INTERNET CAFE..การเดินทางครั้งนี้เองทำให้ผมได้สัมผัสกับอีกหนึ่งเรื่องราว ที่นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ไม่เคยสัมผัส เพราะแม้แต่ตัวผมเอง ก็ไม่เคยคิดถึงมันอยู่ในหัวเลยสักครั้ง นั่นคือเรื่อง “การค้างคืนในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่”
ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงโตเกียว ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เองทำให้ผมได้สัมผัสกับอีกหนึ่งเรื่องราว ที่นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ไม่เคยสัมผัส เพราะแม้แต่ตัวผมเอง ก็ไม่เคยคิดถึงมันอยู่ในหัวเลยสักครั้ง นั่นคือเรื่อง “การค้างคืนในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่”
เรื่องของเรื่องก็คือ ทีแรกผมตั้งใจจะไปนอนกับเพื่อนที่บ้านแถวๆ สถานีอิชิกายะ แต่พอไปถึง ปรากฏว่าห้องอาบน้ำเกิดปัญหาบางประการ ทำให้ผมไม่สามารถใช้ได้ตลอดทริป (ToT) และถ้าจะให้เราตัวเหม็นตลอด 9 วัน ก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เพื่อนผมแนะนำให้ไปใช้บริการ “ห้องอาบน้ำ” ในร้านอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ตรงหน้าปากซอยดู ซึ่งสำหรับผมเอง มันก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนั้น
ก่อนที่จะไปคุยกันเรื่องของอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ผมขอวกกลับมาเรื่องห้องอาบน้ำสักนิดนึงละกันครับ จริงๆ แล้ว นอกเหนือจากอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ เราสามารถไปใช้โรงอาบน้ำสาธารณะได้ ซึ่งราคาจะถูกกว่า และจะเป็นการอาบน้ำรวมครับ แต่มันมีข้อแม้อยู่ว่า คนญี่ปุ่นจะไม่ชอบคนที่มีรอยสัก หรือย้อมผมมีแปลกๆ เช่นสีทอง สีแดง สีน้ำเงิน ดังนั้น เพื่อไม่เป็นภาระของลูกหลาน เราจึงเลือกอาบน้ำในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ที่มิดชิดและเป็นส่วนตัวกว่าครับ

พูดตามตรงว่า วินาทีแรกที่เพื่อนบอกให้ไปอาบน้ำในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ เล่นเอาผมระแวงอยู่เหมือนกัน เพราะภาพในหัวมันไปนึกถึงร้านอินเตอร์เน็ทของไทยหลายๆ ที่ค่อนข้างสกปรกและเสียงดัง ดูวุ่นวายซะเหลือเกิน แต่เมื่อไปถึงจริงๆ ต้องบอกว่าต่างจากที่ผมคิดไว้ราวฟ้ากับเหว นั่นเพราะทันทีที่เราเข้าไปในร้าน พนักงานจะชี้แจงกฏกับเราก่อนเป็นอย่างแรก อย่างเช่น “ห้ามส่งเสียงดัง เพราะจะรบกวนคนที่กำลังนอนหลับ” “ระวังเท้าเหม็น” “ถ้าเป็นหวัด กรุณาใส่ผ้าปิดปาก” “ถ้านอน กรุณาปิดไฟ” “อย่าหยิบของจากถุงพลาสติกหลายครั้ง เพราะมีเสียงดัง” ฯลฯ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นกฏที่ใส่ใจรายละเอียดมากๆ และคนญี่ปุ่นก็ล้วนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทำให้เรื่องของ “อินเตอร์เน็ท คาเฟ่” กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผมขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ
ในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ จะมีรูปแบบต่างจากร้านอินเตอร์เน็ทในบ้านเราอย่างสิ้นเชิงครับ เพราะที่ญี่ปุ่นเขาจะแบ่งไว้เป็นห้องๆ มีประตูเลื่อนเปิด – ปิด เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยสามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1.ห้องเตียงนอนแบบสูบบุหรี่ได้ 2.ห้องเตียงนอนแบบห้ามสูบบุหรี่ 3.ห้องคู่สำหรับ 2 ท่าน และในห้องทุกห้อง จะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเช่น ไม้แขวนเสื้อ, กระจกส่องหน้าบานเล็กๆ รวมถึงกระดาษ ปากกา เรียกได้ว่าคนที่มาใช้บริการ สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบายเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ จะมีเครื่องดื่มไว้บริการฟรี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น โดยเขาจะจัดแบ่งเอาไว้เป็นตู้กดอัตโนมัติสำหรับเครื่องดื่มเย็น ซึ่งประกอบไปด้วยโคล่า, โกโก้เย็น, กาแฟเย็น, ชามะนาวเย็น, นมชมพูเย็น, ชาเขียวเย็น ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มร้อน ก็จะเป็นชา กาแฟ ไว้ให้เราชงเองตามอัธยาศัย ซึ่งในส่วนของเครื่องดื่มนั้น เราสามารถกินได้ไม่จำกัด ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดครับ

ในส่วนของอาหาร ทางคาเฟ่ ก็จะมีไว้บริการเช่นกัน โดยบางแห่งอาจจะเป็นการสั่งอาหารจากร้านในเครือ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบๆ หรือบางแห่งก็จะเป็นพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ที่ผมแอบถามพนักงานมาว่า รสที่ขายดีที่สุด ได้แก่รส “แกงกะหรี่ชีส”) ราคาตกประมาณถ้วยละ 150 เยน ซึ่งถือว่าไม่แพง และไม่ต่างจากที่เราซื้อกินในคอมบินิ ข้างนอกเลย นอกจากนี้บริการปรินท์เอกสารต่างๆ ก็ตกเพียงแผ่นละ 30 เยน (ภาพสีเต็มหน้า) ไม่แพงกว่าในเมืองไทยอย่างที่หลายคนเข้าใจกันครับ
วกกลับมาที่ห้องอาบน้ำกันดีกว่า เนื่องจากคาเฟ่ที่ผมไป มีขนาดค่อนข้างเล็กครับ เลยมีห้องอาบน้ำแค่ห้องเดียวเท่านั้น โดยถ้าหากเราอยากจะอาบน้ำ เราต้องซื้อเป็นแพ็คเกต คู่กับอินเตอร์เน็ท (อย่างต่ำ 1 ชั่วโมง) เท่านั้น และคาเฟ่หลายๆ แห่งจะไม่อนุญาตให้อาบน้ำในช่วงสายๆ เนื่องจากต้องทำความสะอาดครับ ผมขออธิบายห้องอาบน้ำคร่าวๆ ว่า การอาบน้ำแต่ละครั้ง เราต้องเสียเงิน 300 เยน ซึ่งถ้ารวมกับอินเตอร์เน็ท 1 ชั่วโมง ราคา 430 เยน ก็หมายความว่า ในแต่ละครั้ง เราต้องเสียเงินขั้นต่ำที่ 730 เยน (หากเล่นเกินเวลาที่กำหนด จะเสียค่าปรับ 100 เยน ต่อ 15 นาที) ตรงนี้เองคือจุดที่ยาก เพราะเวลาของเรากับร้านมักไม่ตรงกัน ยังไงผมอยากแนะนำว่าถ้าเราเห็นนาฬิกาของร้าน ตั้งอยู่ตรงจุดไหนก็แล้วแต่ ให้เทียบกับนาฬิกาของเรา และพยายามปรับให้ใกล้เคียงที่สุด เพราะเศษนาทีที่เกิน ก็นับเป็นค่าปรับ 100 เยน ทั้งสิ้นครับ

ในส่วนของการอาบน้ำ หลังจากที่เราจ่ายเงินแล้ว พนักงานก็จะให้ตะกร้าเรามา 1 อัน ในตระกร้า จะประกอบไปด้วย ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม และใบแจ้งเวลา ซึ่งทางร้านจะให้เวลากับเรา 20 นาทีเท่านั้นครับ หากเกินจะคิด 300 เยน ต่อ 15 นาที และสำหรับท่านที่สงสัยว่าสภาพของห้องอาบน้ำเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าสภาพดีมากครับ ทุกครั้งที่เราอาบน้ำเสร็จ จะมีพนักงานมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเรียกคิวต่อไปเข้ามา ดังนั้นเราจึงมั่นใจเรื่องความสะอาดได้ในระดับหนึ่ง
ข้อดีอีกอย่างของอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ก็คือเราสามารถดูโทรทัศน์ของญี่ปุ่นได้แทบทุกช่อง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไล่ตั้งแต่ภาพยนตร์ (พร้อมซับไตเติลอังกฤษ), กีฬานานาชนิด รวมไปถึงหนังเอวี ที่มีให้เลือกรับชมกันอย่างอิสระ (โดยมีข้อแม้ว่าต้องใส่หูฟังเท่านั้น) เหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นบางคนจึงเปรียบอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ว่าเป็นเหมือน “ห้องนั่งเล่น” ในบ้านของพวกเขานั่นเอง
แต่ข้อเสียที่ชัดเจนเลยก็คือคาเฟ่ทุกแห่งจะมีกลิ่นบุหรี่ ที่แรงมาก ถึงแม้จะแบ่งแยกโซนปลอดบุหรี่ไว้แล้วก็แทบจะไม่ช่วยอะไร รวมถึงคุณภาพของคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างเก่า สวนทางกับความเร็วอินเตอร์เน็ท ยกตัวอย่างเช่นเราเปิดวิดีโอ HD ในยูทูป วิดีโอนี้อาจส่งผลให้เครื่องของคุณค้างไปกว่า 5 นาที ซึ่งเป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ และข้อห้ามอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ห้ามดาวน์โหลดไฟล์ที่ผิดกฏหมายอย่างเด็ดขาด” เพราะกฏหมายที่ญี่ปุ่นแรงมาก ตำรวจสามารถเข้ามาจับกุมตัวได้ทุกเมื่อ

ผมมีโอกาสพูดคุยกับพนักงานคร่าวๆ ว่าคนมาใช้บริการเป็นคนรูปแบบไหน เขาตอบว่าคนใช้บริการมีทุกรูปแบบตั้งแต่คนที่ไร้บ้านจริงๆ เรื่อยไปจนถึงระดับผู้บริหารก็มี ทางคาเฟ่บางแห่งอาจมีบริการรีดผ้า หรือมีที่แขวนสูทให้ด้วยซ้ำ
แต่ถ้าวัดจากมุมมองของผม ผมคิดว่าค่าใช้จ่ายของอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ เริ่มสวนทางกับราคาที่ลดลงของโรงแรม Hostel ที่ค่อยๆ กระจายตัวไปทั่วกรุงโตเกียว อย่างคาเฟ่ที่ผมใช้บริการบ่อยๆ คิดค่าอาบน้ำ 300 เยน ค่าใช้บริการอินเตอร์เน็ท 5 ชั่วโมง ในราคา 3000 เยน ซึ่งหากคำนวนแล้ว จะเห็นว่าไม่ต่างจากที่พักราคาถูกในปัจจุบันเท่าไรนัก ที่สำคัญ ยังได้นอนในเตียงนอนจริงๆ ไม่ใช่เก้าอี้นอนอย่างในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาส ผมก็อยากให้ลองนอนในอินเตอร์เน็ท คาเฟ่ ดูสักคืนครับ จะได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆ เป็นปัญหาทางสังคมที่ญี่ปุ่นยังแก้ไม่ได้ (ภาษาทางการเมืองเรียกว่า Internet Café Refugee หมายถึงคนที่ไม่มีงานการ ไม่มีที่พัก วันๆ อาศัยอยู่แต่ในร้านอินเตอร์เน็ท หรือร้านอนิเมะ คาเฟ่)
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมรับรองว่า คงไม่มีทัวร์ไหนในโลก เลือกมอบประสบการณ์แบบนี้ให้กับคุณแน่ๆ ดังนั้น หากมีโอกาสก็ลองดูสักตั้งแล้วกันครับ !