“กระท่อมบนเนินเขา” นิทานสอนผู้ปกครอง จากญี่ปุ่น
บนยอดเนินมีกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
มีเพียงหญิงวัยห้าสิบชื่อมาริโกะ ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นลำพัง โดยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้เธอ
เพราะเธอชอบพูดจาประชดประชัน
มาริโกะที่เพิ่งตื่นนอน ก้าวออกมาสูดอากาศยามเช้า พร้อมจ้องมองเมืองที่อยู่เบื้องล่างอย่างเพ่งพินิจ
“วันนี้ในเมืองก็ยังวุ่นวายเหมือนเดิมสินะ” มาริโกะพึมพำเบาๆ
ความคึกคักจากตลาดยามเช้าในเมือง ทั้งเสียงผู้คนคุยกัน เสียงรถม้า และควันจางๆ จากเตาอบขนมปัง ทำให้เธอหรี่ตามอง พลางเบ้ปาก
“พวกคนที่ดูมีความสุขแบบนั้น คงจะยุ่งและลำบากมากสินะ”
เรื่องที่เธอกลายเป็นคนชอบพูดประชดแบบนี้ มันเกิดขึ้นนานมาแล้ว
ตอนเด็ก มาริโกะอาศัยอยู่กับพ่อที่เข้มงวด แม่ที่อ่อนโยน และน้องสาวที่เป็นที่รักของทุกคน
พ่อเข้มงวดกับมาริโกะซึ่งเป็นลูกสาวคนโต และใช้คำพูดรุนแรงกับเธอเสมอ
ในขณะที่กับน้องสาว พ่อจะพูดจาดีและชมเชยเสมอ ซึ่งมาริโกะไม่เคยได้รับมัน
มาริโกะต้องทนเห็นน้องสาวยิ้มรับสิ่งต่างๆ ด้วยความอิจฉาที่สุมในอกจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร
วันหนึ่ง เมื่อเธอเห็นน้องสาวอวดโบว์ใหม่ที่พ่อซื้อให้
มาริโกะก็หลุดปากพูดว่า “โบว์นั่นไม่เหมาะกับผมเน่าๆ ของเธอหรอกนะ”
นั่นเป็นคำประชดครั้งแรกของมาริโกะ เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจใคร แต่มันเป็นการระบายความคับแค้นใจที่สะสมมานาน
น้องสาวทำหน้าเศร้า
และพ่อก็ดุเธอว่า “เป็นเด็กปากร้ายอะไรอย่างนี้!”
ตั้งแต่นั้นมา มาริโกะก็เริ่มมีนิสัยป้องกันตัวเองด้วยการพูดประชดก่อนที่จะถูกทำร้ายด้วยคำพูด
เมื่อโตขึ้น มาริโกะก็เริ่มพูดจาว่าแดกดันเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน
“ทรงผมแปลกดีนะ”
“เธอเข้าใจผิดแล้วละ”
“ความคิดแบบนี้ เหมือนเด็กเลยเนอะ”
เธอใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ด้วยถ้อยคำเชิงลบเหล่านี้
แน่นอนว่ามันทำให้ระยะห่างระหว่างเธอกับคนอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คนในเมืองค่อยๆ เริ่มหลีกเลี่ยงมาริโกะ
และเธอก็กลายเป็น “มนุษย์ป้าจอมเพี้ยน” ในสายตาทุกคนในที่สุด
และแล้วก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
เธอพูดจาเสียดสีใส่หัวหน้างาน
ทำให้ความสัมพันธ์ในที่ทำงานแย่ลง
แย่ลง…จนในที่สุดเธอต้องลาออก
คราวนี้สายตาของชาวเมืองยิ่งเย็นชาลงเรื่อยๆ ไม่ว่าไปที่ไหนเธอก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทา
จนในที่สุด มาริโกะตัดสินใจเช่ากระท่อมหลังเล็กบนเนินนี้และอาศัยอยู่คนเดียว
นกที่ได้กลิ่นสตูว์บินมาวนเวียนเหนือปล่องไฟที่บ้านเธอ
มาริโกะจึงโบกมือไล่ “ไปที่อื่นไป! ฉันไม่ต้องการขี้นกของพวกเธอนะ!”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเธอดูเหงาๆ
ยามเย็น เธอมองเห็นแสงไฟในเมืองถูกจุดขึ้นรับราตรีที่กำลังมาเยือน มันระยิบระยับสวยงาม ดูมีชีวิตชีวาและน่าหลงใหล
“เราเลือกมาอยู่ที่เหงาๆ แบบนี้ได้ยังไงกันนะ” เธอรำพึงอย่างระอา แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปในเมือง
บางครั้งมีจดหมายจากน้องสาวมาถึง แต่เธอก็ไม่เคยเปิดอ่าน
“ป่านนี้แล้ว จะมาเป็นห่วงฉันด้วยคำพูดแบบไหนกัน”
เธอแค่นหัวเราะก่อนโยนจดหมายเข้าลิ้นชัก
เธอทำแบบนี้เป็นประจำ
แม้จริงๆ แล้วจะรู้สึกสนใจอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่อยากยอมรับความรู้สึกนั้น
เมื่อความหนาวเย็นของราตรีเพิ่มขึ้น
มาริโกะใส่ฟืนในเตาผิง พลางนึกถึงผู้คนในเมืองเบื้องล่าง
บางคนอาจกำลังฉลองวันเกิด
คู่รักอาจกำลังหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข
เมื่อคิดเช่นนั้น หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบ
“ฮึ พวกเขาคงแค่แสร้งทำเป็นใจดีต่อกันละมั้ง” เธอปลอบใจตัวเอง
“ทุกคนช่างหวานเลี่ยนจริงๆ”
แต่ถึงจะพูดออกมา ความรู้สึกเหงาที่ลึกในใจก็ไม่ได้จางหายไป
“ฮึ”
แม้จะไม่มีใครอยู่ด้วย แต่เธอก็ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองคิดถึงการมีคนอยู่ด้วย
เช้าวันต่อมา มาริโกะออกมาจากกระท่อมเป็นครั้งคราวเพื่อมองดูเมืองที่ครึกครื้นเช่นทุกวัน
ได้ยินเสียงเด็กๆ หยอกล้อกันลอยมาตามลม
เธอมองภาพเหล่านั้นแล้วบ่นเบาๆ “ก็แค่เล่นกันไปวันๆ นั่นแหละ”
และวันนี้ มาริโกะก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่บนเนิน มองลงไปยังเมืองและพูดประชดไปเรื่อยๆ
คำพูดที่คอยผลักไสทุกสิ่งให้ห่างออกไปเหล่านั้นไม่มีใครได้ยิน
มีเพียงเสียงสะท้อนในกระท่อมmujว่างเปล่าของเธอเท่านั้น
น่าเศร้าที่การปากร้ายประชดประชันเกิดจากการปกป้องจิตใจของตัวเองในวัยเด็ก
ทำให้เธอกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มักทำร้ายคนอื่นจนไม่อยากมีใครเข้าใกล้
แค่เพราะพ่อของเธอปฏิบัติกับเธออย่างไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม
ซึ่งมันทำลายความสุขของเธอไปทั้งชีวิต
เรื่องแนะนำ :
– อ้อมโลกไม่ไหว!! 8 การด่าแบบสุภาพของคนเกียวโต 555
– “ตัวฉันที่ชอบดึงผมตัวเอง” เรื่องสั้นให้กำลังใจต่อสู้กับความเครียดจากญี่ปุ่น
– บันเทิงเกิน! 6 เรื่องตลกในชีวิตประจำวันจากคู่สามีภรรยาชาวญี่ปุ่น 555
– จะข้ามแม่น้ำสู่โลกหน้าจริงหรอ? : เรื่องสั้นให้กำลังใจ จากญี่ปุ่น 74638
– 9 ความในใจจากผู้บริโภคสุดเกินคาดจากญี่ปุ่น ที่ถ้าทำให้ได้จะแฮปปี้สุด (ทำไม่ยากด้วย!)
ขอบคุณเรื่องราวจาก https://note.com/storia_qualcuno8/n/n5096bd68ba4a
#“กระท่อมบนเนินเขา” นิทานสอนผู้ปกครอง จากญี่ปุ่น