ทีมญี่ปุ่น blue lock กับคำสัญญาปี 2050
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เกิดปรากฎการณ์ของทีมฟุตบอลญี่ปุ่นบุกมาชนะบอลอุ่นเครื่องกับทีมชาติเยอรมันได้ถึงในบ้านด้วยสกอร์ 1-4 จนเป็นเหตุให้ผู้จัดการทีมชาติเยอรมันถูกปลดจากตำแหน่ง
ยิ่งก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นสามารถเอาชนะทีมชาติเยอรมันและทีมสเปนในฟุตบอลโลกได้ เหมือนเป็นการประกาศศักดาว่าฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นได้ก้าวขึ้นมาอีกระดับ
ทั้งนี้หลายคนบอกว่าที่ญี่ปุ่นมีผลงานเป็นรูปธรรมนี้ ทั้งหมดทั้งมวลมาจากการวางแผน วาง road map อย่างมีหลักการของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นเลยทำให้ญี่ปุ่นมีพัฒนาการได้ถึงขนาดนี้ จุดเริ่มต้นมาจาก J league ระบบการพัฒนาผู้เล่นเยาวชน และการส่งนักกีฬาไปค้าแข้งในต่างแดน
ผมขอพูดถึงเป้าหมายของทีมชาติญี่ปุ่นสักหน่อย
ในปี 2005 สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น JFA ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2050 ด้วยโปรเจค “Dream”
ลิงค์อ้างอิง >> https://www.jfa.jp/about_jfa/plan/goal2030.html
สิ่งที่เขียนไว้ในหน้านี้ JFA เขียนเอาไว้ว่า…
+++
“คำสัญญาปี 2050”
ภายในปี 2050 เพื่อความสุขของทุกคน ขอตั้งเป้าหมายไว้สองข้อ
1. มีเพื่อนๆผู้รักฟุตบอล = soccer family* ทั้งหมด 10 ล้านคน
2. เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน FIFA world cup และญี่ปุ่นชนะเลิศการแข่งขันครั้งนั้น
*soccer family หรือ เหล่าเพื่อนๆผู้รักฟุตบอลนั้น หากดูนิยามจากเวบไซต์สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นหมายถึง ผู้เล่นและทีม ฟุตบอล ฟุตซอล กรรมการ และผู้ฝึกกรรมการ
และมีการตั้ง Milestone ไว้ระหว่างทางดังนี้…
+++
“เป้าหมายปี 2030”
“การทำให้ฟุตบอลมีความป๊อบปูล่า” โดยที่
ปี 2030 มี soccer family ทั้งหมด 8 ล้านคน
ปี 2022 มี soccer family ทั้งหมด 6ล้าน4แสนคน
ปี 2018 มี soccer family ทั้งหมด 5ล้าน6แสนคน
“เพิ่มความแข็งแกร่ง”
ทีมชาติญี่ปุ่นจะลงแข่งฟุตบอลรอบสุดท้ายทุกครั้ง และเข้ารอบรองชนะเลิศภายในปี 2030
+++
“คำสัญญา 2015”
1มี soccer family ทั้งหมด 5ล้านคน
2ทีมชาติญี่ปุ่นติดอยู่ในอันดับ top ten
+++
เราจะสังเกตได้ว่า เขาใช้คำว่า “คำสัญญา” 約束[ยะคุโซะคุ] ซึ่งให้ความรู้สึกว่า เราที่เป็นผู้รับชมเกมฟุตบอล และ ทีมฟุตบอลญี่ปุ่น “สัญญา” ว่าเราจะมาเจอกันในวันที่ทีมชาติญี่ปุ่นชนะเลิศ world cup ที่ญี่ปุ่น
กว่าจะถึงวันนั้นได้ระหว่างทาง เหล่านักฟุตบอลญี่ปุ่น และ ประเทศญี่ปุ่นก็ต้องเสียสละอะไรบางอย่างเพื่อแลกเกียรติยศนั้นมา
พวกนักฟุตบอลญี่ปุ่นจากที่เล่นใน J league ที่ก่อตั้งในปี 1993 ก็ออกมาค้าแข้งในต่างแดน เป็นผู้เล่นระดับสำรองของทีมโนเนม
จนวันนี้ นักบอลญี่ปุ่นได้มาเล่นในลีกยุโรปกันหลายคน บางคนเป็นระดับตัวหลักของสโมสรในทีมระดับกลาง เราต่างคาดหวังว่าพวกเขาจะก้าวมาเป็นระดับ Regular member ของทีมแข็งแกร่งระดับที่เป็นจ้าวยุโรปได้
ยิ่งหลังจากเหตุการณ์ฟุตบอลโลก ทำให้สื่อหลายๆแห่งหยิบยกเอาเป้าหมายของทีมชาติญี่ปุ่นที่วางไว้ที่ปี 2050 มาพูดถึง
แต่ว่า
ในมุมมองของนักเตะญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน อย่าง เอนโดะ วะตะรุ บอกว่า
“หากได้ลงเล่นฟุตบอลโลก ก็ต้องหวังอยากชนะเลิศนะ”
“ถ้าหากญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายว่าจะชนะบอลโลกในปี 2050 แล้วพวกเราไม่ได้รับการคาดหวังหรอกหรือ”
ถ้าไม่ตั้งเป้าหมายตั้งแต่แรกแล้วจะไปถึงได้หรือ
โดยส่วนตัวของผู้เขียน ก็เข้าใจได้ในความคิดเห็นของกลุ่มนักเตะชาวญี่ปุ่นที่เป็นสมาชิกทีมชาติชุดปัจจุบัน และนั้นเป็นเหตุผลที่เขาได้ไปค้าแข้งในสโมสรชั้นนำต่างประเทศ และ พาญี่ปุ่นได้บินสูงขนาดนี้
สำหรับญี่ปุ่นแล้ว ที่เห็นกำแพง ต้องข้ามกำแพงนั้นไป กำแพงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เพื่อวิวทิวทัศน์ใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเห็นคือรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก
พวกเขายังคงถ่อมตัว แต่ตั้งเป้าสูง และตั้งใจจะชนะเกมฟุตบอลด้วยวิธีการของพวกเขา จะด้วยการตั้งรับแบบมีระเบียบวินัยและโต้กลับเร็วของพวกเขา
สักวันหากเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เขาก็ต้องหาวิธีบุกเจาะทีมที่ตั้งรับแบบ low block ให้ได้
ในญี่ปุ่นมีการ์ตูนฟุตบอลเรื่อง Blue lock ที่เป็น theme ค้นหายอด Striker ที่หลายคนหยิบยกเปรียบเปรยว่าทีมชาติญี่ปุ่นก็เหมือนดั่งการ์ตูนเรื่องนี้
พวกเขาจำเป็นต้องมียอดจอมทำประตูเพื่อเจาะทีมรับลึกให้ได้
เมื่อก่อนเรามีซึบาสะสร้างแรงบันดาลใจให้นักเตะรุ่นใหม่ๆ
ปัจจุบันเรามี Blue lock
เรามีนักเตะญี่ปุ่นยุคปัจจุบันเป็นแจ็คผู้ล้มยักษ์ได้
อนาคตฟุตบอลญี่ปุ่นเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่เรามีสัญญากับพวกเขา
พวกเราหลายคนต่างมีคำสัญญากับ JFA ที่จะญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ และ ชนะเลิศบอลโลกที่นั่น
รูปประกอบโดย WALK on CLOUD
เรื่องแนะนำ :
– พระจันทร์ 月[ซึคิ]
– ชาก้า 釈迦 シャカ ต่างกับคำว่า “ Buddha“ อย่างไร
– 航 [วะตะรุ] ก้าวข้าม
– นักประพันธ์เพลง, นักกวี 詩人[ชิจิน]
– [อะระโฟ] アラフォー Around forty
อ้างอิง
– https://times.abema.tv/articles/-/10086971?page=1
#ทีมญี่ปุ่น blue lock กับคำสัญญาปี 2050