแล้ว



