การเปลี่ยนเทรนด์จากเดิมที่บริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยส่วนใหญ่เป็นภาคการผลิตมาเป็นภาคบริการเนื่องจากภาคการผลิตมีการชะลอตัวลง
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน 2 วันก่อนดิฉันอ่านข่าวที่น่าสนใจมากและคิดว่าเป็นข่าวที่น่าดีใจสำหรับคนรักญี่ปุ่นทุกท่าน
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือเจโทรเปิดเผยผลสำรวจ จากการสำรวจบริษัทที่จดทะเบียนธุรกิจตามฐานข้อมูลของกระทรวงพานิชย์ ผลสำรวจพบว่าบริษัทญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในไทยมีมากถึง 4,567 บริษัท เพิ่มมากขึ้นถึง 683 บริษัทเมื่อเทียบกับ 6 ปีก่อน (2552) บริษัทที่มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจะเป็นเอสเอ็มอีที่ทำด้านบริการค่ะ ซึ่งก็เป็นการตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนบริษัทใหญ่ๆ ที่มีฐานที่มั่นคงอยู่ในไทยแล้ว ถ้ามาดูตัวเลขกันแล้วใน 4,567 บริษัทนี้ 47 เปอร์เซ็นต์เป็นภาคการผลิต และอีก 49.5 เปอร์เซ็นต์เป็นภาคบริการ

ที่เห็นชัดๆ คือบริษัทเอสเอ็มอีมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นจาก 234 บริษัทในปี (2548) เป็น 362 บริษัท บริษัทด้านบริการที่เปิดเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ บริษัทที่ปรึกษาและสำนักงานกฏหมายซึ่งให้บริการกับบริษัทผู้ผลิตในด้านต่างๆ เช่น ขั้นตอนด้านกฏหมาย เช่น ด้านธนาคาร สินเชื่อ ประกันภัย เป็นต้น เจโทรยังกล่าวว่า การลงทุนในภาคบริการ การบริการวิชาชีพ และเพื่อให้การส่งเสริมบริษัทอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่เดิม บริษัทภาคบริการที่ฮอตฮิตก็ได้แก่ บริษัทบริการด้านการเงิน โลจิสติกส์ และไฮเทคโนโลยี นอกจากนี้ธุรกิจเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสารยังขยายตัวหลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีนโยบายสนับสนุนให้ต่างชาติลงทุนในด้านดังกล่าว ผลสำรวจยังพบการเพิ่มขึ้นของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และร้านอาหารเป็นผลมาจากความชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่นของคนไทย
จากผลสำรวจนี้ ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนเทรนด์จากเดิมที่บริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทยส่วนใหญ่เป็นภาคการผลิตมาเป็นภาคบริการเนื่องจากภาคการผลิตมีการชะลอตัวลง โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ แต่ถ้าดูจากตัวเลขแล้ว บริษัทในภาคการผลิตยังคงขยายตัวอยู่ เพราะมีบริษัทด้านการผลิตจดทะเบียนเพิ่มจาก 283 บริษัท ในปี 2548 เป็น 334 บริษัทในปัจจุบัน จะว่าไปแล้วการผลิตรถยนต์ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยมีมากถึง 4.2 ล้านคันต่อปี จึงมีบริษัทมากมายที่ตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตชิ้นงานป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์ต่างๆ
บริษัทญี่ปุ่นย้ายฐานมาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเนื่องมาจาก ค่าเงินเยนที่สูงขึ้นในญี่ปุ่นช่วงปี 2555 และญี่ปุ่นมองว่าการลงทุนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผลดีในระยะยาว เพราะเรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสิ้นปีนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม รวมถึงมีนโยบายการสนับสนุนการลงทุน และสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เอื้ออำนวย ญี่ปุ่นยังมองว่าการมาลงทุนในไทยจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการบุกตลาดใหม่ๆ เช่น ตลาดในประเทศลุ่มน้ำโขงด้วย ได้แก่ ประเทศ ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา
สำหรับแฟนๆ marumura ที่สนใจทำงานบริษัทญี่ปุ่นก็คงจะมีตัวเลือกมากขึ้นเพราะมีบริษัทหลากหลายธุรกิจมาลงทุนในไทยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก :http://www.nationmultimedia.com
#บริษัทภาคบริการญี่ปุ่นขยายตัวในไทย