หมดสมัยไปแล้วกับคนญี่ปุ่นที่แปลกใจกับพฤติกรรม “มาสาย” ของคนไทย คนญี่ปุ่นที่อยู่เมืองไทยมาสักระยะจะเริ่มเข้าใจดีแล้วค่ะว่า ถ้านัดคนไทย ให้ทำใจไปสักครึ่งชั่วโมง (เป็นอย่างน้อย) แต่ก็ยังมีพฤติกรรมบางอย่างเกี่ยวกับการนัดที่คนญี่ปุ่นแปลกใจอยู่ดี
บทความโดย : เกตุวดี <ahref=”https://www.marumura.com”>www.marumura.com
< การรักษาเวลา การนัดคน >
หมดสมัยไปแล้วกับคนญี่ปุ่นที่แปลกใจกับพฤติกรรม “มาสาย” ของคนไทย คนญี่ปุ่นที่อยู่เมืองไทยมาสักระยะจะเริ่มเข้าใจดีแล้วค่ะว่า ถ้านัดคนไทย ให้ทำใจไปสักครึ่งชั่วโมง (เป็นอย่างน้อย) แต่ก็ยังมีพฤติกรรมบางอย่างเกี่ยวกับการนัดที่คนญี่ปุ่นแปลกใจอยู่ดี เช่น
-
“มาก่อน โทรตามก่อน”
สมมตินัด 9 โมงเช้า คนที่มาถึง 9 โมงเช้าตรงเวลาจะเริ่มการ “โทรจิก” เพื่อนคนอื่นๆ เช่น “ฮัลโหล..แกอยู่ไหนแล้ว รถติดเหรอ อืมๆ รีบๆ มาเลยนะ” อีเพื่อนก็จะตอบ “เออๆ รู้แล้ว เดี๋ยวจะรีบไป” ทำไมมันไม่รีบตั้งแต่ตอนแรก (วะ)
ที่ญี่ปุ่น ถ้าคาดว่าตัวเองไปสายแน่นอน เราจะ text หรือโทรไปบอกเพื่อนล่วงหน้า แล้วบอกด้วยว่าตอนนี้อยู่แถวไหน อีกกี่นาทีจะถึง แล้วลงท้ายด้วยคำขอโทษขอโพยต่างๆนานา ไม่จำเป็นต้องเป็นการนัดประชุมหรือธุรกิจอย่างเดียว นัดเพื่อน นัดเที่ยว เขาก็ทำแบบนี้ค่ะ
-
“แค่คำว่าขอโทษ…”
จะไม่มีหลุดจากปากคนมาสาย ถ้านัดไปกินข้าวกัน คนมาสายจะเดินชิวๆเข้ามา ใช้มือจับๆผมแต่งทรงเล็กน้อย นางถึงค่อยเอื้อนเอ่ยวาจาว่า “ตกลงจะไปกินอะไรกันดียะ” ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีสีหน้ารีบร้อน ถ้าเพื่อนในกลุ่มยังไม่ตกลงกัน นางก็จะพูดว่า “อะไรกัน มาถึงก่อนกันตั้งนาน ยังไม่คุยให้เรียบร้อยอีกเหรอ ฮ่าๆๆ ชั้นว่าไปกินอาหารอิตาลีชั้น 3 ดีมะ”
เฮ้…ท่าทางมันธรรมชาติมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่สามารถใช้คำว่า “เนียน” เพื่ออธิบายพฤติกรรมนี้ได้ เพราะเขาไม่ได้ “แกล้ง” ไม่ได้ “เฟค” แต่มันชิวจริงๆ ฝ่ายเพื่อนที่รอเหรอคะ ไม่มีการโมโหโกรธา เพราะการมาสายเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ต้องปลง ทำใจ
ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่น นัดกัน 9 โมง เพื่อนๆ มารวมตัวกัน บางคนมาก่อน 5 นาที บางคนมาก่อน 10 นาที…
พอ 9.10 น. แผ่นดินที่คุณและเพื่อนยืนอยู่จะเริ่มสั่นสะเทือนเล็กๆ เพราะอีเพื่อนที่มาสายมันจะวิ่งกระหืดกระหอบตึงตังเข้ามา พอมาถึง อีเพื่อนจะหอบแฮ่กๆ 2 ที ทำสีหน้าเหมือนปวดท้อง พูดไปหอบไปว่า “ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้รอนะ” หลังจากที่พวกเราเห็นความพยายามในการทำเวลาอย่างสุดชีวิต และท่าทางสำนึกผิดของมัน เราก็จะพร้อมใจกันบอกว่า “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกๆ” อีเพื่อนก็จะผงกหัวขอโทษเล็กๆ อีก 2-3 ครั้งพอเป็นพิธี พวกเราถึงค่อยเคลื่อนขบวน
-
“ทุกนาทีมีค่า”
พฤติกรรม 2 ประการที่ว่ามา ไม่ได้จะติฉินนินทาว่าเราเป็นชาติที่ไม่รักษาเวลา ผิดมารยาทสากลแต่อย่างใด จริงๆ แล้ว ชาติเราเป็นชาติที่รักษาเวลาอย่างยวดยิ่ง รักษากันเป็นนาทีเลย เราเชื่อว่า แต่ละนาทีที่ต่างกันอาจส่งผลยิ่งใหญ่มหาศาลต่อบั้นปลายชีวิตได้ ไม่ได้ประชดค่ะ เราทำกันจริงๆ หากการนัดนั้นเกี่ยวข้องกับ…“ฤกษ์”
ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาว ฤกษ์บวช ฤกษ์จดทะเบียนบริษัท กำหนดกันเป็นนาที เช่น 9 โมงเช้า 9 นาที บางแห่ง เคร่งกว่านั้น เล่นถึงหน่วยวินาทีก็มี
จะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ก็มี “ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่”
จะออกรถป้ายแดง ก็มี “ฤกษ์ออกรถ”
ยิ่งงานสำคัญๆ ต่อชีวิต เช่น งานแต่งงาน ไม่ว่าจะ 5 นาฬิกา 57 นาที หรือ 20 นาฬิกา 18 นาที ญาติผู้ใหญ่ก็พร้อมใจกันใส่ผ้าไหม ตีผมโป่งและมาปรากฏกายภายในช่วงเวลานั้นๆ ได้ ตั้งแต่เกิดมา ดิฉันไม่เคยเห็นประธานในพิธีมาสาย เพราะท่านประธานคงทราบดีว่า การมาสายของท่านอาจกระทบไปถึงเวลาเริ่มพิธีและกระเทือนถึงชีวิตแต่งงานของคู่บ่าว-สาวในอนาคตได้ หากแกมาผิดฤกษ์ผิดยาม
ถามว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีเหรอ ไอ้ฤกษ์ยามน่ะ เกตุวดีขอตอบว่า “มีค่ะ” แต่เขากำหนดเป็นแค่วัน ดูตามปฏิทินเอา หรือในสมุดไดอารี่ก็จะมีเขียนไว้ค่ะว่าวันไหนเป็นมงคล วันไหนไม่ค่อยดี ไม่ละเอียดถึงเวลา นาที วินาที หลักๆ เขาจะมีแค่ 6 วันเท่านั้นเอง คือ “วันชนะรวด (先勝)” “วันพลอยพาเพื่อน (ไปดี ไปไม่ดี) (友引)” “วันพ่ายแพ้ (先負)” “วันสูญหายตายจาก (เลวร้ายกว่าแพ้) (仏滅)” “วันดี (大安)” “วันไม่ค่อยดี (赤口)” อาจจะแปลตะกุกตะกักบ้างก็ขอโทษทีค่ะ
จะเปิดบริษัทใหม่ จะแต่งงานก็เลือก “วันดี” อย่างเดียว เวลาก็แล้วแต่ทางเจ้าภาพและแขกสะดวก ให้ไปตัดสินกันเอาเอง
<ท่าทีสำนึกผิด>
เพื่อนคนญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เคยบ่นว่า คนไทยไม่ค่อยขอโทษ … แต่ดิฉันว่าไม่ใช่ ระดับการขอโทษและการแสดงท่าทางของเรามันสู้ญี่ปุ่นไม่ได้ต่างหาก
เวลานัดประชุมลูกค้าแล้วลูกค้ามาสาย ถ้าเป็นคนไทย เขาจะบอกแค่ว่า “เอ๊ย พอดีรถติด โทษทีๆ เข้าเรื่องประชุมเลยละกัน” คนญี่ปุ่นจะแอบติในใจว่า ทำไมเขาไม่มีสีหน้ารู้สึกผิดเลย อย่างที่เล่าไปแล้ว คนญี่ปุ่น เวลาขอโทษ ต้องโค้งเยอะๆ หลายๆ ครั้ง เท่านั้นไม่พอ ต้องแสดงออกผ่านทางสีหน้า ม่านตา เรตินาด้วย ใครทำไม่เป็นให้นึกถึงตอนนั่งรถทัวร์ไปต่างจังหวัดแล้วปวดท้องกลางทางแต่แถวนั้นไม่มีปั๊มให้แวะ เวลาคุณขอโทษคนญี่ปุ่น คุณต้องเก๊กหน้าประมาณนั้น หน้าปวดนิ่วนิดๆ ทรมานหน่อยๆ แบบนั้นค่ะ กำลังดี คนญี่ปุ่นจะได้ไม่น้อยใจ
เวลาลูกน้องคนไทยทำอะไรผิด ก็จะยกคำอธิบายต่างๆ นานา เช่น “คอมพิวเตอร์เสียพอดีครับ” “ผมก็พยายามเต็มที่แล้วแต่ระบบมันไม่เดินครับ” “หนูก็จดตามที่หัวหน้าพูดแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นไม่ได้ยินคำสั่งนี้” พูดไป อธิบายไป แต่เขาและเธอไม่ค่อยพูดคำว่า “ขอโทษ”
ดิฉันเคยไปทานข้าวกับเพื่อนคนไทยและเจ้านายญี่ปุ่นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพาราก้อน ร้านนี้เป็นร้านบรรยากาศดี เก้าอี้นั่งสบาย ออกหรูนิดๆ เพราะมีผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา เราสั่งอาหารไทยหลากหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือทอดมันปลากราย พวกเราก็หั่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ขณะนั้น เพื่อนคนไทยดิฉันหั่นทอดมันปลา และพบเศษพลาสติกใสอยู่ในนั้น
เราเรียกพนักงานเสิร์ฟมาและเคลมทันที (ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าจะได้กินฟรี) อีตาพนักงานทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย หยิบชิ้นทอดมันปลาใส่จานแล้วหายไปในห้องครัว 15 นาทีถัดมา “เราได้ทอดมันปลากรายใหม่จำนวน…..1 ชิ้น” ขอย้ำ “1 ชิ้น” พนักงานยกมาให้เงียบๆ โดยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ทำนองว่ามันคงไม่ใช่ความผิดของผม ของร้านเรา พลาสติกมันบังเอิ๊ญบังเอิญไปอยู่ในนั้น ก็เท่านั้นเอง เอาอะไรมากมายครับ เจ้านายดิฉันก็ทำหน้างงๆ ว่า มันจะไม่พูดอะไรหน่อยเชียวหรือ เราเลยแก้ต่างให้ว่า สงสัยแกรู้สึกเศร้าเสียใจและช็อคมากจนพูดอะไรไม่ออกน่ะค่ะ โฮะๆ
ตัดภาพมาที่ญี่ปุ่น ครั้งหนึ่ง ดิฉันกับคุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นไปทานขนมเค้กที่ร้านกาแฟเล็กๆ ในเมืองแห่งหนึ่ง สาวเสิร์ฟยกขนมเค้ก ยกชามาเสิร์ฟ พอดีหลอดมันตกพื้น สาวเสิร์ฟเลยก้มลงไปเก็บทั้งๆ ที่มือยังถือถาดน้ำชาอยู่อย่างนั้น เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แก้วชาเย็นทรงสูงหล่นลงมาแตกเพล้ง น้ำชากระเด็นโดนพวกเรานิดหน่อย แต่ไม่เปียกอะไรมาก ผู้จัดการรีบออกมาขอโทษขอโพยพร้อมยื่นนามบัตรตัวเองให้ (เพื่ออะไร…ยังไม่เข้าใจจนบัดนี้) สาวเสิร์ฟคนนั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วก็รีบเอาไม้ถูพื้นมาเช็ดๆ ทางร้านรีบทำเครื่องดื่มให้เราใหม่ แต่คนที่ยกมาเสิร์ฟกลับไม่ใช่สาวคนเดิม เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน เพราะเราไม่เห็นหล่อนออกมาเสิร์ฟอะไรอีกเลย
พอทานขนมเค้กอิ่มหนำสำราญ เราก็เรียกเก็บเงิน ผู้จัดการร้านบอกว่า “ครั้งนี้ไม่เป็นไรขอรับ (ไม่เป็นไร..ในที่นี้แปลว่า ไม่เก็บตังค์)” โค้งอีก 1 ที ทำหน้าปวดร้าวนิดๆ แล้วบอกว่า “ ทางร้านอาจทำให้ท่านขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง (เปล่า เปล่าเลยค่ะ…) กระผมต้องขอประทานโทษมา ณ ที่นี้ด้วยขอรับ” แล้วก็โค้งงามๆ อีก 1 ที
รู้อย่างนี้ สั่งเยอะกว่านี้ก็ดีสิคะ (^-^)
ภาพประกอบโดย : Choco
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> Japan Gossip by เกตุวดี Marumura