“คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา: การเรียนเก่งไม่สำคัญเท่ากับการที่เอาตัวรอดและมีความสุขให้เป็น”
คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา (金田一少年の事件簿 ) เป็นมังงะที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมและการสืบสวน คุณโยซาบุโร่ คานาริ กับเซย์มารุ อามางิเป็นผู้หาข้อมูลและเขียนเนื้อเรื่อง วาดภาพโดยโดย ฟุมิยะ ซาโต้ สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเป็นคนนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทย มังงะเรื่องนี้ดำเนินเรื่องมายาวนานมาก เล่มแรกเขียนขึ้นในปีพ.ศ.2535 แม้เวลาจะผ่านมาถึง 28 ปี แต่เรื่องยังไม่มีแนวโน้มว่าจะจบ ภาคล่าสุดชื่อ “คินดะอิจิ 37 กับคดีฆาตกรรมปริศนา” (อายุตัวละครเท่ากับอายุคนอ่าน ☺)
มังงะเรื่องนี้แบ่งเป็นหลายภาคมาก ความเห็นในฐานะคนอ่าน หมอคิดว่าเล่มที่เขียนดีที่สุดเป็นภาคแรก (พ.ศ.2535-2540) เพราะคดีมีความซับซ้อนแปลกใหม่ ฆาตกรมีแรงจูงใจในการลงมือสมเหตุสมผล บางตอนถึงกับน้ำตาไหลในความรันทดดราม่าของตัวละคร หลายทริกอ่านแล้วว้าวมาก ตอนที่ชอบมากที่สุด คือ คดีฆาตกรรมหมู่บ้านอาถรรพ์ จำได้ว่าตอนนั้นอ่านแล้วกลัวผี จนไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียวไประยะหนึ่ง ส่วนตอนหลังๆ เนื้อหาเริ่มรีไซเคิล บางตอนดูง้องแง้งไป ไม่กดดันหนักหน่วงเหมือนตอนแรกๆ
เรื่องย่อ:
คินดะอิจิ ฮาจิเมะ เป็นหลานชายของคินดะอิจิ โคสุเกะ (ปู่) ยอดนักสืบชื่อดังในอดีต หากเป็นเวลาเรียนหรือใช้ชีวิตตามปกติเขาจะดูเป็นคนเฉื่อยชา ไม่รับผิดชอบ เรียนไม่เก่ง ซุ่มซ่ามเซ่อซ่า เจ้าชู้ ทะลึ่ง คนส่วนใหญ่มองว่าเขาเป็นเด็กไม่เอาถ่าน
คินดะอิจิสนิทกับนานาเสะ มิยูกิที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก มิยูกิมีคุณลักษณะที่ตรงกันข้ามกับคินดะอิจิทุกอย่าง คือ สวย, เก่ง, นิสัยดี, มีความรับผิดชอบและความสามารถพิเศษหลายอย่าง เป็นที่นิยมของเพื่อนๆ และมีหนุ่มหลายคนมาหมายปอง แม้มิยูกิจะแตกต่างกับคินดะอิจิมาก แต่เธอเชื่อมั่นในตัวเขาว่าแท้ที่จริงแล้วคินดะอิจิมีความเก่ง มีจิตใจที่ดี ถึงแม้คนอื่นๆ จะพากันดูถูกคินดะอิจิ แต่มิยูกิดีกับเขาเสมอ
คดีฆาตกรรมต่างๆ ที่คินดะอิจิเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์มักจะมีมิยูกิอยู่ด้วย โดยเธอเป็นผู้ช่วยเรื่องต่างๆ เขามีความสามารถในด้านการสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างมาก โดยมีไอด้อลเป็นคุณปู่ของเขาเอง ประโยคเด็ดที่มีในหน้าสุดท้ายของทุกเล่ม (ทำให้คนอ่านอยากอ่านตอนหน้าต่อไวๆ) “ขอเอาชื่อเสียงคุณปู่เป็นเดิมพัน!!”
เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่ทุกคนทำอะไรกันไม่ถูก คินดะอิจิจะเป็นคนแรกที่มีสติและพูดสร้างความเชื่อมั่นให้คนรอบตัวรู้สึกปลอดภัยขึ้น นอกจากนี้เขายังช่วยวางแผนการต่างๆ เพื่อลดการสูญเสียจากการฆ่าของฆาตกรให้เหลือน้อยที่สุด และมีแผนที่ทำให้ฆาตกรยอมรับสารภาพโดยไม่ใช้ความรุนแรง จากความสามารถนี้ของเขาทำให้ได้รับการยอมรับจากกรมตำรวจซึ่งจะมาขอความช่วยเหลือจากเขาในการไขปริศนาคดียากๆ
>> การเรียนเก่งมีความสัมพันธ์กับความสามารถด้านอื่นๆ หรือไม่?
เมื่อเราพูดกันถึงเรื่องความฉลาด มักหมายถึง “ระดับไอคิว” (IQ- Intelligence Quotient) ซึ่งเป็นความสามารถทางเชาวน์ปัญญา การคิด การใช้เหตุผล การคำนวณ การเชื่อมโยง ไอคิวเป็นศักยภาพทางสมองที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
วิธีการวัดไอคิวประเมินได้จากการทำแบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized testing) โดยนักจิตวิทยา ค่าไอคิวโดยเฉลี่ยของคนทั่วไปอยู่ที่ 90-110 หากวัดได้ต่ำกว่า 70 จะถือเป็นบุคคลที่มีระดับสติปัญญาบกพร่อง (Intellectual deficiency) ซึ่งจำเป็นที่ต้องมีคนอื่นคอยช่วยเหลือในการใช้ชีวิต
สิ่งที่คนมักจะไม่รู้กัน คือ นอกจากความฉลาดที่เป็นเรื่องไอคิวแล้ว ยังมีความฉลาดด้านอื่นๆ อีก (Cognitive abilities)
หมอขอยกตัวอย่างทฤษฎีของการ์ดเนอร์ (Gardner’s theory- theory of multiple intelligences) ที่แบ่งความฉลาดออกเป็น 9 ประเภท ข้อมูลนี้มีประโยชน์ในการช่วยส่งเสริมสิ่งที่เด็กถนัด ทำแล้วมีความสุข ในการเอาชีวิตรอดการเรียนเก่งเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง สิ่งสำคัญ คือ ผู้ใหญ่ต้องทำให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ แก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นผลการเรียนให้ดีเลิศ ขอแค่มีความรับผิดชอบ พยายามเรียนให้เต็มที่เท่าที่ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองและ/หรือคนอื่น ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม
ความฉลาดด้านอื่นๆ แบ่งได้ดังต่อไปนี้
- ความฉลาดด้านธรรมชาติ (Naturalistic Intelligence)
- ความฉลาดด้านดนตรี (Musical Intelligence)
- ความฉลาดด้านการใช้ตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
- ความฉลาดด้านอัตถิภาวะนิยม (Existential Intelligence)
- ความฉลาดด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Intelligence)
- ความฉลาดด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
- ความฉลาดทางภาษา (Linguistic Intelligence)
- ความฉลาดในการเข้าใจตัวเอง (Intrapersonal Intelligence)
- ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-spatial intelligence)
@ ความฉลาดด้านธรรมชาติ (Naturalistic Intelligence)
_ เป็นความสามารถในการเชื่อมโยงตนเองเข้ากับธรรมชาติ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วและละเอียด ไม่ว่าจะเป็นทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต คนกลุ่มนี้ชอบที่จะออกไปอยู่นอกบ้านเพื่ออยู่ในที่ที่มีธรรมชาติล้อมรอบ เมื่อเพาะปลูกหรือหยิบจับสิ่งใดที่เป็นของจากธรรมชาติ สิ่งเหล่านั้นจะเจริญงอกงาม (Green thumb)
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักพฤกษศาสตร์ (Botanists), ผู้พิทักษ์ป่า (Park rangers), เกษตรกร (Agriculturalists)
@ ความฉลาดด้านดนตรี (Musical Intelligence)
_ คนที่มีความฉลาดด้านนี้จะมีความสามารถในการฟังเสียงที่ดีมาก สามารถแยกแยะคลื่นความถี่ของโน้ตดนตรี (Pitch), โทนเสียง (Tone), จังหวะ (Rhythm) และประพันธ์เพลงได้
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักแต่งเพลง (Composer), นักออกแบบเสียง (Sound engineer), นักดนตรี (Musician)
@ ความฉลาดด้านการใช้ตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
_ เป็นความสามารถเรื่องการทำความเข้าใจเรื่องตัวเลขและรูปทรง, การใช้ตรรกะทั้งแบบอุปนัย (Inductive reasoning) และนิรนัย (Deductive reasoning), เก่งเรื่องการแก้เกมปริศนาทดสอบเชาวน์ปัญญา (Logic puzzles), ทำความเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ (Conceptualize abstract ideas)
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักวิทยาศาสตร์ (Scientists), นักคณิตศาสตร์ (Mathematicians), นักบัญชี (Accountants), นักวิเคราะห์ข้อมูล (Analysts)
➢ ความฉลาดด้านอัตถิภาวะนิยม (Existential Intelligence)
– เป็นความสามารถในการทำความเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างปรัชญา ครุ่นคิดเกี่ยวกับความหมายของการมีชีวิตอยู่ (Meaning of life) เข้าใจความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง สามารถอธิบายเรื่องที่ดูเข้าใจยากให้คนอื่นเข้าใจได้
– อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ (Motivational speakers), นักจิตวิทยา (Psychologists), นักเทววิทยา (Theologists)
➢ ความฉลาดด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Intelligence)
_ ความฉลาดด้านนี้มีความสัมพันธ์กับอีคิว (EQ- emotional intelligence) ซึ่งเป็นความสามารถในการทำความเข้าใจความคิดและอารมณ์ของคนอื่น คนที่มีอีคิวดีจะเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้ความใส่ใจรับรู้ความคิดและความต้องการของคนอื่นได้เร็ว อยากจะช่วยเหลือและพยายามทำความเข้าใจคนอื่น
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น ผู้จัดการ (Manager), นักจิตวิทยา (Psychologist), นักสังคมสงเคราะห์ (Social worker)
@ ความฉลาดด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
_ เป็นความสามารถในการบังคับร่างกายให้เป็นไปตามการสั่งงานของสมอง ทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวได้ดี เช่น การเล่นกีฬา, การแสดงออกด้วยท่าทาง
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น ช่างฝีมือ (Craftsmen), นักเต้น (Dancers), นักกีฬา (Athletes)
@ ความฉลาดทางภาษา (Linguistic Intelligence)
_ เป็นความสามารถในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ออกมาเป็นภาษาพูด หรือภาษาเขียนที่สื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ เรียนรู้ภาษาใหม่ๆได้เร็ว
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักข่าว (Journalists), นักเขียน (Writers), ทนายความ (Lawyers)
@ ความฉลาดในการเข้าใจตัวเอง (Intrapersonal Intelligence)
_ เป็นความสามารถในการทำความเข้าใจตัวเอง (Self-awareness) รู้ถึงความคิด ความรู้สึก และความต้องการของตัวเอง
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น นักจิตวิทยา (psychologists), นักให้คำปรึกษา (counselors)
@ ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence)
_ ทำความเข้าใจสร้างจินตนาการสิ่งที่เป็นภาพสามมิติได้
_ อาชีพที่เหมาะสม เช่น สถาปนิก (Architects), นักสำรวจ (Surveyors), ช่างภาพ (Photographers), นักบิน (Pilots)
แม้ผลการเรียนของคินดะอิจิจะไม่ดี แต่เขามีความสามารถด้านอื่นๆที่ทำได้ดีและเป็นประโยชน์กับคนอื่น ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข (ถ้ามีโอกาสลองอ่านภาคอายุ 37 ดูนะคะจะได้เห็นภาพว่าตอนโตขึ้นเขาใช้ชีวิตอย่างไร) ผลการเรียนเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของการประสบความสำเร็จในชีวิต การที่เด็กมีผลการเรียนไม่ดีไม่ได้หมายความว่าจะมีทักษะด้านอื่นๆไม่ดีตามไปด้วย หากผู้ใหญ่รู้จุดอ่อนจุดแข็งของเด็กจะได้ส่งเสริมพัฒนาด้านที่เด็กทำได้ดี เพื่อที่เด็กจะได้มีความภาคภูมิใจในตัวเอง (Self-esteem) และสามารถต่อยอดพัฒนาทักษะด้านนั้นให้กลายเป็นอาชีพในอนาคต
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– COVID-19 กับการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น: วิธีการช่วยเหลือ
– จางจอมโหดกระทะเหล็ก : ต้องเฆี่ยนตีเด็กถึงจะดีหรือไม่?
– วิกฤติการณ์ COVID-19 ที่ญี่ปุ่น: เมื่อเราต้องเจอกับความเครียด
– ตุ๊กตาดารุมะ: ล้มแล้วลุกได้ตราบใดที่เรายังมีหวัง
– ความรักมันยากจังอยู่แบบโสดๆ จะดีกว่ามั้ย: เวอร์ชั่นคนญี่ปุ่น
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#คินดะอิจิ กับคดีฆาตกรรมปริศนา: การเรียนเก่งไม่สำคัญเท่ากับการที่เอาตัวรอดและมีความสุขให้เป็น