เสียงในหัว คอยบอกตัวเองทั้งวันเวียนไปวนมา “ไปโอกินาว่า ไปโอกินาว่า ไปโอกินาว่า ….” เสียงนี้ดังซ้ำไป ซ้ำมาจนน่าตกใจ ทั้งๆ ที่ก็เดินทางไปญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่จังหวัดโอกินาว่านั้น ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหลายเสียง ว่าทั้งน่าไปและไม่น่าไป พอได้ฤกษ์ดีก็เลยขอพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดูสักครั้ง
เสียงในหัว คอยบอกตัวเองทั้งวันเวียนไปวนมา “ไปโอกินาว่า ไปโอกินาว่า ไปโอกินาว่า ….” เสียงนี้ดังซ้ำไป ซ้ำมาจนน่าตกใจ ทั้งๆ ที่ก็เดินทางไปญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่จังหวัดโอกินาว่านั้น ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหลายเสียง ว่าทั้งน่าไปและไม่น่าไป พอได้ฤกษ์ดีก็เลยขอพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดูสักครั้ง รู้สึกตื่นเต้นพอควร ที่คราวนี้จะได้ไปเห็นอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ในญี่ปุ่นอีกแล้ว…

เริ่มต้นอย่างเรียบๆ เรื่อยๆ เช่นเดียวกับการเดินทางไปญี่ปุ่นทุกครั้ง คือ เตรียมเอกสารทำวีซ่าญี่ปุ่น
… แอบดีใจเล็กๆ ว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วไม่เสียค่าวีซ่า ปกติ The 8th จะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าวีซ่า Single ของญี่ปุ่น ครั้งละ 1,120 บาท แต่สำหรับใครที่จะไปจังหวัดโอกินาว่า จะได้สิทธิพิเศษ ไม่ต้องเสียค่าวีซ่า แหล่มเลย!
[ad id=”61″]
ยื่นวีซ่าไปโอกินาว่า ไม่เสียตังค์! แต่… เฮ้ย!… ไหง.. The 8th เสียล่ะเว้ย!
Shot ที่ 1 อ่ะ.. รู้ละ ค่าวีซ่าญี่ปุ่น ถ้าไปโอกินาว่าน่ะ ไม่ต้องจ่าย 1,120 อันนี้ทางญี่ปุ่นเค้าฟรีให้.. ไม่เก็บ!
แต่! โอ๊ะ! ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าให้ JVAC ในอัตราครั้งละ 535 บาทอยู่ดี เออ…ซึ้งละ ไม่เป็นไร ถือว่าเซฟไปพันกว่าบาทแล้ว อีแค่ค่าธรรมเนียม ก็ทำใจร่มๆ จ่ายๆ กันไป
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ! มันยังมี Shot ที่ 2 ที่ทำให้ต้องจ่ายค่าวีซ่ามากกว่าที่เราคิดว่า “เชฟ” ไว้ได้ อีกกว่าสองเท่าตัว เหอ.. เหอ..

การไปเที่ยวโอกินาว่าครั้งนี้ เปิดประสบการณ์ครั้งใหม่ให้ The 8th จริงๆ เริ่มตั้งแต่ทำวีซ่าเลย…
1) รอคิวนานกว่าปกติมากกกกกกกกก
2) เอกสารขาดนู่น ขาดนี่ ขาดนั่น จนเป็นเหตุให้…
3) ต้องไปยื่นถึง 3 วัน!
โอเค.. รอคิวนาน ก็เข้าใจว่าหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่โทโฮขุ (ปี 2011) มา คนก็อัดอั้น อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ก็กลัวๆ กล้าๆ ปีนี้ดูเหมือนนักท่องเที่ยวไทยจะกล้ากันเยอะ พากันมายื่นวีซ่าจนแน่นขนัดสถานทูต ชนิดที่เรียกว่าแทบจะไม่มีรูให้ยืน ทั้งๆ ที่ JVAC ซึ่งเป็นสถานที่รับยื่นวีซ่าญี่ปุ่นนั้นมันก็ไม่ได้เล็กเล้ย! โชคยังดีวันที่ยื่นเป็นช่วงต้นๆ ฤดูท่องเที่ยว (ซากุระ) คนยังไม่เยอะมาก แต่ก็เยอะอยู่ดีน่ะแหล่ะ รอคิว 1 ชั่วโมง รอจ่ายเงินอีก 40 นาที กว่าจะได้ใบนัดรับเล่มพาสปอร์ตคืน… นานจัง
ส่วนเอกสารขาด ไม่อยากโทษใคร ได้แต่โทษตัวเอง (T^T) ก็แหม.. ปกติคนที่เคยเข้าญี่ปุ่น มันก็ใช้แค่ หนังสือเดินทาง รูปถ่าย หนังสือรับรองการทำงาน (คราวนี้ต้องเตรียม Itinerary + สำเนาตั๋วเครื่องบินด้วย เพราะไปโอกินาว่า เอกสารต้องชัดเจน เพราะเขาละเว้นค่าวีซ่าให้) มันก็น่าจะจบนี่เนอะ แต่มันกลับไม่จบ (ว่ะ)
“คุณครับ.. เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยขนาดนี้ ไม่ยื่นวีซ่ามัลติเพิ่ลสำหรับนักท่องเที่ยวดูล่ะครับ”
พอเจ้าหน้าที่ JVAC กระซิบมาอย่างนั้น โอ๊ะ! ก็ดีนะ อยากยื่นเหมือนกัน เข้าทาง… ถามปัญหาคาใจเลยละกัน
“ไม่มีตังค์อ่ะคะ กลัวยื่นไม่ผ่าน เอ่อ… แล้วที่จริงถ้าจะยื่นวีซ่ามัลติเพิ่ลแบบนี้ ควรมีตังค์สักกี่หลักล่ะคะ”
ทำน่าละห้อยละเหี่ยถามไปงั้น เพราะตอนถาม ไม่คิดว่าจะได้ยื่นวีซ่ามัลติเพิ่ลอยู่แล้ว
“ไม่ต้องเยอะหรอกครับ เดินทางไปเที่ยวบ่อยและไปมาแล้วตั้งหลายครั้งแล้ว ลองยื่นดีกว่า น่าจะได้ครับ”
ฟังคำตอบแล้ว นิ่ง.. แต่แอบตาโต เฮ้ย! งั้นจะรออะไร ยื่นมัลติเพิ่ลเลยดิ
“งั้นมัลติเพิ่ลก็ได้ค่ะ”
“มีสมุดบัญชีพร้อมสำเนามาด้วยมั้ยครับ”
โอ๊ะ! แอบติดมาด้วย เย้…..
“งั้น.. เขียนเหตุผลที่ต้องการยื่นวีซ่ามัลติเพิ่ลมาเพิ่มอีกอย่างหนึ่งก็เรียบร้อยแล้วครับ”
อุ๊! แป่วววววว เขียนไงดีละ เขียนยังไงดีถึงจะผ่าน เอาวะ.. ยังมีเวลา กลับไปนั่งเขียนเรียงความที่บ้านละกัน พรุ่งนี้ค่อยมาส่ง
“โอเคค่ะ งั้นมายื่นใหม่พรุ่งนี้ได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ.. ผมตรวจเอกสารให้แล้ว พรุ่งนี้นำเอกสารชุดนี้ แล้วก็เพิ่มเอกสารตามที่จะขอมัลติเพิ่ล ก็เรียบร้อยแล้วครับ”
สรุปว่ากลับบ้านมือเปล่า หลังรอมา 1 ชั่วโมงเต็ม แต่ก็กลับอย่างมีความหวัง อิ อิ
โดยหารู้ไม่ว่าแรลลี่การยื่นวีซ่าที่กินเวลากว่า 3 วัน จึงจะสำเร็จ ได้เริ่มขึ้นแล้ว!!
วันที่ 2 บ่ายแก่ๆ (วันแรกไปแต่เช้าตรู่.. ลองเปลี่ยนดูบ้าง เผื่อคิวจะน้อยลง) ไป JVAC พร้อมด้วยความหวัง และเรียงความเหตุผลว่าทำไมอิฉันจึงควรมีวีซ่ามัลติเพิ่ลเข้าญี่ปุ่น ร่ายยาวเต็มหน้า ครั้งแรกที่ไปประทับใจยังไง ไปอีกเพราะอะไร แล้วจะไปอีกเพราะอะไร ตอนเขียนนี่ได้อารมณ์อินเลิฟเจแปนแบบสุดๆ อ่ะ
หลังจากยืน เก้ๆ กังๆ อยู่แป๊บนึง ก็กดบัตรคิว คือไม่ชัวร์น่ะว่าการจะเอาเอกสารชุดที่ตรวจแล้วกลับมายื่นใหม่เนี่ยต้องไปยื่นที่ช่องเดิมหรือว่าต้องกดคิวก่อน สุดท้าย.. เอาหลักมารยาทข่ม กดคิวละกัน มาทีหลังก็เข้าคิวตามหลังคนอื่นเขาละกันนะ… ปรากฏว่าคิดผิดมหันต์ หลังจากรอไป 2 ชั่วโมง (คิดผิดจริงๆ ที่มาซะเย็น กะว่าไม่ต้องรีบไปไหนต่อ รอได้ สรุปว่าได้รอจริงๆ) จากสี่โมงครึ่ง ถึงคิวตอนหกโมงครึ่ง ไม่ได้เคาน์เตอร์เดิม เป็นเจ้าหน้าที่คนอื่น ตรวจเอกสารแล้ว… ไม่ผ่าน!! อ้าว! เฮ้ย! ไรอ่ะ ไหนบอกเงินไม่ต้องเยอะ เขียนเหตุผลมาประกอบก็จบไง ไรอ่ะ ขอถามหน่อยดิ
“งั้นไปถามคุณเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เดิมได้มั้ยคะ”
“ได้ค่ะ.. ที่จริงถ้าตรวจเอกสารแล้วมายื่นใหม่ ไปหาเจ้าหน้าที่คนเดิมได้เลย ไม่ต้องกดบัตรคิวค่ะ”
แป่ววววววว
อ่ะ.. รอต่ออีกครึ่งชั่วโมง เพราะคุณเจ้าหน้าที่คนเดิมติดลูกค้าอยู่ ขณะที่ใน JVAC คนก็เริ่มบางลงเรื่อยๆ (มาถึงตอนแรก.. แทบไม่มีที่ยืน) พอลูกค้าชุดนั้นเดินออกมาปุ๊บ! เราก็เข้าไปเสียบปั๊บ! คุณเขาจำหน้าได้ บอกให้รอเคลียร์เอกสารของคนที่เพิ่งจะยื่นเมื่อกี้แป๊บนึง เราก็โอเคสิ มายึดพื้นที่หน้าเคาน์เตอร์ได้แล้ว น่าจะจบนะ แต่มันไม่ช่าย…
พอเขารับเอกสารไป…
“สรุปว่ายื่นมัลติเพิ่ลนะครับ”
“ค่ะ” ตอบไปแบบยิ้มๆ พร้อมอารมณ์ชื่นมื่น (ตรู..น่าจะรอดแล้ว!)
“แล้วทะเบียนบ้านละครับ ตัวจริง พร้อมสำเนา” เอาละสิ (ตรู..ไม่น่าจะรอดซะแล้ว! กระซิกๆๆ)
“ต้องใช้ด้วยเหรอคะ เมื่อวานไม่เห็นแจ้งไว้น่ะคะ เลยไม่ได้เตรียมมา”
คุยจบ.. สรุปว่าต้องใช้นะสิ (ตอนหลังกลับมาดูเอกสารในเน็ต เออ (ว่ะ) ยื่นมัลติเพิ่ล ต้องใช้ทะเบียนบ้าน แง…. แล้วเราก็ไม่มีอยู่กับตัวเลย จะกลับไปเอาที่บ้าน ก็จำได้ว่าคุณพี่ชายเอาไปใช้ ยังไม่ได้เอามาคืน งานงอกละสิทีนี้)
เวลาปิดทำการของ JVAC คือ 17.30 น. แต่เราจบการยื่นวีซ่าในวันที่ 2 (แต่ไม่สำเร็จ) ในเวลาหนึ่งทุ่มตรงคนเยอะจริงๆ และจะกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้นนะจ้ะ ขอเวลาไปคัดทะเบียนบ้านตัวจริงที่เขตก่อน
เฮ้อ! การไปโอกินาว่าครั้งนี่เริ่มเห็นเค้าลางของความยุ่งยากซะละ ไม่เค้ย ไม่เคย วุ่นวายกับการเตรียมเอกสารอย่างนี้เลย ปกติจะเป๊ะตลอด โก๊ะจนลืมตรวจทานเอกสารทั้งหมดอีกครั้งซะงั้น
วันที่ 3 ช่วงเช้าไปคัดทะเบียนบ้านที่เขต 2 นาทีเสร็จ (ที่คัดได้นี่ถือเป็นทะเบียนบ้านตัวจริงเลยนะ ไม่ต้องทำสำเนาให้ JVAC ก็ได้ ให้ตัวจริงไปได้เลย) สายๆ ไปทำงานซะหน่อย ตอนเย็นๆ ค่อยเข้า JVAC จะได้ไม่เสียเวลางานมาก และแล้วสี่โมงครึ่งเวลาเดิม ไปถึงก็พุ่งไปที่เจ้าหน้าที่คนเดิมเลย รอแค่ 10 นาทีให้ลูกค้าก่อนหน้านี้ทำรายการเสร็จ เราก็เข้าไปเสียบทันที (มีประสบการณ์ในการเสียบจากเมื่อวานละ ไม่โง่กดบัตรคิวรอเป็นชั่วโมงๆ อีกอย่างแน่นอน) คราวนี้เอกสารผ่านฉลุย แต่ก็ต้องรอจ่ายเงินอีก ไม่นานเท่าไร กว่าจะเสร็จก็แค่.. หกโมงครึ่งเท่านั้น!! (T^T)
จบกระบวนการยื่นวีซ่า ที่ตอนแรกกะจะยื่นไปโอกินาว่าเฉยๆ ใช้เอกสารเล็กน้อย เสียค่าธรรมเนียมเบาๆ แค่ห้าร้อยกว่าบาท กลายเป็นต้องใช้เวลายื่นถึง 3 วัน ขาดเอกสารกระจุกกระจิกแบบน่ารำคาญใจ (แต่ก็ต้องเตรียมให้ครบ ไม่ครบก็ยื่นไม่ได้) และต้องจ่ายค่าวีซ่ามัลติเพิ่ลอีก 2,260 บาท พอรวมกับค่าธรรมเนียมแล้ว เจอค่าเสียหายไป 2,795 บาท แลกกับใบนัดรับเล่มคืน กระเป๋าตังค์เบาหวิวออกมาเลย… เฮ้อ! เสร็จสักที
ทีนี้ ก็มานั่งลุ้นว่าวันรับพาสปอร์ตคืน จะได้วีซ่ามัลติเพิ่ล ซึ่งจะใช้เข้าออกญี่ปุ่นได้ครั้งละไม่เกิน 15 วัน นานถึง 3 ปี หรือจะได้วีซ่าเดี่ยวสำหรับเข้าโอกินาว่าได้ …ครั้งเดียว
และแล้ววันรับพาสปอร์ตคืน (ซึ่งเป็นวันเสาร์) ก็มาถึง วันนี้ชิวมาก ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพราะวันเสาร์ ทาง JVAC เขาให้มารับพาสปอร์ตคืนอย่างเดียว ไม่รับยื่นวีซ่า คนจึงน้อย กดบัตรคิวปุ๊บ รับวีซ่าปั๊บ อมยิ้มเล็กๆ แล้วเดินออกจาก JVAC มาอย่างภาคภูมิ ความพยายามไม่เสียหลาย ได้วีซ่ามัลติเพิ่ลมาครอบครองแล้วเว้ย! ไม่ต้องมารอคิวนานๆ ช่วงหน้าท่องเที่ยวอีกแล้ว (ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าวีซ่าบ่อยๆ เซฟๆ เยี่ยมเลย!)
โชคดีจริงๆ ที่เรามายื่นวีซ่าในช่วงที่คนไม่เยอะมากแบบสุดๆ เพราะได้ข่าวจากเพื่อนๆ ว่า หลังจากที่เรายื่นวีซ่าสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้วเพียงไม่กี่วัน สถานการณ์การยื่นวีซ่าญี่ปุ่นเริ่มเลวร้าย… มารอยื่นวีซ่าตั้งแต่เก้าโมงเช้า ทั้งๆ ที่ใช้เวลายื่นแค่ 5 นาที แต่กว่าจะได้จ่ายเงินและรับใบนัดรับพาสปอร์ตคืน ก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็น มันนานเกินไปแล้วม้างงงงง
แต่ถึงจะนานแค่ไหน ถ้าจะไปญี่ปุ่น ก็ต้องมายื่นวีซ่า ใครๆ ก็ต้องมารออยู่ดี
ยังไงก็รบกวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ช่วยพิจารณา หาหนทางแก้ไขปัญหาการรอยื่นวีซ่านานด้วยนะคะ เพราะบางคนอาจจะไม่ว่างมานั่งเล่นที่ JVAC นานเป็นวันๆ ก็เป็นได้

เอาหล่ะ! ได้วีซ่าแล้ว คราวหน้า The 8th จะมาเม้าส์เรื่องโอกินาว่า ทริปแรกในชีวิตให้เพื่อนๆ ฟังกันนะคะ แล้วเจอกันอีกค่ะ^^
หมายเหตุ – 1,120 รวมถึง 2,260 และ 535 เป็นค่าวีซ่าและค่าธรรมเนียม ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2013
สนับสนุนการเดินทางโดย : Maritime Travel Service
เรื่องแนะนำ :
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 6 : ปิดทริป
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 5 : ตะลุยเที่ยวโอกินาว่า
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 4 : เหยียบเกาะโอกินาว่า
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 3 : กระเป๋าเป็นเหตุ?!?
– รีวิวเที่ยวโอกินาว่าครั้งแรก ตอนที่ 2 : วันเดินทาง