เรียนภาษาญี่ปุ่นมาตั้งนาน… เก่งแค่ไหนแล้ว? เอาไปใช้จริงได้แค่ไหนแล้ว? อยากรู้ก็ลองสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นดูสิจ้ะ 😉
เมื่อครั้งที่แล้ว เป็นเรื่องราวของเหตุผลในการตัดสินใจเรียนภาษาญี่ปุ่น แถมด้วยการตั้งเป้าหมายในการเรียนอีกนิดหน่อย… แต่คนที่เรียนภาษา ก็ย่อมอยากจะรู้ว่าพอเราเรียนแล้ว เราเก่งขนาดไหน ดังนั้นหลายๆ ภาษาบนโลกนี้ จึงมีรูปแบบการสอบเพื่อวัดระดับความรู้ของผู้เรียนภาษาด้วย ถ้างั้นครั้งนี้จะมาพูดถึงการสอบวัดระดับของภาษาญี่ปุ่นกันสักหน่อยดีกว่า
การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ในรูปแบบหลักๆ ที่ผู้เรียนส่วนใหญ่จะต้องสอบเพื่อนำผลไปใช้ประกอบการสมัครเรียนต่อญี่ปุ่น สมัครงานในบริษัทญี่ปุ่น และใช้ประกอบการอ้างอิงคุณภาพการใช้ภาษาญี่ปุ่นในด้านอื่นๆ เอาเป็นว่า ถ้าจะทำอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็ควรสอบไว้สักหน่อย… ชื่อของการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นนี้เรียกว่า JLPT หรือ Japanese Language Proficiency Test
การสอบ JLPT นั้นแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ N1 N2 N3 N4 และ N5 ผู้ที่เจ๋งสุดคือ N1 ผู้ที่เรียนในระดับต้นๆ ก็มักจะพยายามสอบให้ได้ N3 – N5 ให้รอดกันก่อน แต่ถ้าอยากทำงานบริษัทญี่ปุ่น ไปเรียนต่อญี่ปุ่นในระดับสูงๆ ไปเป็นล่ามญี่ปุ่นที่ได้รับความเชื่อถือ ก็ต้องคว้า N1 มาให้ได้ แต่ถ้าใครเรียนไปเรื่อยๆ แบบไม่แคร์สื่ออย่างผู้เขียน จะไม่สอบเลย ก็แล้วแต่ ฮ่าๆๆๆ
เนื้อหาในการสอบ ก็เป็นทักษะโดยรวมเลย คือ คำศัพท์และไวยากรณ์ การอ่าน การฟัง ซึ่งถ้าจะให้สอบผ่าน ก็ต้องผ่านทั้ง 3 ส่วนด้วย (มีเกณฑ์คะแนนที่ต้องผ่านในแต่ละส่วน) ซึ่งต่อให้คะแนนรวมที่ได้ (จากคะแนนเต็ม 180 คะแนน) จะผ่านเกณฑ์ของคะแนนรวม แต่ถ้าดันไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนของทักษะบางส่วน ตกแค่ส่วนเดียว ก็ไม่รอดแล้วล่ะ จบข่าวจ้า
ในปัจจุบัน มีการจัดสอบ JLPT ปีละ 2 ครั้ง จัดสอบพร้อมกันทั่วโลก ปกติก็จะเป็นช่วงเดือนก.ค. (เปิดรับสมัครสอบในเดือนมี.ค.) และธ.ค. (เปิดรับสมัครสอบในเดือนส.ค.) ของทุกปี ในประเทศไทยก็มีจัดสอบเหมือนกัน มีทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สงขลา และขอนแก่น ซึ่งในไทย ทาง Japan Foundation เป็นผู้รับสมัครการสอบ JLPT นี้
ในส่วนของค่าสอบ JLPT นั้น ไม่แพงเลย ระดับ N4 – N5 อยู่ที่ 600 บาท ถ้าเป็นระดับ N1 – N3 อยู่ที่ 800 บาท ในการสอบแต่ละครั้ง ก็เลือกให้ดี พิจารณาก่อนว่าระดับภาษาญี่ปุ่นของตัวเรานั้น น่าจะประมาณไหน ไม่ใช่ว่าหวังจะสอบ N1 ทันทีเลย แต่เอาเข้าจริงๆ แค่ N3 ก็น่าจะไม่รอดแล้วมั้ง… เพราะเค้าจะให้เราเลือกสอบแค่ N เดียว ในแต่ละครั้ง จะเอา N ไหน ก็เล็งให้เหมาะกับตัวเรานะจ๊า
สอบผ่านก็ดีใจด้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่สอบในระดับที่สูงขึ้นไปนะ ยิ่งถ้าสอบทีเดียวได้ N1 เลย ก็ต้องขอคารวะ ท่านนั้นช่างประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากสอบไม่ผ่าน ก็สอบใหม่ในครั้งต่อๆ ไปได้จ้า จะสอบกี่ครั้งก็ได้ จะสอบซ้ำระดับเดิมให้ผ่านก่อนก็ได้ หรือถ้ามั่นใจ จะกระโดดข้ามไปสอบระดับที่สูงขึ้นไปเลยก็ยังได้ เอาที่สบายใจ
เป็นยังไงกันบ้างงงงง เข้าใจไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ การสอบวัดระดับของผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นเนี่ย
ใครอยากรู้เพิ่มเติม ก็ไปอ่านต่อที่นี่ได้ >> https://jeducation.com/main/education/jlpt/
สำหรับตัวผู้เขียนเอง แม้จะเรียนไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะนำผลสอบ JLPT ไปใช้ประโยชน์ใดๆ ก็เหอะ แต่ในตอนนี้… ก็แอบมีความอยากรู้ อยากขวนขวายอยู่เหมือนกันแหล่ะ ว่าฉันนั้นเรียนมาถึงระดับไหนแล้ว?!? กะว่าจะลองสอบดูเหมือนกัน เอาแค่ N3 ก็ว่าจะพอละ เพราะแค่นี้ก็น่าจะโหดหินอยู่ไม่ใช่น้อย เหอๆ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าในนิฮงโกะ ไดอารี่ นะจ้ะ (^^)/
เรื่องแนะนำ :
– นิฮงโกะ ไดอารี่… เหตุผลของผู้เริ่มต้น
– LINE Japan เตรียมเปิดตลาด “LINE NFT”
– ่ญี่ปุ่นเปิดตัวเครื่องวัดความดันที่สามารถบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ในเครื่องเดียว
– ่คาเฟ่ดนตรีแจ๊สที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นกำลังจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ภายในปี 2023
– โรงพยาบาลญี่ปุ่นทดลองใช้งานหุ่นยนต์ช่วยเคลื่อนย้ายเตียงคนไข้
ขอบคุณข้อมูล :
https://jeducation.com/main/education/jlpt/
http://jlpt.jp/e/about/index.html
http://www.jlptonlinethailand.net/2022/
http://www.jlptonlinethailand.com/2022/index.php
#นิฮงโกะ ไดอารี่… สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น #ภาษาญี่ปุ่น #jlpt