ครั้งที่แล้ว… เราได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปเที่ยวทั้งสวนสับปะรดนาโกะ ไปถ่ายรูปหน้าผารูปช้างที่มันซาโมะ เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่โตมากๆ ของโอกินาว่า Churaumi Aquarium แถมด้วย Okinawa World ที่น่าสนใจมากๆ
ครั้งที่แล้ว… เราได้เล่าให้ฟังว่าได้ไปเที่ยวทั้งสวนสับปะรดนาโกะ ไปถ่ายรูปหน้าผารูปช้างที่มันซาโมะ เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่โตมากๆ ของโอกินาว่า Churaumi Aquarium แถมด้วย Okinawa World ที่น่าสนใจมากๆ
ครั้งที่แล้วพาไปเที่ยวกันหลายที่ แบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว… ลืมเล่าไปเลยว่า ได้กินอาหารมื้ออร่อยมื้อหนึ่ง อร่อยจนจุก และแอบเสียดายมากๆ ว่า.. “ทำไมฉันถึงกินหมดนี่ไม่ไหวเนี่ย…”
นี่เป็นเซ็ตมื้อกลางวัน… สำหรับ 1 คน มีทั้งกุ้งล็อปสเตอร์อบชีส หอมชีสมากๆ แถมยังได้ทั้งกลิ่นและรสของส้มยูซุมาตัดเลี่ยน ปลื้มเมนูนี้แบบสุดๆ เพราะปกติ The 8th กินชีสเยอะๆ ไม่ค่อยได้ ถึงจะอร่อยแค่ไหน ก็แพ้ความเลี่ยนอยู่ดี แต่สำหรับเมนูนี้ ให้ 10 คะแนนเต็ม! อย่างไรซะ ก็อดเป็นทุกข์กับการกินมื้อนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเซ็ตใหญ่มากๆ เพราะยังมีทั้งข้าวสวย ไข่ตุ๋น ปลาทอด (จานนี้.. เห็นทางร้านว่าจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล) แล้วยังมีซุปมิโสะที่ใส่ลูกกุ้งล็อปสเตอร์ลงไปอีก จะ “เยอะ” ไปไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าอร่อย.. แต่รับไม่ไหว กินไม่หมด แอบเศร้า T-T
สำหรับคืนสุดท้ายในโอกินาว่านั้น เรากลับมานอนกันในเมืองนาฮา เมืองใหญ่อันดับหนึ่งของจังหวัดโอกินาว่า เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะต้องขึ้นเครื่องกลับบ้านกันแล้ว จะได้ไม่ต้องรีบกันมาก เพราะพอเข้าเมืองมาแล้ว สนามบินนาฮาอยู่ใกล้นิดเดียวเอง ชิว ชิว ได้เลย…
ดังนั้นก่อนเข้าโรงแรมเราจึงไปช้อปปิ้งซื้อของฝากกันที่ถนนคนเดินของเมืองนาฮา ชื่อว่า โคคุไซโดริ เป็นถนนที่ยาวมากๆ สองฟากฝั่งก็มีแต่ของฝากที่เป็นของพื้นเมือง และของขึ้นชื่อของจังหวัดโอกินาว่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูปอย่างพวกหมูหมัก (ราฟุเต) มะระผัดไข่ (จัมปุรุ) หรือสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งทุกสิ่งอย่างล้วนอยู่ในแพ็คเกจเรียบร้อยสวยงาม สามารถยัดใส่กระเป๋าเดินทางโหลดกลับบ้านกันได้อย่างสบายใจ ใครที่ยังไม่ได้ซื้อสัตว์สัญลักษณ์ของโอกินาว่า (ชิสะ) ไปเป็นของที่ระลึก หรือซื้อฝากผู้หลักผู้ใหญ่ ที่นี่มีให้เลือกเพียบ หลายแบบหลายราคา นอกจากนี้ก็ยังมีของฝากให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราได้ซื้ออีกเพียบ ทั้งคิทแคทมันม่วง โคล่อนไส้สับปะรด พวงกุญแจคิตตี้ในชุดชิสะ ทรายรูปดาวจากเกาะ Iriomote ฯลฯ ที่โคคุไซโดริ.. มีของหลายอย่างเลยที่ราคาถูกกว่าของที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ถ้าจะซื้อของฝาก แนะนำว่ามาจัดเต็มกันที่นี่ ที่เดียวเลยดีกว่า ได้ของครบแล้วก็แพ็คกระเป๋าหนเดียวเลิก.. ไม่ต้องจัดกระเป๋ากันบ่อยๆ
สำหรับเที่ยวบินกลับบ้านของเรา จะออกในช่วงบ่าย (เกือบสี่โมงเย็นแน่ะ) ดังนั้นช่วงเช้าเราไปจึงเยี่ยมชมปราสาทชูริ (Shuri Castle) กัน… ที่นี่เป็นปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่โอกินาว่ายังเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรริวกิวอยู่เลย นั่นก็อยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 นู่นแน่ะ แต่ว่าตัวปราสาทไม่ได้เก่าแก่ตามอายุนะจ้ะ ญี่ปุ่นเขามีการบูรณปฏิสังขรณ์กันเป็นอย่างดี มีการจัดการที่ทันสมัย เหมาะสมกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวมาก
The 8th ชอบมากที่เขาสร้างที่จอดรถที่ใหญ่โตอลังการมากไว้ใต้ดิน มากตั้งหลายชั้นแน่ะ จอดรถได้เป็นร้อยๆ คัน รวมถึงรถบัสด้วยนะ ชั้นบนๆ ก็เป็นที่จำหน่ายของที่ระลึก เป็นร้านอาหาร ส่วนบริเวณชั้นบนจริงๆ ก็ยังดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ ที่เป็นส่วนของ Shuri Castle Park คนญี่ปุ่นนี่เขาช่างคิด.. ช่างลงทุนกันจริงๆ นะ
แล้วที่ปราสาทชูรินี่ก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ เหมือนกับให้เราเล่นแรลลี่เก็บอาร์ซี อันนี้ก็น่าสนใจนะ เพียงแต่แทนที่เราจะเก็บอาร์ซี เราก็เก็บเป็นแสตมป์แทน มีเยอะมาก เดินไปตรงไหนก็มีแสตมป์ให้เราประทับลงบนแผ่นสะสมแสตมป์ บอกซะก่อนว่าถ้าตาไม่ดีเดินเลยจุดประทับตรา แล้วอยากจะย้อนกลับไปล่ะก็… เดินเมื่อยกันทีเดียว แถมบางจุดก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ด้วย อย่างไรก็ตามการเก็บแสตมป์นี้ก็เป็นกิจกรรมที่เขาเอามาดึงดูดนักท่องเที่ยว… แล้วก็เหมือนจะประสบความสำเร็จซะด้วย เพราะเห็นคนถือแผ่นสะสมแสตมป์กันเพียบเลย
ในส่วนของ Shuri Castle Park ซึ่งเป็นโซนรอบนอก นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร แต่ถ้าอยากจะเข้าไปภายในตัวปราสาท (Shurijo Castle Seiden) ที่เคยเป็นที่พำนักของเจ้าผู้ครองอาณาจักรริวกิว ที่เคยเป็นที่ออกว่าราชการ และเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของที่นี่ ต้องควักตังค์ออกมา 800 เยนนะจ้ะ จึงจะมีสิทธิเข้าไปถ่ายรูปที่ลานด้านหน้าปราสาท พอเข้าไปแล้วก็จะเป็นทาง One-way เมื่อถ่ายรูปด้านหน้าปราสาทจนหนำใจแล้ว ก็เดินไปทางด้านซ้ายสุดของตัวปราสาท (ถ้าหันหน้าเข้าปราสาท.. ก็คือขวามือของเรานั่นเอง) จะเป็นทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยว ณ จุดนี้เราก็จะต้องถอดรองเท้าใส่ถุงที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้เรา แล้วเราก็ต้องหิ้วเจ้าถุงนี้ไปกับเราด้วยตลอดทางภายในตัวปราสาท เดินไปตามทางที่เขาบอก ชมเรื่องราวของปราสาทนี้ไปเรื่อยๆ และสังเกตเครื่องหมายให้ดี เพราะหลายจุดของปราสาทแห่งนี้ห้ามถ่ายรูป ถ้าเราเผลอยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาให้จุดที่เขาห้ามถ่าย จะมีเจ้าหน้าที่พุ่งตรงมาหาเราทันทีจนน่าตกใจ ขอเตือนเอาไว้ก่อน ตัวปราสาทจะมี 2 ชั้น เดินชมเพลินๆ ไปจนสุดทาง สวมรองเท้า คืนถุง เป็นอันเสร็จพิธี
แต่… ยังไม่จบจ้ะ เรายังควรเดินไปตามทาง One-way นี้ต่อไป เพราะด่านข้างหน้านี้จะเป็นจุดช้อปปิ้งของที่ระลึกจากปราสาทชูริ ห้องน้ำ และจุดถ่ายรูปวิวเมืองโอกินาว่า แล้วจึงจะเป็นทางเดินกลับสู่ลานจอดรถ
ปราสาทชูริ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Shuri-jo นั้น หน้าตาจะไม่ค่อยคล้ายคลึงกับปราสาทในญี่ปุ่นทั่วๆ เนื่องจากเป็นปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตอนที่ที่นี่ยังเป็นอาณาจักรริวกิว สมัยนั้นเฟื่องฟูจากการติดต่อค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่มาก จึงได้รับอิทธิทางด้านสถาปัตกรรมทั้งจากจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเยอะ หน้าตาของปราสาทชูริจึงเป็นอย่างที่เห็นนั่นเอง
พอเที่ยวปราสาทชูริเสร็จแล้ว เราก็แวะไปช้อปปิ้งกันที่ห้างอิออน และร้าน 100 เยน หาข้าวกลางวันกินกันนิดหน่อย แล้วจึงมุ่งหน้าสู่สนามบินนาฮา ที่ InternationalTerminal นั้นเล็กมาก ไม่มีของซื้อของฝากอะไรมากมาย (ซื้อได้แต่คิทแคทชาเขียว) แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือเฟือ จะเดินไป Domestic Terminal ก็ได้ อยู่ใกล้ๆ กัน ใหญ่โตมาก ขนมของฝากก็เพียบ แต่จะเป็นขนมของฝากสไตล์โอกินาว่าแทบทั้งนั้นแหล่ะ (สำหรับ International Terminal หลังใหม่ คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2013 นี้)
การเดินทางด้วยเครื่องบินในทริปนี้ไม่เหนื่อยเท่าไร เพราะแต่ละเที่ยวบินใช้เวลาอยู่บนเครื่องแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น นั่งดูหนัง ฟังเพลง ได้แบบเพลินๆ ซึ่งในขากลับนี้ เราก็นั่งเครื่องไปฮ่องกงก่อน ออกไปช้อปปิ้ง+กินข้าวเย็นกันที่ซิตี้เกทเอ้าท์เลท แล้วก็กลับเข้าสนามบินอีกครั้ง มาถึงเมืองไทยก็ราวๆ ตีสองได้
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่ยังเดินทางไปได้ไม่ทั่ว ยังไม่ได้เสี้ยวของความน่าสนใจของจังหวัดโอกินาว่าเลย เพราะเท่าที่ลองอ่านๆ ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดนี้ ยังมีอาหารอร่อยๆ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อที่ยังไม่ได้ชิมอีกหลายอย่าง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุดที่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ว่ากันว่าจะเที่ยวโอกินาว่าให้ถึงๆ ต้องไปเที่ยวเกาะอื่นๆ ด้วย ทริปนี้เราอยู่แค่บนเกาะใหญ่ (เกาะโอกินาว่า) ยังมีหาดทรายสวยๆ ที่เกาะ Miyako ในหมู่เกาะ Miyako ธรรมชาติงามๆ อย่างหาดทรายดาวที่เกาะ Iriomote หรือกิจกรรมทางทะเลที่หน้าสนใจบนเกาะ Ishigaki ในหมู่เกาะ Yaeyama ซึ่งอยู่ถัดลงไปทางทางใต้ด้วย
ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองนั่งเรือ+เครื่องบินในประเทศ ล่องตั้งแต่ทางใต้ของจังหวัด Kagoshima ลงไปเรื่อยๆ ข้ามเกาะโน้น ขึ้นเกาะนี้ จนกว่าจะทั่วจังหวัดโอกินาว่าเลยทีเดียว ฝันไว้ก่อน… สักวันอาจจะได้ไป
และแล้วทริปแรกของการเดินทางสู่จังหวัดโอกินาว่า ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายกันแล้ว ขอบคุณที่ติดตามทริปบ้านๆ ที่ถ้าเพื่อนๆ ได้ไปด้วยกัน… จะรู้ว่าเพลินจริงๆ สำหรับทริปนี้คงต้องจากกันแล้ว แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อๆ ไปของ The 8th นะจ้ะ สวัสดีจ้าาาาาาา
สนับสนุนการเดินทางโดย : Maritime Travel Service
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 5 : ตะลุยเที่ยวโอกินาว่า
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 4 : เหยียบเกาะโอกินาว่า
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 3 : กระเป๋าเป็นเหตุ?!?
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 2 : วันเดินทาง
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 1 : วีซ่า Multiple ญี่ปุ่น