เขาบอกว่าตอนแรกเวลาไปร้านอาหารบางแห่งก็แอบช็อคว่า ทำไมคนไทยเอากระดาษชำระแบบเดียวกับที่ใช้ในห้องน้ำมาให้ใช้เช็ดปาก ฮ่าๆๆ
เพื่อนญี่ปุ่นของดิฉันเพิ่งมาไทยได้ราวหนึ่งปี วันก่อนได้นั่งคุยกันจริงจังเลยถามเขาว่า รู้สึกแปลกใจอะไรบ้างไหมเมื่อมาไทยครั้งแรก ตอนแรกก็คิดว่าคำตอบคงจะเป็น รถติด อากาศร้อน ประมาณนี้ แต่พอได้ฟังคำตอบแล้วก็รู้สึกขำดีค่ะ เอ๊ะ! แต่ที่เขาพูดก็จริงแฮะ
• ริงโทนเสียงเพลงนานาชนิด
ประการแรกเขาบอกว่าเขาแปลกใจที่คนไทยชอบเปิดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดัง ๆ เป็นเพลงนานาชาติแบบที่คนอื่น ๆ สามารถร้องและแดนซ์ตามได้ทั้งบนรถไฟฟ้าและที่ออฟฟิศ พอเสียงเรียกเข้าปุ๊บทุกคนก็จะหันไปมองเจ้าของมือถือปั๊บ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเพราะเขาปิดเสียงและตั้งโหมดสั่นไว้แทนค่ะ หรือที่เรียกว่า Manner Mode แปลตรงตัวก็คือ “ระบบมีมารยาท” (マナーモード) แต่พูดก็พูดเหอะเจ้านายญี่ปุ่นของดิฉันเองมาอยู่ไทยหลายปีก็ตั้งเสียงเรียกเข้าดัง ๆ เช่นกัน สงสัยคิดว่าเป็นแฟชั่น ฮ่าๆๆ
• คนไทยมีชื่อเล่นเป็นสิ่งรอบตัว
พ่อหนุ่มคนนี้บอกดิฉันว่ามาไทยใหม่ ๆ ต้องจำชื่อเพื่อนร่วมงานให้ครบก็แย่แล้วเพราะชื่อคนไทยก็ยาวและจำยากมาก ไม่เพียงแค่นั้นเขายังต้องจำชื่อเล่นของแต่ละคนอีก ที่ยากที่สุดคือต้องแมทช์ให้ได้ด้วยว่าคนนี้ชื่อจริงชื่อนี้แต่ชื่อเล่นอีกชื่อนึง เช่น ชื่อจริง นพดล ชื่อเล่น กบ ชื่อจริง สุวรรณา ชื่อเล่น ส้ม เขาบอกว่ามันไม่ได้มีความสอดคล้องกันเลย เขายังงงว่าทำไมคนไทยมีชื่อเป็นสัตว์ต่าง ๆ เช่น กระต่าย กวาง กุ้ง ฯลฯ หรือผักผลไม้อื่น ๆ
เขาแปลกใจเพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยเรียกชื่อเล่นกันโดยเฉพาะในที่ทำงาน ชื่อเล่นจะใช้เฉพาะกับคนสนิทมาก ๆ เท่านั้น เช่น เพื่อนสนิท แฟน พ่อแม่ (บางกรณีเมื่อลูกโตแล้ว พ่อแม่ก็เรียกลูกด้วยชื่อจริงไม่ใช่ชื่อเล่น) ชื่อเล่นคนญี่ปุ่นก็จะแค่เรียกชื่อจริงแบบสั้นลง เช่น ชื่อจริง คัทซึยามะ ชื่อเล่น คัทจัง ชื่อจริง ริวทาโร่ ชื่อเล่น ริวจัง ไม่ได้ตั้งมาจากทุกสิ่งที่มีอยู่รอบตัวเช่นคนไทย
• เอากระดาษชำระมาใช้บนโต๊ะหรือใช้เช็ดหน้า
เขาบอกว่าตอนแรกเวลาไปร้านอาหารบางแห่งก็แอบช็อคว่าทำไมเขาเอากระดาษชำระแบบเดียวกับที่ใช้ในห้องน้ำมาให้ใช้เช็ดปาก ฮ่าๆๆ เพราะที่ญี่ปุ่นต้องพิถีพิถันกับกระดาษเช็ดปากมากและจะพับมาอย่างดี เขายังบอกอีกว่าทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยอากาศร้อนมาก แต่คนไทยทั้งผู้หญิงและผู้ชายกลับไม่ค่อยใช้ผ้าเช็ดหน้าแต่ใช้กระดาษชำระเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อแทน
• ใส่เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวเยอะ และกินรสหวานมาก
เขาบอกว่าเวลาไปกินก๋วยเตี๋ยวกับคนไทย คนไทยจะตักเครื่องปรุงใส่เยอะมาก ทั้งพริก น้ำส้ม น้ำปลา น้ำตาลเป็นช้อน ๆ เขางงว่าใส่เยอะขนาดนั้นจะกินเข้าไปได้อย่างไร ที่สำคัญเขาบอกคนไทยกินทุกอย่างรสหวานมาก ครั้งแรกที่มาไทยซื้อชาเชียวเป็นขวด ๆ ดื่มก็คิดว่ารสชาติจะจืด ๆ ขม ๆ เหมือนที่ญี่ปุ่น ที่ไหนได้พอดื่มเข้าไปปุ๊บแทบจะบ้วนออกมาทันทีเพราะมันหวานมากราวกับดื่มน้ำเชื่อม รสหวานนี้ยังรวมถึงเครื่องดื่มและขนมอื่น ๆ เช่น กาแฟเย็น เบเกอรี่ ขนมไทย ฯลฯ คนญี่ปุ่นโดยทั่วไปจะกินชาเขียวและกาแฟไม่ใส่น้ำตาลค่ะ ขนมเค้กส่วนใหญ่ก็จะรสชาติหวานน้อย ๆ เท่านั้น
• กินเล่น ๆ (แต่จริงจังมาก)
เขาบอกคนไทยกินเยอะมากเมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่น อาจจะเป็นเพราะว่ามีของกินขายข้างทางให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ผลไม้ ลูกชิ้นปิ้ง กล้วยทอด ขนมเค้ก ฯลฯ โดยปรกติคนญี่ปุ่นก็จะมีกินอาหารว่างบ้างแต่จะกินที่ร้านหรือกินเป็นเวลาแต่คนไทยกินเกือบตลอดเวลา ร้านอาหารหรือรถเข็นขายของข้างทางก็มีคนซื้อทุกๆช่วงเวลา บางครั้งพนักงานออฟฟิศยังนั่งจิ้มผลไม้หรือยัดขนมปังปากไปพลางทำงานไปพลางซึ่งหากเป็นที่ญี่ปุ่นจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ พอไปถามคนไทยก็จะบอกอันนี้ของกินเล่น แต่เขาบอกว่ากินเล่นแต่ดูกินกันจริงจังมาก ฮ่าๆๆ
• ชอบถ่ายรูปมาก
คนญี่ปุ่นแปลกใจมากที่คนไทยเซลฟี่หรือถ่ายรูปเกือบตลอดเวลา ก่อนกินข้าวก็ถ่ายรูปอาหาร เจอเพื่อนก็ถ่าย ขึ้นรถไฟฟ้าก็ถ่าย ไปเที่ยวไหนมาก็ถ่ายรูปและอัพขึ้นเฟซบุ้ก บางคนที่ดิฉันเห็นอาการหนักมาก ๆ เช่น เข้าห้องน้ำก็เซลฟี่ ไปซื้อน้ำบนสถานีบีทีเอสก็เซลฟี่กับร้าน ไปโรงพยาบาลก็ถ่าย ฮ่าๆๆ เรียกว่ากระดิกตัวทีถ่ายทีเลยทีเดียว อันนี้ญี่ปุ่นมองเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะคนญี่ปุ่นไม่ค่อยถ่ายรูปหรือถ้าถ่ายก็ไม่นิยมลงรูปตัวเอง จะสังเกตเห็นว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่นิยมนำรูปตัวเองขึ้นเป็นโปรไฟล์ในเฟซบุ้กหรือไลน์ด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะเขารู้สึกกระดากอายที่ต้องโชว์รูปตัวเอง อีกเหตุผลก็คือเขากลัวเรื่องอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นได้จากอินเตอร์เน็ทค่ะ
• ทำบุญกันเกือบทุกวัน
เขาบอกคนไทยเป็นชาติที่ชอบทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญบริจาคให้วัดซึ่งมีซองเวียนมาให้ร่วมทำบุญเกือบทุกวัน ยังมีให้ร่วมทำบุญแบบอื่น ๆ เช่น คนตาบอด คนชรา ไถ่วัว สร้างอาคารเรียน บวชเณร ฯลฯ คนญี่ปุ่นเองไม่ได้ทำบุญบ่อยขนาดนี้
• รถยนต์ไม่ค่อยหยุดให้คนข้าม หากไม่มีไฟแดงไฟเขียวกำกับ
เขาสังเกตว่ารถยนต์ที่วิ่งตามท้องถนนจะไม่ค่อยหยุดให้คนข้ามถึงแม้ว่าจะมีทางม้าลาย คนที่จะข้ามต้องคอยรอจังหวะที่รถโล่งจริงๆจึงรีบวิ่งข้ามได้ อันนี้ดิฉันเห็นด้วยสุดๆเพราะมีประสบการณ์ตรงหลายครั้งที่ยืนรอตรงทางม้าลายรอแล้วรออีก ก็ไม่มีรถคันไหนคิดจะหยุดให้ข้าม แต่ดิฉันว่าประเทศไทยยังดีกว่าอีกหลาย ๆ ประเทศที่บางครั้งแม้แต่ไฟแดงรถก็ไม่หยุดวิ่ง ส่วนทางม้าลายนั้นไม่ต้องพูดถึง คนข้ามต้องใช้เทคนิคหลบรถกันเองค่า
• พิมพ์ 555
ไม่ใช่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้พูดคนแรก เพื่อนชาวต่างชาติของดิฉันก็เคยงงมาแล้ว เพราะดิฉันเผลอพิมพ์ 555 เวลาแชทคุยกัน (ลืมไปว่าคนต่างชาติไม่ได้อ่านเลข 5 ว่า ฮ่า) ตอนแรก ๆ เขาก็ไม่ถาม แต่พอพิมพ์บ่อย ๆ เขาก็ถามว่าทำไมพิมพ์เออเร่อขึ้นเลข 5 บ่อยจัง บางคนก็ถามว่าพิมพ์ five five five มาทำไม แต่พอคนเหล่านั้นทราบแล้วว่ามันคือเสียงหัวเราะของเรา เวลาแชทคนต่างชาติเหล่านั้นก็จะพิมพ์ 555 กลับมาให้เราเช่นกันค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– เซะ-บุน-อี-เระ-บุน (7-11) ที่ญี่ปุ่น ความเหมือนที่ต่างจากที่ไทย
– โอกาสดี ๆ ของคนพิการในที่ทำงานญี่ปุ่น
– ชาวญี่ปุ่นผู้ตั้งบริษัท Cocowell Corp เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวสวนมะพร้าวฟิลิปปินส์
– Ajisen Ramen จากคุมาโมโต้เพื่อผู้ประสบภัยคุมาโมโต้
– ทีมเวิร์กแบบญี่ปุ่น