ญี่ปุ่นในมุมมืด ตอนที่ 42 : มิตรภาพในต่างแดน…พี่หงษ์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีชื่อติดแบล็คลิสต์ เพราะถือว่าเป็นเอเย่นต์ในการติดต่อให้กับผู้หญิงเพื่อมาหาเงินแบบสีเทาๆ และต้องมีการทำธุรกิจร่วมกับพวกยากูซ่า จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้น
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
พี่หงษ์เริ่มเดินเรื่องกลับเมืองไทยให้ผม ผมเข้าญี่ปุ่นอย่างที่รู้ ไม่มีหนังสือเดินทางติดตัว มีการบันทึกการออกจากเมืองไทยและมีการบันทึกเข้าญี่ปุ่น แต่ไม่มีการบันทึกการกลับออกจากญี่ปุ่น ทำให้ผิดกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศ
ซึ่งในขณะนั้นผมไม่รู้ข้อกฎหมายเลยว่ามีโทษขนาดไหน คิดเพียงง่ายๆ ว่าก็แค่เดินเข้าสถานทูต และก็คงถูกส่งกลับ แต่เรื่องจริงๆ มันไม่ง่ายขนาดนั้น ผมเคยทำงานแบบผิดกฎหมายในญี่ปุ่นมากหลายแบบ ทำให้กลัวว่ามีประวัติอยู่กับทางหน่วยงานราชการของทางญี่ปุ่น
พี่หงษ์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีชื่อติดแบล็คลิสต์ เพราะถือว่าเป็นเอเย่นต์ในการติดต่อให้กับผู้หญิงเพื่อมาหาเงินแบบสีเทาๆ และต้องมีการทำธุรกิจร่วมกับพวกยากูซ่า จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้น ผมเป็นคนหนึ่งที่พี่หงส์ให้ทำงานหลายๆ อย่าง จึงคิดไปเองว่าคงติดอยู่ในรายชื่อด้วย พ่อของไดน่าก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าออกเป็นเทศญี่ปุ่นแบบไม่ธรรมดา ทำให้ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับไดน่า ผมเจอพ่อไดน่าไม่ถึง 3 ครั้ง ทำให้ผมเข้าใจหัวอกของไดน่าดี
ผมเริ่มเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ นั่งมองย้อนถึงตั้งแต่เดินทางมาจนถึงปัจจุบัน หลายๆ อย่างไม่น่ารอดกลับมาได้ รู้จักคนทั้งหมดร่วมห้าสิบกว่าคน มีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น หลายๆ คนมีบุญคุณที่ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสทดแทนกันหรือเปล่าในชาตินี้ บางคนก็ช่วยเราไม่ได้หวังการตอบแทนอะไร เพียงแต่คงรู้สึกดีๆ ในขณะนั้น แล้วก็เกิดการช่วยเหลือกัน
เหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมานอกจากความบ้าบิ่นจากสถานการณ์ที่บีบรัด คงมีความโชคดีผสมอยู่ด้วย เข้าตำราที่ว่าหลังพิงฝา สุนัขจนตรอกอะไรประมาณนั้น คนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุดเป็นอาเทียร ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันนานกว่าใคร นั่งนึกทำให้นึกถึงได้อีกหลายๆ คน แต่คงจะไม่พูดถึงใครแล้ว ทุกๆ อย่างรวมไว้หมดครับสำหรับทุกๆ ความรู้สึก ความเศร้า ความสุข ความทุกข์ ความกลัว ความกล้า ความหวาดระแวง ความไว้ใจ ความโดดเดี่ยว ความคิดถึง ทุกๆ อย่างรวมเอาไว้หมด
การใช้ชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนที่เราไม่เคยรู้จัก นับหนึ่งกับสังคมที่ไม่คุ้นเคยมันยากมาก ทำยังไงให้อยู่ได้ และต้องมองหาความสุขเพื่อจะทำให้มีชีวิตอยู่รอด แม้จะเป็นการสร้างภาพหลอกๆ ว่ามีความสุข นั่งคุยคนเดียวก็ยังเคย สิ่งต่างๆเหล่านี้เมื่อเราทำได้ ก็เท่ากับเราชนะใจตัวเอง การชนะใจตัวเองเป็นด่านแรกและด่านสุดท้ายที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและ แก้ปัญหาได้ อย่างอื่นเป็นส่วนประกอบ ทุกๆ อย่างอยู่ที่ตัวเราเอง สุนัขจนตรอกน่าจะเป็นคำที่เหมาะที่สุดสำหรับผมในเวลานั้น สู้ครับสู้ทุกอย่างอยู่ข้างหน้าฝายังไม่มีที่พิงในบางครั้ง
ส่วนประกอบต่างๆ ที่ผมวิ่งเข้าไปหา และวิ่งเข้ามาหาผม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่เรียกว่าโอกาส เป็นสิ่งที่ผมเรียกมันว่ามิตรภาพในต่างแดน ก่อนผมกลับเมืองไทยสองสามอาทิตย์ผมนั่งมองย้อนถึงแต่สิ่งพวกนี้ บางอย่างก็เสียดายที่น่าทำได้ดีกว่านั้น เวลาผ่านไปเหมือนนาฬิกาที่ไม่เคยหยุดเดิน เหมือนเหตุการณ์ทั้งหมดเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง
ดีว่าผมยังมีความทรงจำที่ยังบันทึกมันไว้ จึงสามารถถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามอ่านกัน ให้มองว่าเป็นเรื่องสนุกๆ นะครับ ทุกๆ เรื่องเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่ง ที่บังเอิญชีวิตไปสะดุดเข้ากับปัญหา แล้วเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการเดินทางไปหาเงินในต่างแดน
อ่านญี่ปุ่นในมุมมืดทั้งหมด คลิ๊ก >>> ญี่ปุ่นในมุมมืด
ภาพโดย : อ.วิโรจน์ สายดนตรี
#ญี่ปุ่นในมุมมืด