วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (17) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการตั้งท่าห้าแบบ
สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศร้อนกันทั่วหน้าใช่ไหม ร้อนราวกับนรก ร้อนจนน่าจะป่วย แต่ช่วงนี้ห้ามป่วยเป็นอะไรให้คนเห็น เดี๋ยวพวกจะหาว่าเป็นโควิดหรือเปล่า? มาถึงจุดนี้แล้วสิ่งที่คุกคามสุขภาพมีเยอะไปครับ แค่ใส่หน้ากากนี่ก็จะหายใจไม่ออกแล้วครับ (จะบ้าเหรอสูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์ที่หายใจออกไปแล้วกลับเข้าไปในร่างกายใหม่?) ไหนจะฝุ่น PM2.5 อีก (ขับรถนี่มองไปนึกว่าดอยอยู่ในหมอก) การที่จะแสวงหาชีวิตที่ดีมีสุขภาพที่ดี กลายเป็นสิ่งที่ต้องดิ้นรนให้ได้มาไปเสียละ
เอาละครับไม่พูดยาวละ เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
คำแปลข้อความต้นฉบับ
水の巻
คัมภีร์แห่งอาโป
七 一 五方の構の事
เจ็ด เรื่องของการตั้งท่าห้าแบบ
`五方の構は上段 中段 下段 右のわきに構ふる事左のわきに構ふる事是 `五方 `也 `構五ツに分つと云へ共皆人をきらん為也 `構五ツより外はなし `何れの構なり共 `かまふるは思はずきる事也 `と思ふべし `構の大小はことにより利にしたがふべし `上中下は体の構也 `両脇はゆうの構也 `右左の構うへのつまりてわき一方つまりたる所などにての構也 `右左は所によりて分別有 `此道の大事に曰く `構のきはまりは中段と心得べし `中段構の本意也 `兵法大きにして見よ `中段は大将の座也 `大将につきあと四段の構也 `能々吟味すべし
การตั้งท่าห้าแบบนั้น (มี) ตั้งดาบไว้เหนือหัว (โจดัง 上段) ตั้งดาบที่กลางลำตัว (จูดัง 中段) ตั้งดาบปลายดาบชี้ลงล่าง (เกดัง 下段) ตั้งท่าดาบไว้ที่สีข้างขวา ตั้งท่าดาบไว้ที่สีข้างซ้าย แม้จะกล่าวว่าจำแนกเป็น “ห้าแบบ” หรือ “ตั้งท่าทั้งห้า” ก็ล้วนมีไว้เพื่อฟันคน ไม่มีอื่นนอกเหนือไปจากตั้งท่าห้าอย่าง (นี้) ไม่ว่าจะเป็นตั้งท่าอันไหนก็ตาม ควรคิดว่าจะฟันโดยไม่ต้องคิด ความใหญ่เล็กของการตั้งท่านั้น ควรไปตามประโยชน์ตามแต่เรื่องราว บนกลางล่างนั้นคือการตั้งท่าของร่างกาย สีข้างทั้งสองคือการตั้งท่าของการใช้งาน การตั้งท่าของขวาซ้ายคือการตั้งท่าเมื่อข้างบนตัน สีข้างด้านหนึ่งตัน ขวาซ้ายนั้นมีแบ่งแยกตามที่ กล่าวถึงเรื่องใหญ่ของวิถีนี้ พึงรู้ไว้ว่าที่สุดของการตั้งท่าคือตั้งดาบที่กลางลำตัว (จูดัง) จิตเจตนาเดิมของการตั้งดาบที่กลางลำตัว จงดูพิชัยสงครามให้ใหญ่ ตั้งดาบที่กลางลำตัวนั้นคือที่นั่งของขุนพล รองจากขุนพลคือการตั้งท่าสี่ขั้น ขอจงคิดพินิจให้ดีๆ
การตีความและอภิปราย
ก่อนอื่นเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ผมขอยกภาพวิธีการตั้งท่าในเคนโด้มาให้ดูนะครับ
การตั้งท่าในเคนโด้ จะมีตั้งดาบไว้เหนือหัว (โจดัง 上段) ตั้งดาบที่กลางลำตัว (จูดัง 中段) ตั้งดาบปลายดาบชี้ลงล่าง (เกดัง 下段) ตั้งท่าดาบไว้ที่สีข้าง (วาคิกามาเอะ 脇構え) ตั้งท่าดาบยกใกล้หน้า (ฮัสโซกามาเอะ 八双構え) ทีมา Weblio
ทีนี้ขอพูดถึงข้อที่ว่าทำไมมูซาชิจึงว่า “ตั้งดาบที่กลางลำตัว (จูดัง 中段) นั้นคือที่นั่งของขุนพล” ในฐานะที่เคยฝึกดาบอิไอมาจะขอเฉลยเท่าที่ความรู้ความเข้าใจจะอำนวยครับ
ถ้าตั้งดาบไว้เหนือหัว ก็จะมุ่งตีหัวคู่ต่อสู้ตรงๆ เป็นหลัก
ถ้าตั้งดาบปลายดาบชี้ลงล่าง ก็จะมุ่งกันขา เป็นหลัก
ถ้าตั้งดาบไว้ที่สีข้าง ก็จะมุ่งตีขวาง (ฟันกวาดไปแนวนอน) เป็นหลัก
แต่ถ้า ตั้งดาบไว้ที่กลางลำตัว จะยกขึ้นเหนือหัวฟันกลางหัวก็ได้ ยกเฉียงฟันสะพายแล่งก็ได้ เสือกดาบเข้าแทงก็ได้
อะไรที่มันอยู่กลางๆ พลิกแพลงไปได้หลายทางย่อมได้เปรียบ
เรื่องนี้ปรากฎมีในเรื่องราวอื่นๆ ด้วยไม่ใช่แค่วิชาดาบ
ถ้าอย่างใน bjj ท่าที่เข้าลักษณะนี้ก็คงเป็น side control เพราะว่าจากท่านี้มันไปได้หลายทาง จะทำ kesa gatame ก็ได้ จะเลยไปเป็น north-south position ก็ได้ หรือจาก side control หรือจะเอาเข่ากดท้องเป็น knee on belly แล้วสไลด์เข่ากลายเป็นขึ้นคร่อมต่อก็ได้ (ภาพจาก pinterest)
Side control (ยูโดเรียกว่า โยโกชิโฮกาตาเมะ 横四方固)
Kesa gatame (ฝรั่งมักใช้ทับศัพท์ญี่ปุ่นเลยครับ เคสะกาตาเมะ 袈裟固 บางทีเรียก scarf hold)
North-south position (ยูโดเรียกว่า คามิชิโฮกาตะเมะ 上四方固)
Knee on belly (ยูโดเรียกว่า อุคิกาตาเมะ 浮固)
Mount (ขึ้นคร่อม ยูโดเรียกว่า ทาเทะชิโฮกาตาเมะ 縦四方固)
เพราะฉะนั้นผมก็อาจกล่าวอ้างได้เช่นกันว่า side control นี่หละคือ “ที่นั่งของขุนพล” ในกระบวนท่าสายกดนอนใน bjj
อะไรที่มันอยู่กลางๆ พลิกแพลงไปได้หลายทางย่อมได้เปรียบ ชีวิตคนเราก็เหมือนกันถ้ารู้จักวางตัวเองให้อยู่กลางๆ แบบพร้อมจะพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ได้เท่าไหร่ ก็ย่อมได้เปรียบ ย่อมมีความเป็นไปได้ในการเอาตัวรอด (และในการเอาชัย) มากขึ้นเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม ชีวิตคนเราหากไม่รู้จักวางตัวเองให้อยู่กลางๆ ทำตัวเอียงข้าง (จะเอียงซ้ายหรือเอียงขวาก็ตาม) ด้วยแสดงออกถึงจุดยืน ความคิด อะไรต่างๆ อย่างสุดโต่งโจ่งแจ้ง สุดท้ายคนที่คิดและทำแบบนี้ มักเอาตัวไม่ค่อยรอดครับ
ฉะนั้นคนเราถ้าจะประคองตัวให้รอด อย่าแสดงความเลือกที่รักมักที่ชังในลัทธิอุดมการณ์การเมือง ศาสนา อย่างชัดเจนออกหน้าออกตาให้มากไป เพราะการกระทำพวกนี้มันนำไปสู่การแบ่งเขาแบ่งเรา พวกเดียวกันคือดี ไม่ใช่พวกเดียวกันคือเลว ไปเสียมากกว่า ซึ่งสุดท้ายไม่ได้มีผลดีอะไรแก่ตนเองเลย เป็นการสร้างศัตรูหาเรื่องใส่ตัวเสียเปล่าๆ คนเรามีสิทธิ์ที่จะชอบในสิ่งที่คิดว่าดี ชังในสิ่งที่คิดว่าเลว แต่การแสดงออกในสังคม ต้องอยู่กลางๆ มองหาทางหนีที่ไล่ให้ดีครับ การเป็นกลางผมรู้ว่าไม่ง่าย เพราะเวลาเกิดเหตุอะไรในสังคม กระแสสังคมมักพยายามชักจูงหรือบีบคั้นให้เรา “เลือกข้าง” ถึงขั้นที่ว่า ถ้าแกไม่แสดงความเกลียดชังมัน แปลว่าแกเป็นพวกเดียวกับมันสิ? ฉะนั้นการทำตัวให้เป็นกลางประคองตัวให้รอดไม่ไหลไปตามกระแสอันเกรี้ยวกราดนั้น ต้องมีสติปัญญาที่รู้เข้าใจเหตุผลความดีเลวต่างๆ อย่างไม่มีอคติ และต้องมีจิตใจที่มั่นคงเข้มแข็งด้วย เราไม่ควรไหลไปตามกระแสครับเพราะกระแสอาจพัดพาเราไปตายหมู่ก็ได้
ผมเองก็ยังต้องศึกษาเรียนรู้ต่อไป ก็ถือว่าผมกับท่านผู้อ่านก็มาเรียนพิชัยสงครามของมูซาชิไปด้วยกันนะครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากรูปอาหารเกาหลีเมนูเดิมๆ ที่ชอบกิน ที่ร้านเดิมๆ ร้านมาชิตะ ที่สตาร์เอวีนิวตรงอาเขต ถึงปกติจะชอบกินอาหารญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ปฏิเสธอาหารเกาหลีหรอกนะครับ (ฮา) นานๆ ทีหลังเลิกงานก็นั่งกินหย่อนใจก่อนกลับเข้าบ้านนิดนึง ร้านเดิมๆ ที่นั่งเดิมๆ เมนูเดิมๆ ครับ อาหารง่ายๆ กินแล้วอิ่มสบายใจดี
บก. ครับถึงผมจะลงรูปอาหารเกาหลีแต่ผมก็ยังเขียนเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่นะครับ (ฮา)
สัปดาห์หน้าผมจะลงรูปอาหารอะไรอย่าลืมติดตามกันนะครับ (ไม่ใช่ละ 555) สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (16) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการใช้เท้า
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (15) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของอาการถือทะจิ
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (14) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): สิ่งที่เรียกว่าการจับตาดูแห่งพิชัยสงคราม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (13) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการแต่งกายแห่งพิชัยสงคราม
– มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (12) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการถือใจพิชัยสงคราม
#มาอ่าน “คัมภีร์ห้าห่วง” ของมูซาชิด้วยกันเถอะ (17) คัมภีร์แห่งอาโป (น้ำ): เรื่องของการตั้งท่าห้าแบบ