โอซาก้าเมืองเก่าที่ข้าพเจ้าคิดถึง by Lordofwar Nick
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับมรดกโลก “ปราสาทฮิเมจิ” เดือนมิถุนายน 2006 รูปเยอะจน บก. ต้องร้องไห้หนักมาก (2) จบจริงๆ แล้วจ้า
สวัสดีครับท่านผู้อ่านหลังจากที่ผมพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วที่จะเขียนให้จบในตอนเดียวแต่มันก็ไม่ไหวจริงๆ เพราะว่ารูปถ่ายเอาไว้เยอะมากๆ บก.อย่าเพิ่งด่าผมนะครับ ทุกรูปนี่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์อันหาได้ยากจริงๆ มองดูสถานการณ์โลกในตอนนี้แล้ว นี่อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผมก็ได้ที่ได้มาเยือนโบราณสถานแห่งนี้
หลังจากที่คราวที่แล้วเดินเข้ามาเลาะห้องในกำแพงด้านทิศตะวันตกแล้ว คราวนี้เราจะมาเข้าตัวปราการใหญ่แล้วนะครับ
เปิดมาด้วยรูป เอ่อ นี่มันอะไรกันครับ เอ๊ะหรือว่าจะเป็นบ่อน้ำ จะว่าไปปราสาทฮิเมจิเขามีตำนาน “ผีนับจาน” ที่ว่าสาวใช้ทำจานของนายตกแตก เลยโดนจับโยนบ่อน้ำ จากนั้นจึงมีเสียงผีสาวใช้นับจาน นี่หว่า หรือว่า หรือว่า ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ผมล้อเล่นครับ นี่มันใช่บ่อน้ำเสียที่ไหนล่ะ พูดแบบนี้ไปเดี๋ยวผู้รู้มาด่าผมตาย สิ่งนี้เรียกว่า “คลังลูกศร” (ยางุระ 櫓 ครับ บ้างก็แผลงเขียนเป็น 矢倉) ครับ พูดง่ายๆ คือมันเป็นบังเกอร์แบบโบราณที่มีไว้เก็บลูกศรด้วย ใช้ซุ่มเอาธนูดักยิงศัตรู (ที่บุกเข้ามาปราสาท) ได้ด้วย
ยิ่งเดินไปก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยาวใหญ่เหลือเกิน
ประตูอะไรหว่าจำไม่ได้
ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
นั่นทางเข้าปราการหลักจริงๆ เหรอ
เข้ามาแล้วจะมีส่วนที่ดูมืดๆ ถ่ายออกมาก็เลยเบลอแบบนี้ล่ะครับ
ชั้นล่างสุดของข้างในปราสาทเขาจะจัดตู้กระจกเอาไว้แสดงวัตถุโบราณครับซึ่งดูแล้วก็น่าตื่นใจ จริงๆ ที่ปราสาทโอซาก้าก็มีแสดงพวกวัตถุโบราณจำพวกอานม้า ชุดเกราะ ดาบสวยๆ เยอะครับแต่ที่ปราสาทโอซาก้าถ่ายรูปไม่ได้ แต่ที่นี่ถ่ายรูปได้ครับ
ทางขึ้นทางลงค่อนข้างแคบ เขาเลยต้องทำราวจับเสริมเอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยว
คาดคะเนดูจากสัดส่วนจำพวกที่เหยียบบันไดต่างๆ แล้ว รู้สึกเลยว่าคนสมัยโบราณต้องตัวเตี้ยเล็กมากๆ
ใครที่ชอบแนวประวัติศาสตร์ยุคซามูไร ขุนศึกใฝ่สูง รับรองว่าถูกใจสิ่งนี้
อันนี้เขาอธิบายถึงช่องเปิดเล็กๆ ที่เอาไว้สำหรับยิงธนูหรือปืน เรียกว่า “ซามะ” 狭間
ระเบิด?
อานม้า ดูเก่ามาก
เสาใหญ่ตะวันออก 東大柱 (ฮิงาชิโอบะชิระ?)
ไม้ตีลูกขนไก่?
ราวบันไดที่เป็นเหล็กพวกนี้เป็นของที่เขาเสริมขึ้นมาภายหลังเพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
เราลองขึ้นไปชั้นหกกันครับ
ขึ้นมาแล้วก็เจอสิ่งนี้
มองลอดลูกกรงไม้
ชั้น 6 นี่กลายเป็นที่ให้นักท่องเที่ยวได้พักครับผม
ชมวิวบ้านเมือง มองจากยอดปราสาท
ทางเดินริมช่องผนังและบันไดน่าจะเอาไว้สำหรับพวกนักรบคอยมองศัตรูที่มาประชิด ตรงส่วนนี้ยิ่งตอกย้ำในว่าคนญี่ปุ่นสมัยโบราณนั้นผู้ชายน่าจะสูงไม่เกิน 150 ซม.
อันนี้น่าจะเป็นโมเดลจำลองโครงสร้างปราสาท
เดินลงครับ
ผังบริเวณปราสาท
ทางลง?
ออกมาแล้วครับ แฮ่กๆ
เดินลงไปๆ
ออกจากเขตชั้นในละ
นี่ป้าย “มรดกโลก ปราสาทฮิเมจิ”
ออกมาบริเวณปราสาทแล้ว ก็มาแวะเที่ยวที่สวนญี่ปุ่น โคโคะเอ็น (好古園)
ทางเข้า?
โปรดตีตั๋วก่อนเข้าชมสวน
เข้าไปเลย
เอ๊ะ
แหม่ บรรยากาศดี๊ดี แต่เฮ้ย นี่มันร้านอาหาร
แล้วมานั่งกิน “ปิลาฟ” ピラフ ข้าวผัดฝรั่ง เนี่ยนะ โอย คุณพระ มาชมสวนญี่ปุ่นแต่ดันกินอาหารฝรั่ง 555
สำรับอาหารญี่ปุ่นแบบข้าวหน้าปลาไหลกับโซเมงก็มี ไม่รู้จักสั่งมากิน ปัดโธ่
งานศิลป์ภาพถ่าย?
ชมความงามของก้อนหิน
ดูได้อย่างเดียว ห้ามเหยียบเข้าไปนะจ๊ะ
ออกมาละ งงๆ
ถนนโล่งๆ กับย่านที่ดูแล้วเหมือนร้านขายของให้นักท่องเที่ยว
แม้แต่ตู้ขายน้ำ ก็ยังโปรโมทปราสาท
ให้เช่าชุดกิโมโน?
ย่านอาเขต?
เตรียมตัวนั่งรถไฟกลับได้แล้วครับ
สถานีฮิเมจิ รถไฟฟ้าสายซันโย 山陽
มายังชานชาลา
ครับหลังจากที่นั่งรถไฟมาจะถึงอุเมดะแล้วผมกับอาจารย์ภาษาไทย (ลูกทัวร์ของผม) ก็แวะกินอาหารเย็นจริงๆ สักที (ไอ้เจ้าปิลาฟอะไรนั่นเป็นแค่อาหารรองท้องขำๆ ครับ) คราวนี้แวะที่ตึกโยโดบาชิคาเมร่า กินอาหารจีนบุฟเฟ่ต์เฉยเลยครับ (ฮา) ก็เป็นอันจบทริปการเดินทางวันเดียวที่พยายามเขียนให้จบในตอนเดียวแล้วมันจบไม่ลงจริงๆ เรื่องราวการเที่ยวของผมคราวนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ก็อาจจะมีการเขียนเกี่ยวเรื่องของปรัชญาเซนสลับกับการเล่าเรื่องย้อนอดีตไปจนจบที่สิ้นเดือนกันยายนนะครับ ยังไงก็ฝากติดตามอ่าน
ท่านไหนที่เข้ามาจาก Facebook ของ Marumura อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะครับ วันนี้ก็ขอลาเพียงเท่านี้ก่อน สวัสดีครับ
เรื่องแนะนำ :
– ครั้งหนึ่งในชีวิตกับมรดกโลก “ปราสาทฮิเมจิ” เดือนมิถุนายน 2006 รูปเยอะจน บก. ร้องไห้หนักมาก (1)
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (3) เรียนรู้การ “ทะลวงชีวิต” เมื่อพบกับ “วิกฤติวัยกลางคน”
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (2) “ฮิชิเรียว” 非思量 เมื่อการ “ไม่หยุดคิด” คือทางรอด
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (1) “จนกว่าโยมจะตายน่ะแหล่ะ”
– เหตุต้น ผลกรรม ที่ทำให้ผมต้องมาเรียนที่ญี่ปุ่น (2) หนังสือ “ไวยากรณ์ญี่ปุ่นเบื้องต้น” ของอาจารย์สุเทพ น้อมสวัสดิ์
– เหตุต้น ผลกรรม ที่ทำให้ผมต้องมาเรียนที่ญี่ปุ่น (1) หนังสือ “มวยจีนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ของอาจารย์สุวินัย
#ครั้งหนึ่งในชีวิตกับมรดกโลก “ปราสาทฮิเมจิ” เดือนมิถุนายน 2006