แม้ตอนนี้ดิฉันจะไม่ได้ทำงานล่ามญี่ปุ่นแล้ว แต่คิดว่ายังมีเทคนิคต่าง ๆ ที่เคยใช้ติดตัวอยู่บ้าง จึงขอแบ่งปันให้น้อง ๆ รุ่นหลังนะคะ ☺ อันนี้เป็นเทคนิคส่วนตัว ที่เหมาะกับนิสัยและจริตของดิฉัน หากเข้าก็รับไป หากไม่เข้าก็คิดค้นเทคนิคกันขึ้นมาเอง และมาบอกดิฉันด้วยนะคะ 555
ดิฉันทำงานล่ามญี่ปุ่นตั้งแต่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้ปีที่ 2 (เรียนภาษาญี่ปุ่นมาปีกว่าๆ) และทำมาตลอดกว่า 7 ปีตั้งแต่เรียนปริญญาตรีจนจบปริญญาเอก จำได้ว่างานล่ามชิ้นแรกในชีวิต ก็ต้องเข้าคุกเลยค่ะ 555 มีผู้ต้องหาไทยโดนจับกุมตัว แล้วดิฉันต้องไปเป็นล่ามให้ทนายสอบปากคำ
คำถามแรกที่ทนายถาม คือ 前科ありますか?(Zenka arimasuka?) ดิฉันงงตั้งแต่คำว่า 前科 อะไรไม่รู้จัก ทนายเลยต้องอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ว่า แปลว่า คุณเคยทำความผิดอะไรบ้างหรือเปล่า
ปรากฏงานนั้น ผู้ต้องหาดันพูดญี่ปุ่นได้ดีพอ ๆ กับดิฉัน ดิฉันเลยนั่งเฉย ๆ แทน (ปวดร้าวนิด ๆ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย) หลังจากนั้น ก็รับงานล่ามอื่น ๆ มาเรื่อยๆ ผ่านมาหมดตั้งแต่ล่ามโรงงาน ล่าม Business matching ล่ามตู้ (Simultaneous interpreting) ล่ามรายการโทรทัศน์ ล่ามเรือนจำ ฯลฯ สนุกสนานมากๆ เพราะรายได้ดีเมื่อเทียบกับงานพิเศษงานอื่น และได้ไปในสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่ค่อยได้ไป ได้เห็นในสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็น และได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ (เช่น ผู้ว่าฯ หรือดารา)
แม้ตอนนี้ดิฉันจะไม่ได้ทำงานล่ามญี่ปุ่นแล้ว แต่คิดว่ายังมีเทคนิคต่าง ๆ ที่เคยใช้ติดตัวอยู่บ้าง จึงขอแบ่งปันให้น้อง ๆ รุ่นหลังนะคะ ☺ อันนี้เป็นเทคนิคส่วนตัว ที่เหมาะกับนิสัยและจริตของดิฉัน หากเข้าก็รับไป หากไม่เข้าก็คิดค้นเทคนิคกันขึ้นมาเอง และมาบอกดิฉันด้วยนะคะ 555
【การฝึกขั้นพื้นฐาน】
1. ฝึกแปลสดจากรายการโทรทัศน์
สารภาพว่าดิฉันไม่เคยเรียนคอร์สการเป็นล่ามอย่างจริง ๆ จัง ๆ ไม่ค่อยได้ฝึกอะไรเองเป็นพิเศษด้วย แต่มีแบบฝึกหัดหนึ่งที่ดิฉันชอบฝึกเองโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ นั่นคือ การนั่งดูรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่นแล้วหัดแปลในใจค่ะ
รายการโทรทัศน์ญี่ปุ่นสนุกมาก แถมมี sub-title ขึ้นด้วย ทำให้เราได้รู้ตัวคันจิ และได้ฟังภาษาที่คนญี่ปุ่นใช้พูดกันจริง ๆ (ใครติดละคร ดูละครก็ได้นะคะ แต่ละครจะไม่ค่อยมีตัวหนังสือขึ้น)
ตอนดูอย่าดูเพลิน ๆ อยากลองแปลในใจตรงไหนก็แปลค่ะ เหนื่อย ๆ ก็ปรับโหมดมานั่งดูโทรทัศน์เฉย ๆ ตรงไหนสนุกก็แปลเล่น ๆ ฝึกคิดในหัวดู
2. ฝึกจากบทสนทนา
เพื่อน ๆ คนไทยเม้าท์มอยอะไรกัน เราก็นั่งแปลเงียบ ๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นในใจ หรือถ้าเพื่อนญี่ปุ่นเม้าท์ เราก็แปลกลับเป็นภาษาไทย ค่อย ๆ ฝึกเล่น ๆ ค่ะ ไม่ต้องแปลตลอดก็ได้ เดี๋ยวเพื่อนจะสงสัยว่าเงียบเกิน หน้าเครียดเกิน แปลเล่น ๆ ค่ะ
3. ฝึกภาษาญี่ปุ่นให้คล่องปาก
…ด้วยคาราโอเกะ 5555 เป็นวิธีที่ดิฉันชอบมาก บันเทิงเริงใจดี แถมคลายเครียดด้วย ภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่เสียงสระสั้น ๆ คุคิเคะโคะ นุเนะโนะ บางทีเราอาจออกเสียงไม่ชัด หรือกล้ามเนื้อปากขยับไม่ทันบ้าง เลยต้องฝึกด้วยการพูดภาษาญี่ปุ่นโดยใช้อุปกรณ์คาราโอเกะช่วยนี่แหละค่ะ อิ อิ
ยิ่งถ้าร้องท่อนแร็พ ๆ ได้ นอกจากฝึกภาษาญี่ปุ่นให้คล่องปากแล้ว ยังเป็นการเสริมความมั่นใจให้ตัวเองอีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างของการไปเกะ คือ ได้ศัพท์ใหม่ ๆ ซึ่งไม่จำกัดแค่ศัพท์ที่เกี่ยวกับความรัก เพลงญี่ปุ่นชอบพูดเกี่ยวกับฤดูกาล หรือการให้กำลังใจ การต่อสู้ชีวิตต่อไป เราก็จะได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ด้วย
【การเตรียมตัวเมื่อได้รับงาน】
3 แบบฝึกหัดที่กล่าวมา เป็นการฝึกพื้นฐานทั่วไปค่ะ แต่เมื่อลูกค้าติดต่อให้เราไปทำงานล่าม เราจะทำอย่างไรดี
1. เก็งข้อสอบ
พยายามถามลูกค้าให้ได้มากที่สุดว่าบริษัทหรือผู้จ้างและฝ่ายตรงข้ามคือใคร จะคุยเรื่องอะไร จากนั้นพยายามหาศัพท์ที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัท A จะนัดคุยเรื่องสั่งสินค้าจากบริษัท B สิ่งที่เราเก็งได้ คือ
– ธุรกิจบริษัท A
– สินค้าบริษัท B
– เทคโนโลยีที่บริษัท B ใช้
– ศัพท์เกี่ยวกับปริมาณสั่งซื้อ ราคาสินค้า ออเดอร์
หากเป็นศัพท์ใหม่เยอะ ๆ ก็จดลงมาใส่กระดาษ เวลาถึงวันจริงแล้วตื่นเต้น จะได้แอบเปิดดูได้
2. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช่
ล่ามใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง เอาอุปกรณ์พื้นฐานก่อนนะคะ
อันดับแรก คือ สมุดโน้ต ดิฉันชอบใช้สมุดโน้ตเล่มยาวแบบนี้ เพราะถือมือเดียวได้ มีที่รอง จดง่าย ยิ่งถ้าหาแบบด้านหลังเป็นปกแข็งได้จะดีมาก
หลังสมุดดิฉันมักจะจดตัวเลข…สารภาพว่าทำงานล่ามมาสิบปี ก็ยังไม่แม่นเรื่องตัวเลขอยู่ดี ไม่แม่นในที่นี้ คือไม่มั่นใจค่ะ ดิฉันเลยจดหลังสมุดไว้เลย อีกตัวที่จดคือ พ.ศ. ค.ศ. และหากทำล่ามเอกสารราชการญี่ปุ่น ก็ต้องจดปีเฮเซ ปีโชวะ บางปีไว้เผื่อ ๆ ด้วย จะได้แอบพลิกเปิดดูได้เร็ว ๆ ไม่เสียเวลาคำนวณค่ะ
อุปกรณ์ตัวที่สอง คือ ปากกา ปกติดิฉันใช้ปากกามูจิ ปากกาเจล กึ่ง ๆ หมึกซึมในการเขียนเอกสาร ลายมือจะออกมาสวยงามขึ้นนิดหนึ่ง แต่พอเป็นงานล่ามปุ๊บ เอาปากกาลูกลื่นแท่งละ 5 บาทมาเลยจ้า เพราะในงานจริงเราไม่ต้องการตัวหนังสือที่สวย แต่เราต้องการความเร็ว
อุปกรณ์ถัดมาที่ล่ามอิสระอาจลืม คือ นามบัตรค่ะ พกนามบัตรไปด้วยทุกครั้ง แน่นอนเผื่อลูกค้าชอบการแปลของเรา และอยากโทรเรียกอีก จะได้ติดต่อได้ง่าย ๆ แต่อีกจุดประสงค์หนึ่ง คือ เอาไปแลกนามบัตรกับคนญี่ปุ่นที่เราทำงานด้วย จะได้เรียกชื่อ เรียกตำแหน่งเขาถูก เพราะข้อมูลมีอยู่บนนามบัตรแล้ว นามบัตรจะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะกับงานล่ามพิธีกร ที่ต้องอ่านชื่อคน ชื่อตำแหน่งให้ได้เป๊ะ ๆ ค่ะ (ส่วนใครทำล่ามประจำบริษัทก็ skip ข้อนี้ไปได้เลยจ้า)
นอกจากนี้เวลาทำงานล่าม ดิฉันจะมีสูทตัวเก่ง เป็นของ suit select แบรนด์ญี่ปุ่นที่ชอบ เพราะบาง ไม่ร้อน ขยับตัวง่าย ดูเป็นญี่ปุ่นขึ้นมานิดหนึ่ง (ลูกค้าจะได้อุ่นใจ) และที่สำคัญกระเป๋าเยอะ มีทั้งช่องเสียบปากกา กระเป๋าข้างเอว กระเป๋าซ่อนข้างใน ทำให้เราใส่สมุดโน้ต ใส่เศษกระดาษ หรือซองนามบัตรได้
【ถึงวันจริง】
และแล้ว ก็ถึงวันจริง…วันงานของเรา
ตอนเช้า ดิฉันจะฝึก exercise แปลในหัวตลอดอาบน้ำและทานข้าว เป็นการ warm up สมอง ง่าย ๆ ค่ะ เปิดรายการญี่ปุ่น Youtube ไป แปล ๆ ในหัวไป หรือไม่ก็บ่นพึมพำออกมาก็ได้ อันนี้เป็นหลักจิตวิทยาเสริมความมั่นใจให้ตัวเองค่ะ
ระหว่างเดินทางทวนลิสท์คำศัพท์อีกครั้ง ศัพท์ตัวไหนไม่มั่นใจ ไม่เป็นไรเราแอบจดในโพยไว้แล้ว โพยในสมุดถือไว้เพื่อความมั่นใจ
ดิฉันเน้นเรื่องความมั่นใจมาก เพราะความท้าทายของงานล่าม คือ เราไม่รู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไรกัน เมื่อไร อย่างไร อาจจะมีศัพท์ที่เราไม่รู้จักโผล่มาเมื่อไรก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องฝึกจิตใจให้แกร่งกล้า ไม่หวั่นไหว ไม่งั้นเราจะตื่นเต้นกังวลลนลาน พลอยนึกประโยคอื่น ๆ ไม่ออกไปด้วยค่ะ
【ถ้าเจอศัพท์ที่ไม่รู้จัก จะทำยังไงดี】
ทำใจค่ะ …. 555 ใคร ๆ ก็เจอ ดิฉันเคยเป็นล่ามงาน business matching ลูกค้าคุยกันหนุงหนิง อยู่ดี ๆ กระโดดไปคุยเรื่องโสมบำรุงกำลัง…แม่เจ้า! ดีที่เป็นเรื่องเม้าท์มอย ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ตอนนั้นเลยแปลว่า “สมุนไพรเกาหลี” ไป (เอาน่า…) เพราะฉะนั้นเจอศัพท์ที่ไม่รู้จะแปลเป็นอีกภาษาอย่างไร ไม่ต้องตกใจ ลองคิดดูว่ามีคำอื่นที่แปลได้ใจความใกล้เคียงกันหรือไม่ (อันนี้ประสบการณ์ล้วน ๆ ค่ะ)
อีกเทคนิคหนึ่ง คือ ก่อนเริ่มงานให้พยายามยิ้มแย้มสดใสกับลูกค้า พินอบพิเทาฝากเนื้อฝากตัวไป เวลาแปลจริงแล้วเราเกิดแปลไม่ได้ จะได้กล้าถามลูกค้า และลูกค้าจะได้เอ็นดู ล่ามเด็ก ๆ จะได้เปรียบตรงนี้นะคะ (แต่ถ้าถามบ่อย ๆ ลูกค้าก็อาจเหวี่ยงใส่ได้เช่นกัน โปรดระวังนะคะ)
จากประสบการณ์ ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจล่ามค่ะ หรือถ้าเป็นศัพท์เทคนิคที่ไม่รู้จักตอนแรก เราถามแล้วจดลงในสมุด พอเขาพูด ๆ กันอีก จะได้แปลได้เร็วขึ้น
【อื่นๆ】
เรื่องต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันระวังและทำค่ะ ไม่ใช่ข้อบังคับแต่อย่างใด แต่เป็นการคิดถึงลูกค้ามากกว่าค่ะ
• งดทานกระเทียมก่อนวันงานอย่างน้อย 2 วัน คนญี่ปุ่นไวเรื่องกลิ่นมากค่ะ
• วันงาน งดทานกระเทียม กะปิ หรืออาหารที่มีกลิ่นแรงก่อนไปทำงาน
• เตรียมลูกอมดับกลิ่นปาก (เพื่อตัวเอง) เตรียมลูกอมหรือช็อคโกแล็ต เผื่อแปล ๆ แล้วเหนื่อย หิว อยากได้พลังงาน และเผื่อแบ่งคนญี่ปุ่นที่กำลังเครียด ๆ หิว ๆ เหมือนกันด้วย
• เตรียมน้ำขวดเล็กๆ ไปด้วย บางทีแปลแล้วหิวน้ำ แต่ดันไม่มีน้ำแถวนั้น
• กระเป๋าถือ เอาแบบที่ใส่กระดาษ A4 ได้ไป เผื่อมีเอกสารต้องใส่กลับ
ที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของดิฉันทั้งสิ้น เผื่อเป็นประโยชน์บ้างนะคะ ☺ งานล่ามเป็นงานสนุก ท้าทาย และได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทุกครั้ง อย่าเพิ่งท้อนะคะ กัมบาริมาโช่!
ทักทายพูดคุยกับเกตุวดี ได้ที่ >>> เกตุวดี Marumura
อ่าน Japan Gossip ทั้งหมด CLICK HERE
เรื่องแนะนำ :
– สิ่งที่คนญี่ปุ่นสงสัยเกี่ยวกับร้านอาหารในไทย
– ทำไมคนญี่ปุ่นไม่ตกใจเวลาเกิดแผ่นดินไหว
– วิธีสังเกตสินค้าญี่ปุ่นที่ลดราคา
– Quiz ทายมารยาทสังคมญี่ปุ่น (ที่คนญี่ปุ่นเองอาจยังไม่รู้)
– การสังสรรค์ของสาวญี่ปุ่น
#ล่ามญี่ปุ่น