ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ไปทั้ง 2 ภูมิภาคนี้ (แล้วยังไปในคราวเดียวกันซะด้วย) และยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้เดินทางเชื่อมต่อ 2 ภูมิภาคนี้โดยรถไฟ ด้วยบัตร JR East Pass (Flexible 5-day Pass) มาลองดูกัน ^^
หลังจากการบินไทยเพิ่งเปิดเส้นทางบินตรงใหม่จากกรุงเทพฯ สู่เซนไดเมื่อเดือนธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ชาวญี่ปุ่นในภูมิภาคโทโฮขุที่ได้เตรียมตัวต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคนี้ยังไม่ทันได้สัมผัสรอยยิ้มจากแดนสยามสักเท่าไหร่ สายการบินไทยก็ประกาศหยุดให้บริการเส้นทางนี้เสียแล้ว
แต่นักท่องเที่ยวไทยผู้พิสมัยในเส้นทางญี่ปุ่นที่แปลกใหม่ มิต้องกังวลใจแต่อย่างใด ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น ประเทศที่ได้ชื่อว่ามีระบบขนส่งมวลชนที่ดีติดระดับเบอร์ต้นๆ ของโลก การเดินทางท่องเที่ยวไปยังภูมิภาคต่างๆ ไม่ใช่เรื่องอย่างเย็นแสนเข็ญแต่อย่างใด
วันนี้จึงขอบอกเล่าทริปการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคโทโฮขุและจังหวัดชิบะ ตามที่ทางองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้ง 2 แห่งได้ให้ความกรุณาเชื้อเชิญได้ไปเที่ยวชม และถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ไปทั้ง 2 ภูมิภาคนี้ และยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้เดินทางเชื่อมต่อ 2 ภูมิภาคนี้โดยรถไฟ ด้วยบัตร JR East Pass (Flexible 5-day Pass)
“โทโฮขุ” นั้นแปลตรงๆ ตัวว่า..ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นภูมิภาคซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู เกาะใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตชนบท และในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็นอย่างแสนจะน่าทรมาน แต่ภูมิภาคนี้ก็มีภูมิประเทศที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นหลายแห่งเลยทีเดียว ภูเขาสลับซับซ้อนงดงาม ทะเลสาบใสสะอาด แล้วยังมีแหล่งแช่น้ำพุร้อนให้เลือกมากมาย จึงต้อนรับนักท่องเที่ยวปีละมากๆ ไม่น้อยหน้าภูมิภาคอื่นๆ
ทริปเริ่มต้นที่สนามบินนาริตะ อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่าทริปนี้เราจะเดินทางข้ามภูมิภาคด้วยบัตร JR East Pass ที่ๆ เราต้องไปติดต่อเป็นที่แรกก็คือ JR East Service Center ซึ่งสาขาที่เราไปติดต่อนี้ ตั้งอยู่บนชั้น B1 ภายในสนามบินนาริตะ Terminal 1 (Terminal 2 ก็อยู่ชั้น B1 เหมือนกัน)

สิ่งที่ต้องใช้คือหนังสือเดินทางและเงินจำนวน 22,000 เยน ก็จะได้รับ JR East Pass (Flexible 5-day Pass) กลับมา ซึ่งสามารถใช้กับรถไฟ JR ในสังกัดของบริษัท JR East ได้ทุกขบวนรวมถึง Narita Express สำหรับเข้าสู่กรุงโตเกียวด้วย (หากกำหนดเส้นทางการเดินทางมาแน่นอนแล้ว สามารถจองที่นั่งขบวนรถไฟที่ต้องการได้ที่นี่เลย)


ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Flexible 5-day Pass ฉะนั้นการใช้งานก็ค่อนข้างยืดหยุ่นนิดนึง ซึ่งตั๋วนี้เราสามารถใช้งานได้ 5 วัน โดยไม่จำเป็นต้องเรียงวัน แต่ต้องไม่เกิน 14 วันหลังจากใช้งานวันแรก
จุดหมายแรกของทริปคือ “เมืองเซนได” จึงต้องใช้บริการรถไฟ Narita Express เข้าสู่สถานีโตเกียวเพื่อต่อรถไฟชิงกันเซน (Hayabusa) เพื่อตรงดิ่งสู่ประตูแห่งภูมิภาคโทโฮขุ









เมืองเซนได (Sendai) อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดมิยางิ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮขุ และมีฉายาว่า “เมืองแห่งต้นไม้” เพราะมีการปลูกต้นไม้เรียงรายบนถนนสายอะโอบะ และถนนโจเซนหยิและยังมีสวนชมดอกซากุระบานมากมายหลายแห่ง
จุดหมายแรกของการมาเยือนเซนไดครั้งนี้ คือการไปล่องอ่าว Matsushima 1 ใน Nihon Sankei (3 สุดยอดวิวทางทะเลของญี่ปุ่น) อ่าวมัตสึชิมะมีเกาะแก่งกว่า 260 เกาะ เกาะเล็กเกาะน้อยที่ถูกปกคลุมด้วยต้นสนซึ่งมีรูปร่างแคระแกรน ลำต้นประหลาดเนื่องด้วยแรงลมที่พัดจากทะเล และขึ้นอยู่บนเกาะหินที่กระจายตัวอยู่กลางอ่าวสวยงามจนมหากวีไฮกุ มัสซูโอะ บาโช (Matsuo Basho) กล่าวชื่นชมความงามสุดพรรณนาไว้ว่า“การได้มาเยือนมัตสึชิมะ เป็นความสุขสุดยอดในชีวิต”









บริเวณใกล้ๆ กับท่าเรือเป็นที่ตั้งของวัดซุยกันจิ (Zuiganji) ซึ่งถึือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของ Matsushima และยังเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติอีกด้วย
วัดซุยกันจิ (Zuiganji) เป็นวัดนิกายเซนที่ประกอบด้วยหลังคาใหญ่คลุมอารามสงฆ์พื้นเป็นไม้ตัดกับกำแพงขาว พร้อมวิหารที่งดงามด้วยภาพวาดนกยูง อีกทั้งประตูโอนะริมน (Onarimon) และประตูนะคะมน(Nakamon) ถูกสร้างในปีค.ศ.1604 โดยคำสั่งของเจ้าเมือง Date Masamune และตกแต่งอย่างวิจิตรแบบสถาปัตยกรรมแห่งยุค Azuchi Momoyama
น่าเสียดายที่เราไปถึงเย็นย่ำไปหน่อย ภายในวัดปิดไม่ให้เข้าไปเที่ยวชมด้านในแล้ว จึงเก็บได้แต่บรรยากาศรอบๆ บริเวณวัดมาฝาก







ไหนๆ ทริปนี้ได้มีโอกาสใช้ตั๋ว JR East Pass แล้ว ก็ถือโอกาสใช้ให้คุ้มเสียหน่อย ขากลับจึงเลือกใช้บริการรถไฟเดินทางกลับสู่เซนได
จากวัดซุยกันจิใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 5 นาทีก็ถึง JR Matsushimakaigan Station จับรถไฟสาย JR Senseki Line Local สู่ Aobadori Station หลับๆ ตื่นๆ แค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินทางกลับมาถึงกลางเมืองเซนได



ขึ้นจาก Aobadori Station มาไม่เท่าไหร่ก็จะเจอกับ Clis Road ถนนสายช้อปปิ้งใจกลางเมืองเซนได ใครเป็นนักเที่ยวญี่ปุ่นขาประจำคงคุ้นเคยกับหน้าตาถนนช้อปปิ้งในญี่ปุ่นเป็นอย่างดี พอดีไม่ได้โอกาสได้เดินตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางเลยไม่แน่ใจว่าถนนสายช้อปปิ้งนี้ยาวสักเท่าไหร่ แต่คะเนด้วยสายตาก็น่าจะถูกใจ จุใจขานักช้อปเป็นอย่างยิ่ง ร้านค้าก็จำหน่ายสินค้ายอดนิยมที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหล่าบรรดานักช้อปชาวไทยเป็นอย่างดี



ค่ำคืนนี้ฝากท้องและฝากกายไว้ที่ Hotel Monterey Sendai ซึ่งอยู่เยื้องๆ กับสถานีรถไฟเซนได Hotel Monterey Sendai ตกแต่งในสไตล์ยุโรปดูเคร่งขรึมตัดกับบรรยากาศภายนอกที่เป็นญี่ปุ่นจ้าดีจริงๆ




หนังท้องตึง ก็ถึงเวลาพักเก็บแรงตะลุยเซนไดต่อพรุ่งนี้
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง : Kanto District Transport Bureau
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวโทโฮขุ ชิบะ ตอนที่ 6 : จิบะ ที่มีดีมากกว่าแค่สนามบินและดิสนีย์แลนด์
– รีวิวเที่ยวโทโฮขุ ชิบะ ตอนที่ 5 : มุ่งหน้าสู่ Chiba
– รีวิวเที่ยวโทโฮขุ ชิบะ ตอนที่ 4 : เที่ยวเมือง Yonezawa
– รีวิวเที่ยวโทโฮขุ ชิบะ ตอนที่ 3 : เที่ยวยามากาตะ ทักทายปีศาจหิมะแห่ง Zao
– รีวิวเที่ยวโทโฮขุ ชิบะ ตอนที่ 2 : เที่ยวเซนไดด้วย Loople Sendai