วันนี้ดิฉันจะมาเล่าถึงกิจการครอบครัวที่มีหญิงเหล็กผู้สืบทอดเป็นผู้พลิกฟื้นกิจการขึ้นมา โดยได้เปลี่ยนโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เป็นแบบผู้หญิง..ผู้หญิงค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่าน วันนี้ดิฉันจะมาเล่าถึงกิจการครอบครัวที่มีหญิงเหล็กผู้สืบทอดเป็นผู้พลิกฟื้นกิจการขึ้นมา โดยได้เปลี่ยนโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เป็นแบบผู้หญิง..ผู้หญิงค่ะ
Ueba Esou
บริษัทผู้ผลิตสีทาสำหรับศิลปะแบบญี่ปุ่น ประธานล้มป่วยลงทำให้ลูกสาว Yumi Ishida ต้องขึ้นมาบริหารแทน แต่ความต้องการของลูกค้าในการใช้สีแบบดั้งเดิมลดน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้บริษัทขาดทุน คู่แข่งที่มีมากมายกว่า 20 เจ้าก็ทยอยปิดตัวลงเช่นกัน เธอในฐานะนักบริหารมือใหม่ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เธอจึงเลือกที่จะประยุกต์ศาสตร์การผสมสีแบบดั้งเดิมด้วยส่วนผสมจากเปลือกหอยทะเลมาใช้ในการผลิตสินค้าใหม่นั่นก็คือ “ยาทาเล็บ” ซึ่งส่วนผสมดังกล่าวทำให้ยาทาเล็บมีกลิ่นฉุนน้อยกว่ายาทาเล็บแบบดั้งเดิม และทำร้ายผิวและเล็บน้อยกว่า ทำให้โรงพยาบาลกว่า 50 แห่งในญี่ปุ่นแนะนำให้คนไข้มะเร็งใช้ได้ด้วย
Umenoyado Brewery
เป็นอีกบริษัทที่ให้ Kayo Yoshida อายุ 38 ปี ประธานซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารในประวัติศาสตร์ 125 ปีของบริษัท พันธกิจของเธอคือต้องการพัฒนาสาเกที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ (เพราะความนิยมของสาเกแบบดั้งเดิมลดลง) เธอจึงใช้เวลาว่างบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเทคนิคการบ่มสาเกตามมหาวิทยาลัย และเปิดให้มีการชิมสาเกในตอนท้ายเพื่อทำการสำรวจความต้องการของตลาด
Yoshida เริ่มทำงานบริษัทเทรดดิ้งและเข้ามาบริหารโรงสาเกของครอบครัวได้ 4 ปีก่อนที่จะขอพ่อเธอขึ้นมาเป็นประธานบริษัท
ในโอกาสครบรอบ 120 ปีของบริษัท เธอได้ผลิตสาเกแบบใหม่เรียกว่า Sanpuca ซึ่งเป็นสาเกที่มีกลิ่นหอม และพัฒนาสาเกผลไม้แบบซ่าที่ผสมน้ำผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล บลูเบอรี่ มาในขวดคอสูงดูมีสไตล์ จึงสามารถวางขายในร้านอาหารฝรั่งเศสและอิตาเลียนได้ค่ะ และยังผลิตสาเกผสมบ๊วยเรียกว่า Aragoshi
Yoshida บอกว่า “เราต้องมีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง”
Shindo Kogyo
ผู้ผลิตราวยึดเฟอร์นิเจอร์กับกำแพง โดยมี Kayoko Takeuchi ขึ้นเป็นประธานคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ 66 ปีของบริษัท ตอนแรก เธอคิดว่าจะค่อยๆ เข้ามาเรียนรู้งานแต่พ่อเธอกลับล้มป่วยหนัก ทำให้เธอต้องเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานกระทันหัน
เธอได้เข้าสัมมนาธุรกิจ Start-up และปิ๊งไอเดียว่า การขายราวยึดเฟอร์นิเจอร์แบบเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งไม่ทำให้บริษัทเติบโตเพราะมีคู่แข่งมากมาย เธอจึงเปลี่ยนเป็นการออกแบบราวยึดให้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ตกแต่งห้อง ผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Labrico ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถประกอบชั้นวางและฉากกั้นได้ง่ายโดยไม่ทำลายกำแพงหรือเพดาน
แต่ก็ใช่ว่าคนจะเห็นด้วยกับความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงของเธอไปเสียหมด วิศวกรผู้มีประสบการณ์ในบริษัทกังวลต่อกำไรที่ไม่แน่นอนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพราะคิดว่าการผลิตแบบจำนวนมากนั้นเสี่ยงน้อยกว่า เธอจึงต้องหาพนักงานมาแทนที่ 2 ใน 3 ของพนักงานที่ลาออก พนักงานที่มาแทนส่วนใหญ่เป็นดีไซเนอร์และผู้หญิงคิดเป็น 40% ของพนักงานทั้งหมด
ในปัจจุบัน Labrico ฮิตในหมู่ผู้หญิงที่ต้องการตกแต่งห้องหับ เธอเล่าว่า การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นรุนแรงกว่าที่เธอคาดคิด แต่การเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งโอกาสที่ดีมาก
หลายๆ ธุรกิจที่อยู่มานานหลายสิบปีกลับเจ๊งเพราะไม่ยอมปรับตัวและยึดถือการผลิตสินค้าแบบเดิม แต่ผู้หญิงอย่างพวกเธอกลับปฏิรูปธุรกิจก่อนที่จะสายเกินไป
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– ถึงจะแก่ แต่ก็ยังสนุกกับชีวิตได้
– Osu shopping district, Nagoya พลิกฟื้นตลาดซบเซา ให้ขายดิบขายดี
– Kurasushi ร้านซูชิไฮเทค ที่ต้องการให้ทุกคนได้กินซูชิราคาประหยัด
– ผู้หญิงญี่ปุ่นในที่ทำงาน
– กฎแห่งกระจก
– สาเหตุการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่น