งานเขียนของ Ai Yazawa ไม่ใช่งานเขียนเพื่อประโลมโลกเพียงอย่างเดียว แต่มักจะแฝงข้อคิดหรือแนวทางของการดำรงอยู่ที่ถึงแม้จะดูเพ้อฝันในบางครั้ง แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าความเพ้อฝันนั่นล่ะ ที่ก่อร่างสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนเรามากกว่าความเป็นจริง
เมื่อพูดถึงหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว ผมคิดว่าแต่ละคนก็คงจะมีนักเขียนหรือมีผลงานที่ชื่นชอบแตกต่างกันไปตาม แนวทางของแต่ละคน แต่สำหรับผมแล้วนักเขียนการ์ตูนที่ผมเคารพและติดตามงานมาอยู่เสมอคือ ไอ ยาซาว่า (Ai Yazawa) นักเขียนเจ้าของผลงานดังๆ มากมายเช่น Paradise Kiss หรือ Nana ซึ่งล้วนได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คุณภาพมาแล้วทั้งสิ้น
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/1.png)
งานเขียนของ Ai Yazawa ไม่ใช่งานเขียนเพื่อประโลมโลกเพียงอย่างเดียว แต่เธอมักจะแฝงข้อคิดหรือแนวทางของการดำรงอยู่ที่ถึงแม้จะดูเพ้อฝันในบาง ครั้ง แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าความเพ้อฝันนั่นล่ะ ที่ก่อร่างสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนเรามากกว่าความเป็นจริงที่ดูเหมือน เป็นตัวบ่งทำลายความรู้สึกอยู่เสมอ งานเขียนของไอ ยาซาว่า มีจุดเด่นตรงที่ความบีบเค้นและถ่ายทอดความรู้สึกที่ทุกคนเคยพ้นผ่าน เพียงแต่ “ไม่อยากจะรู้สึก” หรือกระทั่ง “ลืมไปเลยว่าฉันควรจะรู้สึกแบบนั้น”… บางทีสังคมก็มีกฏเกณฑ์มากมายที่ปิดกั้นแม้กระทั่งความรู้สึกของเรา เหตุนี้ไอ ยาซาว่า คือผู้ถ่ายทอดเบื้องลึกของสังคมออกมาผ่านการ์ตูนที่เปรียบเสมือนสื่อกลางใน การสัมผัสหัวใจของผู้อ่านทุกคน
และเมื่อช่วงเดือนสองเดือนก่อนผมมีโอกาสได้เดินทางไปงานหนังสือที่แฟรงค์เฟิร์ต ตลอดจนเดินทางต่อไปยังเวียดนามเพื่อสำรวจตลาดหนังสือในภาพรวม (งานที่แฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นงานที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งวงการหนังสือจะใช้งานนี้เป็นการอ้างอิงถึง “กระแส” ที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้)
ที่นั่นผมได้พบกับตัวแทนสำนักพิมพ์ในละแวกเพื่อนบ้านเราหลายต่อหลายแห่งแสดงความต้องการที่จะเผยแพร่งานของไอ ยาซาว่ามากขึ้น โดยไม่สนใจว่าปัจจุบันนักเขียนจะต้องหยุดเขียนและไม่มีกำหนดว่าจะกลับมา เขียนต่อเมื่อไหร่ นั่นเพราะสำนักพิมพ์ต่างๆมองว่า งานเขียนของเธอ ถึงแม้ “เนื้อเรื่อง” จะยังไม่สามารถเดินต่อไปได้ แต่ “ระยะทาง” ที่เธอร่างมาให้กับงานทุกชิ้นนั้น มีความหมาย และส่งประโยชน์ต่อผู้อื่นได้จริงๆ
ดังนั้นผมจึงคิดอยากเลือก “ประโยค” หรือข้อความที่ผมประทับใจจากการ์ตูนของไอ ยาซาว่า มาให้ผู้อ่านได้สัมผัสหรือรู้จักเธอผ่านงานเขียนนี้มากยิ่งขึ้นครับ
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/2.png)
ประโยคนี้เป็นประโยคที่สะเทือนใจอย่างยิ่งครับ สาระสำคัญของเรื่องนี้คือ “การมองความทุกข์รอบตัว” ของตนเองและผู้อื่น สำหรับบางคนแล้วอาจจะมองว่า “ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” และพาลไปคิดว่าการอยู่คนเดียวของอีกคนนั้นจะไม่เป็นอะไร โดยไม่เคยมาสนใจเลยว่าเขาอยากจะอยู่คนเดียวรึเปล่าด้วยซ้ำ
มีการพูดกันว่า “อยากอยู่คนเดียว แปลว่ามีบางสิ่งรออยู่เบื้องหน้า แต่การถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หมายความว่ามีอะไรหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง” ดังนั้น “ความเข้าใจ” คือสิ่งที่เราต้องมีเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์หรือกระทั่งความรู้สึกแบบใด
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/3.png)
ไอ ยาซาว่า พยายามบอกเราเสมอว่ามนุษย์เรา สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน ต่อให้รักกันแค่ไหน เราก็กลายเป็นคนเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นความรักที่มากขึ้น คือน้ำตาที่อาจจะมากขึ้นในวันลาจาก อย่างไรก็ตาม มนุษย์เองแม้ไม่อาจรวมกันเป็นหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจแยกจากกันเป็นสอง เหตุนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ “เราต้องรัก ให้สมกับที่ถูกใครสักคนรัก”… เมื่อนั้นวันลาจาก หรือ “วันที่ต้องโดดเดี่ยว” ก็จะไม่ดูไร้ค่าจนเกินไปนัก..
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/4.png)
ในโลกของคนที่ได้รับทุกสิ่งโดยง่าย เขาจะไม่เข้าใจเลยว่าคุณค่าของ “การมี” และ “เคยมี” สำคัญแค่ไหน สำหรับมนุษย์แล้ว ความจริงข้อหนึ่งที่อาจจะดูเศร้าไปสักหน่อยคือ “ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย” มีค่าความหมายมากกว่า “การมองไปข้างหน้าโดยทิ้งเบื้องหลังไป”…
ไอ ยาซาว่า ย้ำในการ์ตูนของเธอเสมอว่า “การทับถมของอดีต คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้” ดังนั้นไม่เฉพาะเรื่องความรัก แต่หมายรวมถึง “ทุกสิ่ง ที่เคยเป็นของเรา” ย่อมมีค่าพอให้เราต้อง “กลัวที่จะสูญเสีย”… ไม่มีอะไรหรอกที่จะอยู่กับเราไปตลอด และทันทีที่เราเผลอคิดว่ามี เมื่อนั้นคือช่วงที่มันพร้อมจะหายไปจากเรามากที่สุด… ดังนั้นเราทุกคนควรฉกฉวยวันเวลา และรักษาสิ่งที่เรามีให้ดีที่สุด
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/5.png)
ประโยคสำคัญจาก Paradise Kiss เล่มแรกว่าด้วย “การตกหลุมรัก”… สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่า “การแอบรัก” และ “การตกหลุมรัก” คือช่วงเวลาที่ความรักเบ่งบานที่สุด มากกว่าการได้รับรักหรือการอยู่ร่วมกันด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเป็น เรื่องยากในความเป็นจริง นั่นเพราะสังคมล้วนตั้งเป้าหมายถึงการแอบรักเป็น “วิธีการ” และการ “ถูกรัก” เป็นผลสำเร็จ ดังนั้นผมเชื่อเสมอว่า ถ้าเราให้เวลากับการตกหลุมรัก ให้เวลากับความรักจนสุกงอมระหว่างกันคือสิ่งที่ดีที่สุด นั่นเพราะบางขณะ “เพียงรัก” ก็ไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ เพราะต่างฝ่ายล้วนต้องมีบริบทหรือเรื่องราวเฉพาะของตนที่ต้องจัดการให้ เรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าสู่เส้นทางของคนสองคน ดังนั้น “เวลา” คือสิ่งที่คนรักต้องมีให้กันเสมอ และตลอดไป…
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/6.png)
ไม่มีการทะเลาะใดหรอกครับที่จะทำให้คนเราเข้าใจกันมากขึ้น และแน่นอนเช่นกันว่าความเข้าใจที่อาจเพิ่มขึ้นจากการทะเลาะ ย่อมมาจากที่คุณเข้าใจกันไม่ดีพอตั้งแต่แรกต่างหาก ความรักที่ดีไม่ได้หมายความถึงรักที่ทำให้เรายิ้มเสมอ และรักที่ดีอาจไม่ได้สัมผัสในวันที่เราหัวเราะจนสุดใจ แต่อาจมาในวันที่เราร้องไห้จนไม่เหลืออะไรในหัวแล้วมากกว่า ความรักคือสิ่งที่ตั้งอยู่บนเส้นบางๆ ความรักคือความรู้สึกเดียวที่เปรียบเสมือนการเอาหัวใจไปเดิมพันแล้วไม่รู้ ว่ามันจะตกลงไปในฝั่งของรอยยิ้มหรือฝั่งของน้ำตา “ความคาดหวัง” จึงกลายเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดที่เกาะกินหัวใจของคู่รักและก่อให้เกิดความ เศร้าระหว่างกันในท้ายที่สุด
![](http://i771.photobucket.com/albums/xx357/marumura/Pumi/Ai%20Yazawa/7.png)
ผมขอจบบทความประจำสัปดาห์นี้ด้วยข้อคำถามอันเป็นบทเปิดเรื่องของการ์ตูน “นานะ”… มันเป็นเพียงคำถามง่ายๆ แต่ยากที่จะหาคำตอบครับ หากมองไปรอบตัวของเรา คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เราจำได้ว่าเจอกันครั้งแรกตอนไหน โดยแม้แต่คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง ของเราเอง เรายังจำไม่ได้เลยว่าวินาทีแรกที่เรารู้จักกัน คือตอนไหน…
หลายๆ อย่างต้องทำให้เราย้อนกลับมามองครับ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่บางสิ่งบางอย่างรอบตัวเรา บางทีเราก็จำที่มาที่ไปของมันไม่ได้ ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่เราอาจจะต้องใส่ใจเอาไว้บ้าง เชื่อว่าต้องมีประโยชน์เข้าสักวันอย่างแน่นอน
ย้ำอีกครั้งว่างานของไอ ยาซาว่า ถือเป็นการ์ตูนที่มีคุณค่า และหากมีโอกาสก็อยากให้หามาอ่านกันครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ