อาหารกลางวันญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้นั้น ลดราคามาสูงสุดถึงเกือบๆ 80% เลยด้วยซ้ำ นี่แค่ในแง่ของราคา ยังไม่รวมของกินฟรีอีกมากมาย (คือเราก็ไม่ควรกินล้างผลาญนะครับ แต่มันช่วยชีวิตเราได้มากจริงๆ)
พูดตามตรงว่าปกติแล้วเวลาผมไปญี่ปุ่นก็เน้นการทำงานเป็นหลักครับ ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในแบบท้องถิ่นหรือ local สักเท่าไหร่เลย เหมือนทำอะไรก็จะมีบริษัทคอยแบ็คอัพให้

แน่นอนการไปแบบนี้มันก็สะดวกสบายไร้กังวล แต่อีกมุมหนึ่งผมมองว่ามันไม่ค่อยสนุกและเริ่มเบื่อครับ ดังนั้นเมื่อช่วงเดือนเมษาที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เดินทางไปแบบไม่คาดฝัน ไปแบบไม่มีเงิน อยู่อย่างสบายๆ เจออะไรก็กิน นั่นทำให้ผมไปรู้จักกับ “ชุดอาหารกลางวัน” ในแบบญี่ปุ่นอย่างจริงจัง (คือก็พอรู้มาบ้างแหละ แต่อยากโดนเองบ้าง) และมันก็เป็นสิ่งที่มีความสุขมากๆ เลยล่ะครับ
“Lunchtime” คือช่วงเวลาอาหารกลางวันสำหรับคนทำงานชาวญี่ปุ่นเป็นหลักนั่นล่ะครับ คือมาเพื่อกินเอาแรงและก็กลับไปทำงานต่อ ข้าวต่างๆ จะมีฟังก์ชั่นพิเศษอย่างเช่น 500 เยน เพิ่มข้าวได้ไม่จำกัด กินไข่ได้ไม่จำกัด กินสาหร่ายได้ไม่จำกัด คือถ้าเราเน้นกินเอาถูกเข้าว่า มื้ออาหารแบบนี้คุ้มกว่าไปซื้อของตามคอมบินิราวฟ้ากับเหวเลยครับ!

ร้านส่วนใหญ่ก็จะเอาเมนูอาหารบางวันมาวางไว้หน้าร้านครับ ส่วนใหญ่จะมีไม่กี่เมนู และจะแตกต่างจากเมนูหลักๆ ของร้านไปเลย ไม่ให้คนที่มากินในเวลาปกติรู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบ และอาหารในช่วงเวลานี้นั้น ลดราคามาสูงสุดถึงเกือบๆ 80% เลยด้วยซ้ำ นี่แค่ในแง่ของราคา ยังไม่รวมของกินฟรีอีกมากมาย (คือเราก็ไม่ควรกินล้างผลาญนะครับ แต่มันช่วยชีวิตเราได้มากจริงๆ)

ร้านที่ผมกินทุกวันคือยากินิกุครับ! กินจนคนขายแกจำได้เลย 555 ร้านนี้ปกติแล้วอยู่ที่ราคา 2800 เยน แต่ถ้าเป็น Lunchtime จะอยู่ที่ 1,000 เยนเท่านั้น (รวมภาษีแล้วด้วยนะ) กล่าวคือกินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง เขาจะให้จานเราไปตักเอง เหมือนหมูกะทะบ้านเราล่ะครับ มีผัก มีซุบ มีข้าว มีไอติม มีน้ำเปล่า ไม่อั้น เนื้อก็เป็นเนื้อดีครับ เติมตลอด คือเป็นมื้ออาหารที่ฟินมากในราคา 1,000 เยน ร้านนี้หากใครสนใจ แนะนำเลยนะครับ (จริงๆ มียากินิกุในเวลาอาหารกลางวันราคาประมาณนี้หลายร้านครับ ลองส่องๆ ดู แต่จากที่ลองๆ แล้ว ร้านนี้อร่อยสุด)
ร้านอยู่สถานีอากิฮาบาระ ออกมาทางออก Showa dori แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงหัวมุมนี่เป็นร้านคอมบินิ เดินมาเรื่อยๆ (ประมาณสองร้อยเมตร) จะเห็นป้ายยากินิกุ 1,000 เยน ตั้งอยู่ชั้น 4 ก็ลุยขึ้นไปได้เลยครับ ! (เสียดายลุงแกไม่ให้ถ่ายรูป เอาเป็นว่าลองหากันดูนะครับ)
ทีนี้ถามว่ามื้ออาหารกลางวันมีข้อดีอย่างไร สำหรับผมแล้วผมใช้วิธีการซื้อขนมในช่วงดึกจากคอมบินิ ซึ่งลดราคากว่า 50% อาจเป็นขนมปังหรืออะไรก็แล้วแต่มากินตอนเช้า ซึ่งโดยปกติแล้วตาม hostel เขาจะมีพวกชา กาแฟ นม บริการฟรี ผมก็ใช้ตรงนี้แหละเป็นหลักสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ออกไปเดินเล่น เกินเที่ยวตามอัธยาศัย สำหรับช่วงเวลาของ Lunch time นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 11.00-15.00 น. ครับ (มีใครให้เลทกว่านี้ไหมครับ รบกวนแชร์ด้วยนะฮะ) ดังนั้น นักท่องเที่ยวหลายรายจะใช้ Lunchtime เป็นอาหารมื้อหลัก เราสามารถเฉลี่ยได้เป็น 2 มื้อคือมื้อกลางวันตอนประมาณ11.30น. และตอนเฉียดๆ 15.00 ในฐานะของอาหารเย็น ซึ่งสำหรับผมแล้วมันอยู่ท้องนะครับ ที่เหลือจะไปกินอะไรเสริมตอนเย็นมันก็ไม่แพงมากแล้ว =)

หลายคนอาจจะคิดว่าไปเที่ยวทั้งที ทำไมต้องลำบากขนาดนี้ แต่ผมกลับคิดว่าในประเทศอย่างญี่ปุ่นเนี่ย เรามีสิ่งที่อยากค้นหาอีกมากมาย และมันน่าจะดีหากเราสามารถเก็บเงินบางส่วนไว้เพื่อที่จะสามารถตอบสนองกับความต้องการที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อระหว่างการท่องเที่ยว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เราต้องพลาดโอกาสในการท่องเที่ยว ผมจึงเลือกที่จะประหยัดและหาทางใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุดครับ

ผมขอย้ำให้ชัดเจนตรงนี้อีกครั้งว่าอาหารกลางวันเหล่านี้ไม่ใช่ของไร้คุณภาพนะครับ กลับกันมันเป็นของอย่างดีเลยที่เอามาทำตลาดกับเหล่าพนักงานที่พักเบรกมากินข้าว ดังนั้นบางร้านจะทำโปรโมชั่นนี้เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น ยังไงก่อนจะไปใช้บริการก็ลองตรวจสอบป้ายดีๆ ครับ เดี๋ยวโดนราคาเต็มล่ะยุ่งเลย
ใครมีกลเม็ดกินอาหารถูกและดีในญี่ปุ่นอีกก็มาพูดคุยแนะนำกันนะครับ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวของผมเองและผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยครับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทางทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ