เหตุใดวัยรุ่นญี่ปุ่นถึงไม่มีความสุข…เด็กวัยรุ่นในสังคมญี่ปุ่นที่มีพร้อมทุกประการทั้งความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ปลอดภัย สะอาด การศึกษาสูง และล้ำหน้าทางเทคโนโลยี กลับรู้สึกไม่มีความสุข สาเหตุอาจมาจาก
วันก่อนดิฉันได้อ่านบทความเกี่ยวกับความสุขของวัยรุ่น กล่าวเกี่ยวกับผลการวิจัยขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ที่สำรวจเด็กวัยรุ่นอายุ 15-21 ปีใน 47 ประเทศเกี่ยวกับความสุขในชีวิต
ปรากฏว่าเด็กในประเทศสาธารณรัฐโดมินิกันบอกว่ามีความสุขที่สุด ทั้งๆ ที่โดมินิกันเป็นประเทศยากจน อาชญากรรมสูง การศึกษาต่ำ เด็กแต่งงานเร็วหรือตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ตามมาด้วยประเทศเม็กซิโก คอสตาริก้า และ โคลัมเบีย ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 43
เด็กๆ ในโดมินิกันที่ต้องเรียนในโรงเรียนแสนโทรม เก้าอี้นักเรียนพังๆ กับกระดานดำเก่าๆ อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ กับแม่ กลับบอกพวกเราว่า
ฉันมีชีวิตที่ดี สุขภาพแข็งแรง เพื่อนดีๆ และแม่ที่ยอดเยี่ยม
ในขณะที่เด็กวัยรุ่นในสังคมญี่ปุ่นที่มีพร้อมทุกประการทั้งความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ปลอดภัย สะอาด การศึกษาสูง และล้ำหน้าทางเทคโนโลยี กลับรู้สึกไม่มีความสุข สาเหตุอาจมาจากความเหงา
จากรายงานของ Unicef เคยกล่าวว่าในประเทศอื่นๆ วัยรุ่นที่ระบุว่าตัวเองเหงานั้นมีแค่ไม่ถึง 10% ในขณะที่วัยรุ่นในประเทศญี่ปุ่นบอกว่าตัวเองรู้สึกเหงาสูงถึง 30% เด็กวัยรุ่นญี่ปุ่นหลายคนบอกว่า
ไม่มีใครที่พวกเขารู้สึกไว้ใจไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครู หรือเพื่อนๆ ที่จะสามารถปรึกษาเวลาที่มีปัญหา
เจ้าหน้าที่ศาลครอบครัวญี่ปุ่นคนหนึ่งบอกว่า สิ่งที่เด็กวัยรุ่นมักจะบอกคือ “ผู้ใหญ่ไม่ค่อยฟังพวกเรา” เด็กๆ จึงมักใช้เวลาอยู่ในห้องคนเดียวกับมือถือตัวเองมากกว่าเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับโลกออนไลน์จึงขาดความรู้สึกอบอุ่นที่ควรจะมี
กฎระเบียบที่เคร่งครัดของสังคม การอบรมของพ่อแม่และครูในญี่ปุ่นจะเน้นการสอนให้เด็กเชื่อฟังและปฏิบัติตามกฎของสังคมเพื่อความสามัคคีกลมเกลียวและเพื่อไม่ให้มีปัญหากับคนอื่น โดยญี่ปุ่นมีคำกล่าวที่ว่า
“ตะปูที่ยื่นออกมาจะต้องถูกตอกลงไป” (出る釘は打たれる)
หมายความว่า ทุกๆ คนมีหน้าที่ในการทำตัวให้เหมือนๆ กับคนอื่น การทำตัวให้แตกต่างเป็นตัวของตัวเองกลับเป็นสิ่งผิด คนที่รู้สึกว่าถูกบังคับตลอดเวลาจึงรู้สึกอึดอัดขัดใจ และไม่มีความสุข
- ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
เป้าหมายที่ถูกคาดหวังเป็นสิ่งที่พ่อแม่หรือสังคมตั้งไว้ เช่น ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆเพื่อที่จะได้เข้าทำงานบริษัทดีๆ โดยที่เด็กๆ ไม่มีโอกาสมากนักที่จะถามตัวเองว่า
“โรงเรียนแบบไหนที่อยากเรียน”
“งานอะไรที่อยากทำ”
เป้าหมายในชีวิตของตัวเองที่เกิดขึ้นจากความคาดหวังของคนอื่นจึงทำให้ชีวิตหดหู่ปราศจากความท้าทายที่ควรจะมีจากการได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ
- ไม่มีศาสนาให้ยึดเหนี่ยว
ในศาสนาอื่นๆ เช่น คริสต์ พุทธ ยิว ล้วนมีกฏต้องห้ามเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย และมีคำสอนที่สามารถมอบพลังทางใจที่เข้มแข็งให้กับผู้คนที่รู้สึกท้อแท้ แต่ในประเทศญี่ปุ่นที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้นับถือศาสนาใดเป็นหลักและไม่มีความเชื่อเรื่องที่ว่าไม่ควรฆ่าตัวตาย หลายๆ คนจึงมองไม่เห็นหนทางในการก้าวข้ามผ่านความทุกข์ไปได้
- จิตใจอ่อนไหว
ดิฉันรู้สึกแปลกใจหลายๆ ครั้งที่ได้ยินข่าว เช่น เด็กๆ ถูกกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งจนเป็นทุกข์มากมาย หรือพนักงานบริษัทที่ถูกเจ้านายพูดจาดูถูกเหยียดหยาม หรือใช้งานหนักจนรู้สึกอยากตาย เพราะถ้าเป็นคนไทยมีปัญหากับเพื่อนๆ ก็แค่ลาออกไปเข้าโรงเรียนอื่น หรือหากมีปัญหาที่ทำงานโดนแกล้งก็คงเลือกที่จะลาออกไปทำงานที่อื่นแทนที่จะก้มหน้ารับชะตากรรมอันโหดร้ายทั้งๆ ที่เราสามารถเลือกได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่เคยเขียนมาในตอนก่อนๆ ว่าการเปลี่ยนโรงเรียนหรือเปลี่ยนงานที่ญี่ปุ่นนั้นมีข้อจำกัดที่อาจจะไม่สามารถทำได้ง่ายเช่นที่ไทยค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Kongo Gumi บริษัทเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการได้นานถึง 1,428 ปี
– การตายอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายของคนแก่ญี่ปุ่น
– วัฒนธรรมการจ้างงานตลอดชีวิตของญี่ปุ่นที่กำลังเปลี่ยนไป
– กินข้าวคนเดียว เปล่าเปลี่ยวหัวใจ
– คุณจะได้อะไรจากการอ่านหนังสือ “ธุรกิจสร้างสุข” (The Business for Happiness: Japanese Style)
– ธุรกิจสร้างสุข (The Business for Happiness: Japanese Style)
ที่มา
https://www.japantimes.co.jp/opinion/2017/05/01/commentary/japan-commentary/japanese-teens-glum/