การมาเยือนของคนชาติอื่นๆที่แซงคิวก็เริ่มสร้างความเดือดร้อนให้คนญี่ปุ่นพอสมควร อย่างเช่นใน USJ ในทางกลับกันคนญี่ปุ่นที่ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องร้องตกใจเมื่อเห็นว่า การต่อคิวที่เขาทำกันมาแต่เด็กนั้นไม่ใช่เรื่องปกติในบางประเทศ
เรื่องเล่าโดย วสุ มารุมุระ
เวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่น ภาพคนญี่ปุ่นต่อคิวเข้าแถวทำให้คนต่างชาติอย่างเรารู้สึกชื่นชมอยู่เสมอ
หากเราลองถามคนญี่ปุ่นว่าทำไมต่อคิวกัน คงได้คำตอบประมาณว่า
“เราปลูกฝังกันแต่เด็ก”
“ก็เขาต่อคิวกัน”
“เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย”
“ไม่อยากรบกวนผู้อื่น (หากไปแซงเขา)”
“ฮะ! พวกเอ็งไม่ต่อคิวกันรึ”
คนญี่ปุ่นจะยืนต่อคิวรอซื้อของตามร้านต่างๆ สถานที่ที่มักพบเจอแถวคิวคือ
– ร้านขนม
– ร้านราเมง
– ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตอนเวลามีสินค้าใหม่วางขาย
– ห้างสรรพสินค้าตอนช่วงเซลลดราคา
การต่อคิวของพวกเขาเป็นการสร้าง “อุปทานหมู่” ว่า ร้านขนมนั้นต้องอร่อย ร้านราเมงนั้นต้องอร่อย สินค้านั้นมีอะไรดี คนอื่นเห็นว่ามีคิวก็อยากรู้อยากเห็นเข้าไปต่อคิวกันเพิ่ม
ผมเคยไปต่อคิวซื้อสินค้าออกใหม่ (เครื่องเกม Wii) ที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งตั้งแต่เวลาตี 5 ในช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิราวๆ 0 องศาเซลเซียส ความทรงจำบางส่วนจากการต่อคิวครั้งนั้นคือ
– แม้จะตี 5 และเวลาเริ่มขายจริงๆ 9 โมง คนเขาก็มารอกันก่อน ใครเร็วใครได้ ดีที่เราออกมาแต่ตี 5 ยังทัน
– ไปถึงร้าน พนักงานมีป้ายชี้บอกว่าท้ายแถวอยู่ตรงไหน
– แจกบัตรคิวควบคุมจำนวนคน
– หากบัตรคิวหมด (ของมีจำนวนจำกัด) คนญี่ปุ่นคนอื่นที่ไม่ได้คิวก็ทำหน้ายิ้มเสียดายเล็กน้อย แล้วกลับบ้านไปอย่างสงบ
ประเทศไทยเราก็เคยมีช่วงนึงคนไปฮิตต่อคิว โรตีบอยหรือคริสปี้ครีม ไปๆมาๆ คิวก็หายไปหมดแล้ว ที่ญี่ปุ่นก็มีอะไรคล้ายๆ กันแบบนี้นะครับ ร้านขนมร้านไหนได้ออกทีวีหละก็ วันรุ่งขึ้นคนญี่ปุ่นแห่กันมาต่อคิวกันทันทีเลย แต่พอผ่านไปสักพักแถวที่ต่อก็หายไปจากร้านนั้น
จึงเห็นได้ว่าการต่อคิวเป็นการทั้งรักษาระเบียบในคนหมู่มากและเป็นเสมือนเครื่องมือทางมาร์เกตติ้งอย่างนึง
การที่ผมไปอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนานๆ มันทำให้ผมเห็นว่าการต่อคิวเป็นเรื่องปกติ เวลาเข้าคิวในเซเว่นที่ญี่ปุ่น แม้นจะมีเคาน์เตอร์หลายช่อง แต่จะมีคิวหลักที่ทุกคนจะต่อกันแค่คิวเดียว และเมื่อช่องเคาน์เตอร์ไหนว่าง พนักงานก็จะเรียกคิวให้รายต่อไปเข้าไปจ่ายเงิน ไม่มีปัญหาแบบประเทศไทยว่า “เคาน์เตอร์ที่เราต่ออยู่มัวแต่กดเติมเงิน ไอ้เคาน์เตอร์อื่นๆเขาจ่ายตังกันไปหมดแล้ว” ซึ่งปัญหานี้ทำให้ผมตัวสั่นสะเทิ้มๆด้วยความโกรธบ่อยๆตอนอยู่เมืองไทย
แม้นว่าคนญี่ปุ่นจะต่อคิวกัน แต่การมาเยือนของคนชาติอื่นๆที่แซงคิวก็เริ่มสร้างความเดือดร้อนให้คนญี่ปุ่นพอสมควร อย่างเช่นใน USJ ในทางกลับกันคนญี่ปุ่นที่ไปเที่ยวต่างประเทศก็ต้องร้องตกใจเมื่อเห็นว่า การต่อคิวที่เขาทำกันมาแต่เด็กนั้นไม่ใช่เรื่องปกติในบางประเทศ
และการต่อแถวเข้าคิวมีมาแต่เมื่อไร?
จากการตรวจสอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นพบว่า “การต่อแถว” เป็นหนึ่งในมารยาทในที่สาธารณะที่ก่อตัวมาตั้งแต่สมัยปี 1900 (ปีเมจิที่ 33) ช่วงนั้นเริ่มมีการถกเถียงว่า “มารยาทในที่สาธารณะ” ควรเป็นอย่างไรในญี่ปุ่น มีกลุ่มหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสารทางวิชาการ วงกาารการศึกษา เข้าร่วมถกเถียงกับเขาด้วย พอเริ่มมีข้อสรุปแล้วจึงมีการตีพิมพ์เรื่อง “มารยาทในที่สาธารณะ” ลงในหนังสือพิมพ์และมีการแสดงปาถกฐาให้คนทั่วไปได้รับรู้ การถกเถียงในเรื่องนี้มีเรื่อยมาจนถึงช่วงยุคปี 1930 ผลผลึกจากการถกเถียงครั้งนั้นก็คือ “ข้อควรปฏิบัติในสังคม” ซึ่ง “การต่อแถว” ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หากมองในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นว่าใช้เวลาเป็น 100 ปีกว่าจะมาเป็นญี่ปุ่นที่ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบได้ ซึ่งคงต้องอาศัยภาครัฐและเอกชนผลักดันสร้างสังคมแบบนี้ขึ้นมาได้
มองมายุคปัจจุบัน อย่างน้อยคนญี่ปุ่นที่เกิดในยุคนี้คงเกิดมากับภาพคนญี่ปุ่นต่อคิวมาแต่จำความได้
ย้อนกลับมามองเราว่าจะสร้างสังคมไทยอย่างไรดี
เรื่องเล่าโดย วสุ มารุมุระ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan