A story of a Master Woodworker :: คุณลุงช่างไม้กับฝันที่ไม่อาจรอ
ตลาดงานคราฟท์
เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนไปเดินเล่นงาน Tsuchizawa arts ซึ่งเป็นงานขายของงานคราฟท์หลากหลายประจำปีของเมืองทซึจิซะว่า จังหวัดอิวาเตะ หวังว่าจะได้พบเจอร้านที่สามารถมาร่วมงานพัฒนาสินค้าใหม่ของร้านดอกไม้เราได้
เมื่อเราเดินผ่านร้านต่างๆ ไปสักพัก สายตาก็ไปสะดุดที่ร้านหนึ่งวางสิ่งต่างๆ ที่ผลิตจากไม้เต็มไปหมด ตอนนั้นเรากำลังหาช่างไม้ที่สามารถทำงานปากกาไม้ที่จะใช้กับงาน Herbarium อยู่พอดี นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกับคุณลุงซาซากิ คิโยชิ คุณลุงช่างไม้ที่อาศัยอยู่เมืองไมอิซะว่า จังหวัดอิวาเตะ วันนี้จึงถือโอกาสมาสัมภาษณ์ช่างไม้ฝีมือดีให้ผู้อ่านชาว Marumura ได้รู้จักคนญี่ปุ่นในชนบทกันบ้างค่ะ
บ้านไม้หลังเล็ก
คุณลุงเล่าว่าแต่ก่อนทำงานข้าราชการ เป็นครูสอนที่โรงเรียนมัธยมต้นใกล้บ้าน จนวันหนึ่งตรวจพบว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง เดิมเป็นคนที่ชอบงานประดิษฐ์โดยเฉพาะงานไม้อยู่แล้ว จึงมานั่งคิดทบทวนว่าหากตนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกไม่นานแล้ว ก็อยากจะทำงานที่ตนชอบมาโดยตลอด แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำอย่างจริงจังเสียที ก่อนที่จะสายเกินไป นั่นคือ
“งานช่างไม้”
ฟังดูเหมือนจะกว้างแต่คุณลุงเองขอทำอะไรก็ได้ที่เป็นไม้ ลุงอยากทำหมด… เมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ยื่นจดหมายลาออกหลังจากที่ปรึกษาพูดคุยกับภรรยา ภรรยาจึงลาออกด้วย เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ร่วมกัน ซึ่งเขาทั้งสองก็ไม่ทราบว่าจะได้อยู่ร่วมกันอีกนานเท่าไหร่ แต่ถ้าหากงานไม้ที่จะลงมือทำไม่มีจุดมุ่งหมายก็คงจะสะเปะสะปะไร้ทิศทาง คุณลุงจึงตั้งเป้าหมายของอาชีพในฝันครั้งนี้ไว้ว่าจะขัดเกล้าฝีมือจนสามารถสร้างบ้านไม้หลังเล็กๆ ให้ได้
การเรียนรู้ไม่มีคำว่าแก่เกินวัย
คุณลุงคิดว่าการเรียนรู้นอกจากนั่งอ่านหนังสือ หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้ว การได้ลงมือปฏิบัติและสะสมชั่วโมงบินย่อมเป็นการเรียนรู้ที่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า จึงไปสมัครเป็นลูกจ้างพาร์ทไทม์ของบริษัทรับตัดไม้แห่งหนึ่ง
ถึงจะไปเป็นลูกจ้างอีกแต่คุณลุงไม่เครียดเหมือนแต่ก่อน และมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ประจวบเหมาะกับคอนเนกชั่นสมัยเป็นครู จึงได้มีโอกาสไปเป็นโค้ชชมรมเบสบอลของโรงเรียนมัธยมปลาย ทำให้ยังได้รับพลังด้านบวกจากเด็กๆ อยู่ ยามพักจากการซ้อมก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆ เพราะคุณลุงหวังอยากสร้างสรรค์ให้งานไม้ของตนนั้นสามารถใช้ได้หลากหลายกับทุกเพศทุกวัย
เสน่ห์ของงานไม้
ยามว่างคุณลุงจะนำไม้และเศษไม้ต่างๆ ที่เหลือจากที่ทำงาน มาลองทำงานแปรรูปต่างๆ แน่นอนว่าตนยังมีจุดที่จะต้องเรียนรู้ เพิ่มทักษะอีกมากมาย แต่สิ่งที่ใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้คือ อยากทำให้งานของตนออกมามีความใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยยังคงความสวยงามของทั้งสีและลายไม้ตามธรรมชาติไว้ จึงได้ศึกษาเรื่องการแปรรูปและน้ำยาแว็กซ์สำหรับเคลือบงานมากเป็นพิเศษ แต่ถือคติเสมอว่าไม่กดดันตัวเอง หากทำได้ตามความตั้งใจของตัวเองเท่าที่ทรัพยากรที่มีอยู่ตอนนี้เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ไม้ที่ตัดมาแล้วผิวไม้ยังคงหายใจอยู่ คุณลุงจึงค่อยๆ ปล่อยแห้งธรรมชาติซึ่งต้องใช้เวลามากถึง 2-3 ปี แต่มองว่ากลับทำให้งานไม้ออกมาสวยกว่าการเร่งให้เนื้อไม้แห้งด้วยเครื่องอบแห้ง
เอกลักษณ์ที่แตกต่าง
งานของคุณลุงจะพยายามเลือกใช้ไม้ที่เป็นไม้ญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ เพราะหาง่าย ราคาถูกกว่าไม้นำเข้า โดยก่อนจะลงมือทำงานชิ้นไหน ก็จะการศึกษาก่อนว่าเนื้อไม้ชนิดใดเหมาะสำหรับงานที่จะทำ
ระหว่างสนทนากับคุณลุงในห้องทำงาน คุณลุงก็ส่งยิ้มมาให้เราสองคนและบอกว่า
“ต้องขอบคุณพวกหนูนะที่ทำให้ลุงได้มีโอกาสทำงานไม้ใหม่ๆ ยิ่งได้ยินว่างานไม้ทั้งปากกาด้ามไม้ และฝาไม้บนขวดแก้วได้ไปไกลถึงประเทศไทย ลุงก็รู้สึกภูมิใจมากจริงๆ เพราะไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่างานของตนจะมีโอกาสโกอินเตอร์ และดีใจที่ลูกค้าต่างชาติได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของงานไม้ญี่ปุ่น”
มาราธอนกับคู่ชีวิต
นอกจากงานไม้แล้ว คุณลุงและภรรยานำเวลาอีกส่วนไปออกกำลังกาย โดยลงวิ่งมาราธอนตามเมืองต่างๆมาเป็นเวลา 20ปี แล้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นคือทั้งคู่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ส่วนที่เลือกวิ่งมาราธอนเพราะคิดว่าเป็นกีฬาที่เรียบง่าย ไม่รบกวนใคร สามารถออกตอนไหน ที่ไหนก็ได้ เป็นกีฬาที่ขึ้นกับพลังกายของตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือพลังใจที่จะสู้ต่อไปให้ถึงเส้นชัย
สถานที่วิ่งก็จะเลือกตามสถานที่ที่ไม่เคยไปเพราะไหนๆ ก็เสียค่าเดินทางแล้วหลังงานมาราธอนก็จะถือโอกาสเที่ยวจังหวัดนั้นๆ ไปด้วยเสียเลย ก็จะมีวิ่งเป็นคู่ เป็นกลุ่มแล้วแต่จังหวะว่างตรงกันของกลุ่มเพื่อน
ตั้งแต่งานโตเกียวมาราธอนครั้งที่ 1 ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อปี 2007 ก็ได้ไปร่วมการวิ่งแบบมาราธอนเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นก็เน้นวิ่งเฉพาะแบบนี้ตลอด ไม่ค่อยได้วิ่งฮาล์ฟมาราธอนสักเท่าไหร่แล้ว
ส่วนเมืองที่ชอบที่สุดที่ไปมาราธอนในญี่ปุ่นคงจะเป็นเมืองคานาซาวะ เพราะเป็นงานที่ของว่างระหว่างวิ่งเป็นขนมประจำเมืองที่อร่อยและมีเอกลักษณ์โดดเด่นมากๆ ค่าลงทะเบียนมาราธอนส่วนใหญ่จะอยู่ที่คนละ 10,000 เยน ก็รู้สึกคุ้มที่มีทั้งของว่างต่างๆ ของที่ระลึก และความรู้สึกที่โล่งอกหลังเข้าเส้นชัย
เมื่อปีที่แล้วได้ทำเป้าหมายในชีวิตของการวิ่งมาราธอนไปแล้ว นั่นคือการไปวิ่งที่โฮโนลูลู ฮาวาย ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ในการไปวิ่งมาราธอนที่ต่างประเทศครั้งแรก ภรรยากล่าวว่า
“วิวทิวทัศน์ระหว่างวิ่งสวยงามแต่ที่ตกใจมากๆ คือ มีแม่ลูกอ่อนที่เดินไปให้นมลูกไปด้วย เป็นภาพที่น่ารักอบอุ่นจนอดยิ้มไม่ได้เลยค่ะ”
คุณลุงทิ้งท้ายว่า
“ถึงแม้ว่างานตอนนี้จะไม่มีสวัสดิการ และรายได้น้อยลงกว่าช่วงรับราชการครู คุณหมอก็นัดให้ไปตรวจเป็นระยะๆ ตามกำหนดเพราะไม่รู้ว่าโรคร้ายจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ แต่รู้สึกดีใจที่การได้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้ายในวันนั้น กลับเป็นจุดเปลี่ยนให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ด้วยการทำงานไม้เล็กๆ ที่เรารักควบคู่ไปกับการวิ่งมาราธอนดูวิวทิวทัศน์ต่างๆ และได้ใช้ชีวิตกับภรรยามากขึ้นแบบทุกวันนี้”
เมื่อสัมภาษณ์จบลง เราก็รู้สึกปลื้มปริ่มใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ คุณลุงและภรรยาเป็นคนคิดบวกมากๆ ขออวยพรให้คุณลุงหายไวๆ ค่ะ ท่านใดที่ช่วงนี้กำลังท้อหรือเบื่องานที่ทำอยู่ อยากให้ลองอ่านบทสัมภาษณ์คุณลุงช่างไม้คนนี้ เผื่อได้เป็นแนวทางและเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปได้ดี
หากท่านใดมีความฝันให้รีบลงมือทำเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะไม่มีใครทราบได้ว่าพรุ่งนี้เราจะได้ตื่นมาและสานฝันนั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้จริงหรือไม่ เพราะทุกคนไม่ได้โชคดีเหมือนคุณลุงซาซากิที่มีโรคร้ายมาเตือนให้ลงมือทำ
รายละเอียดเกี่ยวกับงานคราฟท์ http://arttsuchizawa.com
(งานจะจัดขึ้นทุกปีช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่นวันที่3-5พฤษภาคม แต่ปีนี้ทางผู้จัดงานได้ประกาศออกมาแล้วว่างดจัดค่ะ หากปีหน้ามีโอกาสได้มาเที่ยวอิวาเตะช่วง 3 วันนี้ ก็ลองแวะไปชมงานคราฟท์ต่างๆ ดูนะคะ)
ทักทายพูดคุยกับ NOZOMI ได้ที่ www.facebook.com/japansimplelife
เรื่องแนะนำ :
– ขยะล้นโลก แล้วญี่ปุ่นจัดการยังไง
– 9 สูตรอาหารญี่ปุ่นทำทานเองที่บ้านง่ายๆ
– สถานีริมทางหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น Michi no Eki Hota Shougakkou
– Cafe & Glass Studio KAIYUUGYO คาเฟ่บ้านดินความฝันของนักเป่าแก้ว
– ทุ่งดอกมัสตาร์ดเหลืองกินดี ถ่ายรูปสวย สารพัดประโยชน์