วัฒนธรรมกินเนื้อวัวของญี่ปุ่น มาจากตะวันตก? – สุกี้ยากี้เป็นอาหารฝรั่ง?
เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับสุกี้ยากี้ ที่เป็นทั้งอาหารและเพลงชื่อดังไปแล้ว แต่ถ้าจะลองแกล้งถามผู้อ่านทุกท่านว่า “คิดว่าสุกี้ยากี้เป็นอาหารชาติใด?” เชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องตอบว่าเป็น “อาหารญี่ปุ่น” เป็นแน่
แต่ที่จริงแล้วอาหารจำพวกเนื้อสัตว์บกขนาดใหญ่อย่างหมูหรือวัว โดยเฉพาะเนื้อวัวนั้นไม่ใช่อาหารหลักของชาวญี่ปุ่นมาแต่โบราณเลย คือคงมีคนญี่ปุ่นกินเนื้อหมูหรือวัวกันบ้างแต่ไม่ใช่กระแสหลักของสังคม โดยเฉพาะเนื้อวัวนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างมากเลยทีเดียว
อันที่จริงในสมัยโบราณที่คนญี่ปุ่นยังเลี้ยงชีพด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์ก็คงมีการกินหมูและวัวรวมทั้งกินสัตว์ป่าสารพัดชนิดอยู่บ้าง แต่เมื่อรับพุทธศาสนาเข้ามาพร้อมอารยธรรมจีนโบราณแล้วทำให้กระแสหลักการกินเนื้อหมูและวัวลดลงจนกลายเป็นกระแสรองไป (คงมีคนกินอยู่บ้าง แต่ไม่นิยม) โดยเฉพาะในยุคเอโดะ (ค. ศ. 1603-1868) ที่ชนชั้นสูงของญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยฮิตกินอาหารโชจินเรียวริ (精進料理) หรืออาหารเจแบบพุทธญี่ปุ่น การกินเนื้อจึงเสียภาพลักษณ์ โดยในหมู่ชนชั้นสูงในยุคเอโดะมีมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งคือ “ห้ามกินเนื้อวัวออกสื่ออย่างเด็ดขาด” คือคงต้องแอบกินไม่ให้สาธารณชนรู้ มิฉะนั้นภาพลักษณ์น่าจะดูไม่ค่อยดี แต่ถ้ามีสถานะทางสังคมไม่สูงก็คงไม่เลือกกินมากนัก น่าจะสรุปสถานการณ์ในยุคนั้นได้ว่า ผู้ดีต้องไม่กินเนื้อวัว ส่วนคนที่กินเนื้อวัวคือคนที่สถานะทางสังคมไม่สู้ดีนัก นั่นเอง
จนกระทั่งหลังปฏิรูปเมจิในปี ค. ศ. 1868 ที่เริ่มรับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งกระแสการกินเนื้อหมูและเนื้อวัวมากขึ้น จนการกินสัตว์บกขนาดใหญ่ค่อย ๆ กลายเป็น “เรื่องปกติในสังคมญี่ปุ่นขณะนั้น” ไป โดยเริ่มมีร้าน “กิวนะเบ (牛鍋)” ขึ้นบ้างก่อนปฏิรูปเมจิในปี 1868 เล็กน้อย และค่อย ๆ เป็นที่นิยมขึ้นอย่างมากหลังปฏิรูปเมจิ จนถึงขั้นมีคนกล่าวว่า “การกินเนื้อวัว คือสัญลักษณ์แห่งการปฏิรูปเมจิ” ก็มี เมนูกิวนะเบนี้เองที่วิวัฒนาการกลายเป็น “สุกี้ยากี้ (すき焼き)” ในเวลาต่อมาไม่นานนัก หากใครดูซีรีส์หรือภาพยนตร์ญี่ปุ่นเกี่ยวกับยุคเมจิ จะพบว่ามีหลายเรื่องที่เมนูกิวนะเบเป็นเมนูฮิตของคนจำนวนมากในยุคนั้น
เท่านั้นไม่พอ ในภายหลังจากปฏิรูปเมจิเพียงเล็กน้อยคือในวันที่ 24 มกราคม ปี ค. ศ. 1872 ก็ได้มีการบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญไว้คือเป็น “วันที่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงเสวยเนื้อวัวเป็นครั้งแรก” เรียกว่าการเริ่มกินเนื้อวัวนั้นเป็นอีเวนท์ใหญ่ระดับประวัติศาสตร์ของชาติถึงขั้นต้องบันทึกเอาไว้ ทำให้จนกระทั่งปัจจุบันที่ญี่ปุ่นก็ยังยึดเอาวันที่ 24 มกราคมของทุกปีว่าเป็น “วันสุกี้ยากี้ (すき焼きの日)” อีกด้วย
เคยได้กล่าวถึงไปแล้วว่าอาหารญี่ปุ่นที่เรียกว่านิฮนเรียวริ (日本料理) นั้นจริง ๆ แล้วแยกย่อยลงไปได้อีก 3 ระดับตามนี้ (https://www.marumura.com/3-layers-of-japanese-food/) คือ
1) วะโชะคุ (和食) คืออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
2) ชูกะเรียวริ (中華料理) คืออาหารจีนแบบญี่ปุ่น (ที่ไม่ใช่อาหารจีนที่แท้จริง)
3) โยโชะคุ (洋食) คืออาหารตะวันตกสไตล์ญี่ปุ่น (ที่ไม่ใช่อาหารฝรั่งจริง ๆ)
ในกรณีของกิวนะเบะที่วิวัฒนาการเป็นสุกี้ยากี้นั้น ถ้าให้ถูกต้องที่จริงควรเรียกว่าเป็นโยโชะคุด้วยซ้ำเพราะเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกโดยตรง เพียงแต่อาหารญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่ยุคปฏิรูปเมจินั้นมีแนวโน้มจะเรียกเป็นวะโชะคุเสียมากกว่า เพราะโดยแนวโน้มอาหารที่จะเรียกว่าโยโชะคุมักเป็นอาหารฝรั่งแบบญี่ปุ่นที่รับเข้ามาหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สองเสียมาก (ไม่ทุกชนิด แต่แนวโน้มเป็นเช่นนั้น)
สุดท้ายนี้ฝากไว้ว่า สุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นนั้นจะไม่ใช่ต้มแล้วซดน้ำซุปแบบสุกี้ที่ไทย เพราะต้นฉบับกิวนะเบะเป็นการปิ้งเนื้อบนเตาหินด้วยซ้ำ พอเป็นสุกี้ยากี้แล้วก็ยังเป็นการปิ้งแบบมีน้ำซุปขลุกขลิก จะไม่ได้มีน้ำซุปเต็มหม้อแล้วตั้งหน้าตั้งตาต้มกินกันแบบสุกี้ไทยนะ หากไปกินสุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นแท้ ๆ น้ำซุปจะเข้มข้น คือเค็มจัดมาก อย่ากินแล้วซดน้ำซุปเพราะอันตรายต่อสุขภาพมากเลยนะทุกท่าน
ติดตามผลงานเขียนทั้งหมดของวีรยุทธได้ที่ >> https://www.facebook.com/Weerayuths-Ideas
เรื่องแนะนำ :
– ญี่ปุ่นไม่เคยหยุดพัฒนา ด้วยแนวคิด คะจิ-สึสึเคะรุ (勝ち続ける) ที่แปลว่าต้องชนะอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
– ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ของญี่ปุ่น ที่จริงเป็นอิทธิพลจากอเมริกา?
– การคำนึงถึง “ลูกค้าของลูกค้า” ในธุรกิจญี่ปุ่น
– จตุรเทพแห่งการสอนภาษาญี่ปุ่นของเมืองไทย
– พนักงานในอุดมคติของบริษัท – ญี่ปุ่นชอบพนักงานแนว Generalist แต่ไทยชอบพนักงานแนว Specialist
#วัฒนธรรมกินเนื้อวัวของญี่ปุ่น มาจากตะวันตก? – สุกี้ยากี้เป็นอาหารฝรั่ง?