ดิฉันตกใจและแปลกใจมาก รุ่นพี่อีกคนที่จบญี่ปุ่นเหมือนกันก็เข้ามาปลอบๆ ว่า พวกเราอยู่ญี่ปุ่นมานาน มันมี Uchi-Soto แบ่งนอกแบ่งใน เกตุวดีก็แย้งไปว่า ดิฉันเนี่ยนะ!? รุ่นพี่ก็สวนกลับมาว่า เออ เอ็งน่ะตัวดี เจ้าแม่แห่งการแบ่งเลย…
อาทิตย์ก่อน ชีวิตอันราบเรียบของเกตุวดีมีมรสุมเข้าเล็กน้อย ด้วยความที่ดิฉันเป็นผู้หญิงโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ตอนรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งมีปัญหาในชีวิต ดิฉันก็มองรุ่นพี่อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ คือ ดิฉันไม่ได้โทรไปปลอบพี่เขา ไม่ได้เมสเสจหรือติดต่อไปเพราะคิดว่าเจอกันที่ทำงานอยู่แล้ว ก็ค่อยปลอบตอนนั้นไง ผลลัพธ์คือ เกตุวดีโดนงอนจ๊า พี่เขาบอกว่า “ทั้งๆ ที่พี่รักเกตุ เอ็นดูเกตุเหมือนน้องสาว แต่พี่ไม่เคยเข้าถึงเกตุเลย เหมือนเกตุปิดกั้นตัวเองจากพี่เมื่อถึงระดับหนึ่ง”
ดิฉันตกใจและแปลกใจมาก รุ่นพี่อีกคนที่จบญี่ปุ่นเหมือนกันก็เข้ามาปลอบๆ ว่า พวกเราอยู่ญี่ปุ่นมานาน มันมี Uchi-Soto แบ่งนอกแบ่งใน เกตุวดีก็แย้งไปว่า ดิฉันเนี่ยนะ!? รุ่นพี่ก็สวนกลับมาว่า เออ เอ็งน่ะตัวดี เจ้าแม่แห่งการแบ่งเลย…
Uchi-Soto คืออะไร?
Uchi(内)หมายถึง “ข้างใน”
Soto(外)หมายถึง “ข้างนอก”
คนญี่ปุ่น (และอาจรวมเกตุวดีอีกหนึ่งหน่อ) จะแบ่งระดับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับคนอื่นเป็น “พวกเรา (กลุ่มเดียวกัน)” และ “พวกเขา (กลุ่มอื่น)” ค่ะ เช่น คนในครอบครัวเราเป็น Uchi คุณครูที่โรงเรียนหรือผู้ปกครองเพื่อนลูกเป็น Soto คุณป้าข้างบ้านกับคุณลุงร้านขายปลาก็เป็น Soto แต่ถ้าสนิทกันมากๆ รู้จักกันมาเป็นยี่สิบปี คุณลุงอาจแหวกวงล้อมมาเป็น Uchi ก็ได้

แบ่งในแบ่งนอกแล้วไง?
การใช้ภาษา การให้เกียรติ มารยาทที่เราปฏิบัติต่อคนวงในกับคนวงนอกจะต่างกันค่ะ เช่น เราจะพูดลงท้ายด้วยคำว่า “ครับ/ค่ะ” กับคนที่อยู่นอกกลุ่มพวกเราเสมอ อย่างเกตุวดีพูดกับรุ่นพี่ ก็จะพูดคะขา ให้เกียรติ เช่น พี่เขาอยากไปไหน ทานอะไร ก็ให้เขาเลือก เกตุวดีจะตามใจ ไม่ค่อยขัดแย้งอะไร ไม่แสดงความเห็นตัวเอง อันนี้ดิฉันคิดว่าคนไทยก็เป็น ให้เกียรติผู้ใหญ่เป็นหลัก
แต่ที่แตกต่างระหว่างไทยกับญี่ปุ่นคือ การแบ่งปันหรือบทสนทนาที่พูดคุยค่ะ ดิฉันจะคุยกับรุ่นพี่คนไทยแค่เรื่องผิวเผิน เช่น เรื่องอากาศ เรื่องต้นไม้ใบหญ้า งานอดิเรก ปรึกษาเรื่องงาน เรื่ององค์กรบ้าง แต่ดิฉันจะไม่เล่าเรื่องหมาที่บ้านตาย เรื่องที่ทะเลาะกับแม่เมื่อเช้า เรื่องอกหักรักคุด เด็ดขาด คนไทยคงมองว่า เกตุวดีไม่เปิดใจ แต่ดิฉันรู้สึกว่า เราไม่ควรเปิดเผยเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องแย่ๆ ของเรากับคนที่อยู่วงนอก มันจะเป็นการรบกวนเขา หรือมันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนี่นา


แต่พอพวกเราเริ่มสนิทมากขึ้น (ประมาณปีที่ 5 ที่เรารู้จักกัน….) มีอยู่คืนหนึ่ง เผอิญดิฉันไปพักที่บ้าน คุณพ่อเรียกดิฉันไปคุยและบอกว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องลงท้ายคำว่า “ค่ะ” แล้วล่ะ (สำหรับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่น มันคือประโยคแบบ です/ます ค่ะ) ให้คุยแบบภาษาบ้านๆ ธรรมดาๆ ได้เลย คุณพ่อรู้สึกว่ามันฟังดูสนิทดีกว่า คุณพ่อเริ่มแย่งชิ้นปลาอ้วนๆ จากดิฉัน ดิฉันเริ่มขอ (และขโมย) ลูกชิ้นปลาจากคุณพ่อ พูดง่ายๆ คือ พอดิฉันเริ่มกลายเป็น “คนวงใน” ของครอบครัวนี้แล้ว ดิฉันก็ใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ กล้าพูดตรงๆ มากขึ้นว่า อยากได้อะไร อยากทำอะไร ไม่ต้องเกรงใจหรือให้เกียรติอะไรกันเยอะแยะอีก
จะแบ่งยังไง?
จริงๆ ไม่มีหลักแบ่งตายตัว ขึ้นอยู่กับระดับความรู้สึกของพวกเรามากกว่า เหมือนระดับความสนิทค่ะ และความสัมพันธ์แบบ Uchi-soto ของคนญี่ปุ่นก็จะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ด้วย เช่น ในที่ทำงาน เจ้านายอาจเป็นคนวงนอก เพื่อนร่วมงานที่สนิทๆ เป็นคนวงในของคุณ แต่เวลาคุณกับเจ้านายไปหาลูกค้าด้วยกัน ลูกค้าจะเป็นคนวงนอก ส่วนเจ้านายจะเลื่อนมาเป็นคนวงในของคุณ

หรือปกติ คนญี่ปุ่นอาจจะมองคนญี่ปุ่นคนอื่นว่าเป็นคนวงนอก แต่พอมาอยู่เมืองไทย เวลาไปเดินไหนมาไหนแล้วเผอิญเจอคนญี่ปุ่นเหมือนกัน เขาอาจจัดคนญี่ปุ่นคนนั้นเป็นคนวงใน และมองคนไทยเป็นคนวงนอกแทน ยามาเนะซังของดิฉันเผอิญเจอสามีภรรยาญี่ปุ่นคู่หนึ่งที่ฟู้ดคอร์ทในบิ๊กซีแถวบ้าน คุยไปคุยมา ยามาเนะซังก็เชิญทั้งคู่มานั่งคุยต่อที่ห้องตัวเอง
ปกติแล้ว คนญี่ปุ่นจะไม่มีทางเชิญคนที่เพิ่งรู้จักกันมาที่บ้านเด็ดขาด แต่เกตุวดีคิดว่า ยามาเนะซังคงมองว่า สามีภรรยาญี่ปุ่นคู่นี้เป็น Uchi สำหรับเธอแล้วล่ะค่ะ
คนไทยอย่างเราๆ จะทำอย่างไรดี?
ไม่ต้องทำอะไรค่ะ ฮ่าๆๆ คนไทยเราไม่มีแบ่งนอกแบ่งในอยู่แล้ว มีแต่แบ่งสี…อุ๊บส์ จากบทความด้านบน คุณคงพอทราบความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนญี่ปุ่นแล้วนะคะว่า คุณเป็นคนวงในหรือวงนอกสำหรับเขา ลองดูศัพท์ ดูภาษา ดูระดับความตรงไปตรงมาที่เขามีให้กับคุณ ถ้าคุณถูกจัดว่าเป็นคนวงนอก ไม่ต้องไปน้อยใจ คนญี่ปุ่นมักจะจัดคนไทยหรือคนต่างชาติเป็นคนวงนอกอยู่แล้ว คุณก็เฮฮาไป สนุกสนานกับเขาไป อย่าไปคิดน้อยใจว่า ทำไมเขาไม่แชร์ ไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้คุณฟังเลย เขาไม่รัก ไม่เปิดใจ ไม่ให้ความสำคัญกับคุณเหรอ เปล่าเลยค่ะ แต่ของอย่างนี้ คนญี่ปุ่นเขาต้องใช้เวลา ดิฉันใช้เวลา 3-5 ปีในการเข้าวงในของโฮสท์แฟมิลี่ และตอนที่คบกับหนุ่มญี่ปุ่น ดิฉันยังรู้สึกถึงความเป็นวงนอกของเขาแม้เวลาจะผ่านไป 6 เดือนกว่าแล้วก็ตาม (ก็เลยเลิก รำคาญ!…555)
ถ้าคุณได้เข้าไปอยู่ในวงในของเขา (หรืออย่างน้อยคุณคิดว่าคุณเป็น) ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากทีเดียวที่คนญี่ปุ่นจะเปิดใจให้คนต่างชาติต่างภาษาอย่างเรา ขอให้รักษาความสัมพันธ์นี้ให้ดีต่อไปนะคะ
ใครมีเรื่องวงนอกวงใน มาแบ่งปันกันน้า แล้วพบกันวันอังคารหน้าจ้ะ
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura