ชาวญี่ปุ่นเป็นนักประดิษฐ์ ชอบดัดแปลงโน่นดัดแปลงนี่ที่ฝังอยู่ในสายเลือด มันคงมาจากจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นที่ต้องการจะปรับปรุงของที่มีอยู่ให้เจ๋งขึ้น หุ่นยนต์ตัวนึงที่เกิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณนักประดิษฐ์นั้นคือตุ๊กตาเสิร์ฟน้ำชา ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1880
เล่าโดย : วสุ www.marumura.com

ไฮเทคเจแปน
ญี่ปุ่น…แดนซิวิไลซ์สุดไฮเทค
มีรถไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์และเครื่องยนต์
มีรถไฟชินคันเซนความเร็วสูงที่เชื่อมต่อหัวเมืองใหญ่ในไม่กี่ชั่วโมง
มีโถส้วมฉีดน้ำใส่ก้นให้เรารู้สึกสบาย…..
เบื้องหลังสินค้าไฮเทคเหล่านี้ คือจิตวิญญาณของเหล่าเอนจิเนียเลือดบุชิโด โดยธรรมชาติแล้ว…คนเป็นเอนจิเนียอยากจะสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ออกมาใหม่ๆ เมื่อสิ่งประดิษฐ์นั้นกลายเป็นสินค้ายอดฮิต เอนจิเนียก็ดีใจ บริษัทก็ได้กำไร จนต้องมีการอัพเกรดสินค้าตัวเดิมเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ ออกมาขายทุกปีทุกปี
แต่หากเอาแต่อัพเกรดสินค้าไปเรื่อยๆ บริษัทมีแนวโน้มที่จะ “Play safe” ไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้โอกาสที่เอนจิเนียจะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ก็มีน้อยลง ความตื่นเต้นเร้าใจของการเป็นเอนจิเนียก็ลดลง
ที่บริษัท รถยนต์ Honda ก็มีเหล่าทีมเอนจิเนียที่รู้สึกแบบนั้น Honda จึงมีความคิดริเริ่มที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรม “ใหม่” สิ่งประดิษฐ์นั้นจะทำให้เอนจิเนียรู้สึกตื่นเต้นและจะทำให้ผู้คนต้องร้องว้า วพอได้เห็นมันครั้งแรก

“หุ่นยนต์เดินสองขา” คือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่จะจุดไฟในเหล่าเอนจิเนีย กลับขึ้นมาลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่ง
แรงบันดาลใจ
ชาวญี่ปุ่นเป็นนักประดิษฐ์ นิสัยเป็นคนชอบดัดแปลงโน่นดัดแปลงนี่ ฝังอยู่ในสายเลือดกันมานานแล้ว มันคงมาจากจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นที่ต้องการจะ “ปรับปรุง” ของที่มีอยู่ให้เจ๋งขึ้น
หุ่นยนต์ตัวนึงของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณนักประดิษฐ์นั้นคือ “ตุ๊กตาเสิร์ฟน้ำชา” ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1880

ตุ๊กตาตัวนี้ใช้พลังงานจากการไขลาน เมื่อเราเอาถ้วยชาวางบนถาด ตุ๊กตาก็จะเริ่ม “เดิน” (ข้างล่างเป็นล้อวิ่ง) เมื่ออีกฝ่ายยกถ้วยชาออก ตุ๊กตาก็จะหยุดเดิน
พอเอาถ้วยชาวางลงบนถาดอีกครั้ง ตุ๊กตาก็จะ “หันหลัง” และเดินกลับมาหาเรา
แม้ว่าหุ่นจะเคลื่อนไหวด้วยล้อ แต่ถ้าดูรูปลักษณ์ภายนอกแล้วนี้เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ใกล้เคียงหุ่นยนต์เดิน 2 ขานะครับ
เวลาผ่านล่วงเลยมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้สงคราม ขวัญกำลังใจของคนญี่ปุ่นถดถอย เพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมา นักเขียนการ์ตูน เทซึกะ โอซามุการ์ตูนได้วาดการ์ตูนเรื่องนึงเกี่ยวกับหุ่นยนต์ 2 ขาผู้พิทักษ์สันติสุขในสังคม การ์ตูนเรื่องนั้นคือ “เจ้าหนูอะตอม”

การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยม และทำให้เด็กญี่ปุ่นสมัยนั้นใฝ่ฝันถึงหุ่นยนต์ 2 ขา และทำให้คนญี่ปุ่นมีขวัญกำลังใจเพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะสู้ชีวิตหลังสงคราม กันต่อไป
มาถึงยุค 70 หุ่นยนต์แมวจากศตวรรษที่ 22 ได้เดินทางมาหาเด็กชายโนบิตะ ถึงขึ้นชื่อว่าเป็น หุ่นยนต์ “แมว” แต่หุ่นตัวนี้ก็เดิน 2 ขา มีของวิเศษในกระเป๋าหน้าท้องด้วยนะ
ที่สำคัญสุด หุ่นยนต์ “แมว” ตัวนี้มีความสามารถในการสื่อสารกับมนุษย์และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อีกด้วย
“โดราเอมอน” เป็นการ์ตูนยอดนิยมที่ส่งอิทธิพลให้เด็กหลายๆ คนในยุคนั้นมาจนถึงเด็กในวันนี้ด้วย

ด้วยเหตุเหล่านี้ “หุ่นยนต์ที่เดิน 2 ขา อยู่ร่วมในสังคมมนุษย์ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เอนจิเนียชาวญี่ปุ่นอยากจะทำให้มันเป็นจริงสักวัน
ก้าวออกจาก Comfort zone
“ไฉนจะต้องเอาเงิน ไปสร้างของเล่นแบบนั้นด้วย” นี่เป็นสิ่งที่ผู้บริหารใน Honda บางคนรู้สึกเมื่อได้ยินไอเดียที่จะเอาเงินทุนวิจัยมาสร้างหุ่นยนต์กัน พวกเขาคิดว่าหุ่นยนต์เหล่านี้จะเป็นแค่เพียงของเล่นราคาแพงไว้ให้เอนจิเนีย แก้เบื่อเท่านั้น
แต่ใน Honda ก็มีคนคิดว่าตลาดรถยนต์อาจถึงจุดอิ่มตัวสักวัน Honda ต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ และจะทำอย่างนั้นได้ตัวเองต้องออกมาจาก Comfort Zone
การพัฒนา “หุ่นยนต์เดิน 2 ขา” หรือหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์ (Humanoid) หรือเรียกอีกอย่างว่า เป็นการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของมนุษย์ จะช่วย Honda ในการเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อเชื่อมต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ อันจำเป็นในอนาคตของมนุษย์
“การเรียนรู้ในตัวมนุษย์จะเป็นบ่อกำเนิดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” นี่คือหลักปรัชญาที่คนก่อตั้ง Honda กล่าวไว้
ด้วยเหตุนี้การพัฒนาหุ่นยนต์เดินด้วย 2 ขาได้เริ่มต้นในปี 1986
ความยุ่งยาก
Honda ได้พัฒนาหุ่นยนต์นี้มาจนถึงปี 1996 เป็นเวลา 10 ปี
Honda เก็บหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นความลับไม่ให้คนภายนอกรู้
พวกเขาพัฒนาหุ่นยนต์ให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวมนุษย์ให้มากที่สุด พวกเขาเฝ้ารอวันเปิดตัวผลงานว่าเขาพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปไกลขนาดไหน หากผู้คนได้รับรู้ในวันนั้น มันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน เหล่าเอนจิเนียอยากให้ผู้คนยอมรับในผลงานของพวกเขา
แต่ทว่าพวกเขา ต้องประหลาดใจเมื่อมาพบว่าในโลกตะวันตกไม่มีการพัฒนาหุ่นยนต์ที่เดินด้วย 2 ขาเลยสักนิด มีแต่การพัฒนาหุ่นยนต์ 4 ขาหรือ 6 ขา
ทำไมหล่ะ?
Honda รู้สึกหนักใจพอพบว่าการสร้างหุ่นยนต์ที่เดินได้ 2 ขา อาจจะไปกระทบกระทั่งกับความศรัทธาของคริสตศาสนิกชน เพราะศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่า “พระเจ้าเป็นผู้บันดาลทุกสิ่งมีชีวิตใต้ฟ้านี้รวมทั้งมนุษย์”

หุ่นยนต์เดิน 2 ขาของ Honda นั้นดูใกล้เคียงมนุษย์ผู้มี
“มันสมอง”
“สองขาที่ก้าวเดินและการทรงตัว”
“สองมือที่สามารถจับและใช้อุปกรณ์ได้”
หาก Honda เปิดตัวหุ่นยนต์เดิน 2 ขาแล้วหล่ะก็อาจจะโดนต่อต้านว่า
“Honda และญี่ปุ่นพยายามยกตนเทียบเท่าพระเจ้าหรือเปล่า”
หุ่นยนต์เพื่อสังคม
ก่อนการเปิดตัวหุ่นยนต์เดิน 2 ขาต่อสาธารณชน คนของ Honda ได้บินไปยังกรุงวาติกัน เพื่อขอการรับรองในการ “สร้างหุ่นยนต์” สุดท้ายแล้วกรุงวาติกันก็มีความเห็นมาว่า
“การที่หุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นมา ก็คงเป็นลิขิตของพระเจ้า”
หุ่นยนต์เดิน 2 ขาของ Honda ได้ถูกเปิดตัวต่อสาธารณชนสร้างความฮือฮาให้กับโลกใบนี้
หุ่นตัวนั้นมีชื่อว่า Asimo

– ปัจจุบันและอนาคตของหุ่นยนต์เดิน 2 ขา
– แม้นว่าจะได้รับการรับรองจากกรุงวาติกันแล้ว ในความคิดของคนฝั่งตะวันตกก็ยังมีความรู้สึกแปลกๆ บ้างต่อการพัฒนาหุ่นยนต์เดิน 2 ขา
– มีความคาดหวังที่หุ่นยนต์เดิน 2 ขาจะสามารถดูแลปรนนิบัติผู้สูงอายุหรือทำงานกู้ภัยในสถานที่อันตรายอย่างใน เขตกัมมันตภาพรังสีสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หุ่นยนต์เดิน 2 ขายังห่างไกลอยู่มากกกว่าจะมาใช้งานจริงได้ การพัฒนาหุ่นยนต์เดิน 2 ขาอย่าง Asimo ก็ยังคงดำเนินต่อไป

จากผู้เขียน
หากมนุษย์ผูกพันกับหุ่นยนต์หล่ะ? จะเป็นอย่างไง
ผมขอเล่าตัวอย่างหนึ่ง
คุณรู้จัก Aibo ไหมครับ เป็นหุ่นยนต์สุนัขที่ผลิตโดย Sony หุ่นยนต์ Aibo นี่สามารถเล่นลูกบอล และอ้อนเจ้าของได้เหมือนสุนัขจริงๆ มีใครหลายคนซื้อ Aibo ไป “เลี้ยง” ดู
แต่ต่อมา Sony ได้ยกเลิกบริการหลังการขายและการซ่อมแซม Aibo ซึ่งหมายความว่าหาก Aibo เสียไม่ขยับอีกแล้ว ก็เหมือนจะตายไปตลอดกาล
เหล่าผู้เลี้ยง Aibo เขาก็เศร้าครับ จนท้ายสุดแล้ว เหล่าเอนจิเนียผู้เคยพัฒนา Aibo ก็ออกมาเปิดบริษัทบริการรับซ่อม Aibo ที่เสียแล้วให้พวกมันกลับมาขยับอีกครั้งครับ เหล่าเจ้าของ Aibo ต่างก็ดีใจปลาบปลื้มว่า “ลูกๆ ของตนกลับมาขยับได้เหมือนเดิมแล้ว”

หากมองใกล้ตัวเรากว่านี้ มนุษย์เราก็รู้สึกผูกพันกับสัตว์เลี้ยง อย่างสุนัขหรือแมวใช่ไหมครับ สุนัขและแมวไม่ใช่มนุษย์ แต่เราผูกพันกับมันเพราะมัน “สื่อสาร” กับเราได้
หากหุ่นยนต์สามารถสื่อสารกับเราได้ขนาดนั้น เราคงผูกพันกับมัน แล้วหากมนุษย์ผูกพันกับหุ่นยนต์หล่ะ มันจะเป็นอะไรไหม
มีคนบอกว่าหากสิ่งนั้นมันทำให้คนๆ นั้นสบายใจ และไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก็น่าจะดีใจแทนนะครับ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan