Kochi Ice ชื่อนี้มีสองความหมาย ความหมายแรกคือ “ไอศกรีมที่ทำในโคจิ” และความหมายที่สองคือ “ความรักในโคจิ” บริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงานเพียง 20 คน สูงถึง 400 ล้านเยน จากการผลิตไอศกรีมกว่า 30,000 อันต่อวัน
Kochi Ice คือบริษัทผู้ผลิตไอศกรีมหลากรสชาติกว่า 30 รส โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ยอดขายของบริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงานเพียง 20 คน สูงถึง 400 ล้านเยน จากการผลิตไอศกรีมกว่า 30,000 อันต่อวัน มาตรฐานส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์ทุกชนิดล้วนได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากเจ้าของบริษัทเอง
อย่ายอมแพ้ หากคุณยังไม่ได้ลงมือตีกลองด้วยตัวเอง
ฟูมิยะ ฮามามาจิ (Fumiya Hamamachi) เป็นผู้ก่อตั้งและประธานของ Kochi Ice เขาเป็นบุตรคนที่สองของครอบครัวชาวประมง และก็สืบทอดอาชีพชาวประมงหลังจากเรียนจบเพียงชั้นมัธยม
ตอนอายุ 21 ปี เขาได้แต่งงานและเปลี่ยนอาชีพไปเป็นพนักงานขายให้บริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ต่อมาบริษัทนี้ได้เปิดแผนกอาหารและเริ่มผลิตไอศกรีมขายตามห้างสรรพสินค้าด้วย ฮามามาจิ ได้ทำงานอยู่แผนกนี้เป็นเวลา 3 ปี โดยได้เดินทางทั่วประเทศเพื่อโปรโมทไอศกรีมในงานเทศกาลอาหารต่างๆทั่วประเทศรวมกว่า 300 งาน
แม้ว่าไอศกรีมของบริษัทจะขายยากและไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก แต่ฮามามาจิยังได้ลูกค้ามากกว่า 300 ราย การเป็นคนง่ายๆ และบุคลิกที่อบอุ่นของฮามามาจิ ทำให้เขาสามารถชนะใจลูกค้าจนกลับมาซื้อซ้ำ
อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีต่อมาบริษัทก็ตัดสินใจเลิกทำธุรกิจไอศกรีม แต่ฮามามาจิกลับไม่อยากเลิกทำเสียแล้วเพราะเขามีลูกค้ามากมาย เขาจึงลาออกจากบริษัทและตัดสินใจตั้งธุรกิจไอศกรีมขึ้นเอง โดยกู้เงินจากบริษัทประกันมาได้ 400,000 เยน เพื่อซื้อรถตู้เย็นเพื่อบรรจุไอศกรีมไปขายทั่วประเทศ เขาต้องผ่านอุปสรรคมากมายในช่วงดังกล่าว แต่ก็เป็นช่วงที่เขาได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับธุรกิจ เช่น การขายสินค้าที่ตรงใจผู้บริโภค การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับลูกค้า คำสอนของแม่ที่สอนว่า “อย่ายอมแพ้ หากคุณยังไม่ได้ลงมือตีกลอง คุณก็จะไม่มีวันรู้ว่าเสียงกลองเป็นอย่างไร” ทำให้เขามุ่งมั่นทำธุรกิจต่อไป
เริ่มผลิตไอศกรีมจากวัตถุดิบธรรมชาติ
ในปี 1989 สถานีโทรทัศน์ NHK ได้เผยแพร่รายการเกี่ยวกับแม่น้ำชิมันโตะในโคจิ โดยบอกว่าเป็นแม่น้ำที่สะอาดที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้โคจิเป็นที่รู้จักมากขึ้น อย่างไรก็ตามในขณะนั้นยังไม่มีธุรกิจอาหารท้องถิ่นมากนัก ฮามามาจิจึงได้ตัดสินใจที่จะทำไอศกรีมเองโดยไปเรียนวิธีทำไอศกรีมเจลาโตที่โยโกฮามาในปี 1995 เมื่อเรียนรู้วิธีทำไอศกรีม เขาได้ตั้งโรงงานไอศกรีมขึ้นในโคจิชื่อว่า Kochi Ice ซึ่งชื่อนี้มีสองความหมาย ความหมายแรกคือ “ไอศกรีมที่ทำในโคจิ” และความหมายที่สองคือ “ความรักในโคจิ”
จุดเด่นของไอศกรีมของเขาก็คือ “รสชาติ” เขาต้องการหาเทคนิคใหม่ๆ ในการทำให้ไอศกรีมอร่อยขึ้น เช่น การใส่ผิวส้มยูซุลงในไอศกรีม การสรรหามะเขือเทศชิมันโตะ มาใส่เพื่อให้ไอศกรีมมีความหวานแบบต่างๆ การใส่ลูกแพร์ ไข่โทซาจิโระ มันหวาน เกาลัด หรือเกลือธรรมชาติ ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปทั่วเพื่อสรรหาวัตถุดิบดีๆ ในโคจิมาผลิตไอศกรีม เพราะน้ำธรรมชาติและอากาศสดชื่นจากทะเลและภูเขา ทำให้ผักผลไม้ในโคจิมีรสชาติเข้มข้นและหวานฉ่ำอยู่แล้ว
เมื่อเขาหาผู้ผลิตวัตถุดิบได้แล้ว เขาจะทำสัญญาซื้อขายโดยตรงกับเกษตรกรเอง เพื่อการสื่อสารที่ใกล้ชิดและเพื่อให้ได้ราคาวัตถุดิบที่ถูกกว่า การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับเกษตรกรเหล่านั้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รสชาติและคุณภาพตามที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง
ฮามามาจิ รู้จักผู้ผลิตวัตถุดิบทุกรายเป็นอย่างดีโดยเขามักไปเยือนสวนต่างๆ เพื่อตรวจสอบการเก็บเกี่ยวและคุณภาพสินค้าด้วยตนเองอย่างละเอียด
“ถ้าผมไม่เห็นสวนผลไม้ ผมไม่สามารถจินตนาการลักษณะของผลผลิตได้” ฮามามาจิกล่าว
การทำไอศกรีมสามารถใช้วัตถุดิบที่อาจมีรูปร่างไม่สวยงามนัก เกษตรกรเหล่านี้จึงยินดีอย่างยิ่งที่จะขายพืชผลเหล่านั้น ยุทธศาสตร์ที่มีแต่ได้กันทั้งสองฝ่ายทำให้การร่วมมือระหว่างโคจิไอซ์กับเกษตรกรงต่างๆประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
มีผู้ผลิตท้องถิ่นมากมายที่มีชื่ออยู่ในแผ่นโฆษณาโคจิไอซ์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าได้ชิมรสชาติของโคจิแท้ๆ ตัวอย่างเช่น เกลือธรรมชาติที่ใช้เป็นส่วนผสมของโคจิไอซ์ผลิตโดยครอบครัวโยชิดะ ด้วยกรรมวิธีธรรมชาติล้วนๆที่ใช้เพียงลมและแสงแดด โดยคนงานต้องคนเกลือตั้งแต่ฟ้าสางไปจนถึงเวลาโพล้เพล้เป็นเวลาติดต่อกันทุกวัน โดยใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ในฤดูร้อน และ 7-8 สัปดาห์ในช่วงฤดูหนาวกว่าจะได้เกลือ
“เป็นการใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก” ครอบครัวโยชิดะกล่าว
ยอดขายพุ่งเพราะบรรจุภัณฑ์ใหม่
ในปี 2002 ฮามามาจิ ได้พบกับนักออกแบบชื่อดัง มาโกโตะ อูเมบาระซึ่งเป็นดีไซเนอร์ที่ช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้าท้องถิ่นให้โด่งดังมานักต่อนัก เขาจึงให้ช่วยออกแบบหีบห่อใหม่ให้ไอศกรีมโดยใช้สีเหลือง และใช้คำว่า “ไอศกรีมที่ผลิตในโทสะ” (ชื่อเดิมของโคจิ) และเพิ่มเติมประโยคว่า “บริษัทนี้มองหาวัตถุดิบใหม่ๆ ที่อร่อยอยู่เสมอ” และเป็นตามที่อูเมบาระคาดไว้ ยอดขายของโคจิไอซ์เพิ่มสูงถึงสามเท่าภายในเวลาเพียง 3 ปี
ในปี 2004 ฮามามาจิ ย้ายโรงงานไปที่อิโนโจและเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ยอดขายต่อปีพุ่งขึ้นถึง 400 ล้านเยน ยอดขายหลักประมาณ 95% มาจากตลาดเมืองใหญ่ๆ เช่นที่โตเกียว เพราะมีความต้องการสินค้าคุณภาพดีแม้อาจมีราคาสูงบ้างก็ตาม
แต่ฮามามาจิเล็งเห็นว่าโคจิไอศกรีมยังนับว่าเป็นสินค้าตามฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่นที่จะขายดีแค่ช่วงฤดูร้อนเท่านั้น เขาจึงต้องการหาตลาดที่มีอากาศร้อนในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่น ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง เพื่อให้ชาวต่างชาติได้รู้จักรสชาติของโคจิเช่นกัน เขาจึงเริ่มนำไอศกรีมออกขายต่างประเทศในปี 2013 โดยเดินทางไปยังประเทศเหล่านั้นเพื่อเยี่ยมชมร้านค้าปลีก โดยยืนขายไอศกรีมหน้าร้าน และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้าต่างประเทศด้วยตนเอง ถึงแม้จะพูดภาษาอังกฤษได้ไม่มากนักก็ตาม
ฮามามาจิให้คำแนะนำแก่เยาวชนว่า “ความฝันก็เหมือนความรัก เราจะไม่ยอมแพ้ถ้าเรารักใครสักคนมากๆ จริงไหม” เขากล่าวอีกว่า “คนหนุ่มสาวฉลาดและหาเงินได้ง่ายๆ แต่พวกเขาควรทำตัวโง่ลงสักหน่อย เพื่อจริงจังในการวิ่งไล่ล่าความฝันของตัวเอง” “ถ้าคุณไม่ลงมือตีกลอง คุณก็จะไม่มีวันรู้จักเสียงของมัน ก็เหมือนกับที่เราจะไม่มีวันรู้อะไรแท้จริง นอกเสียจากลงมือทำ”
คำขวัญประจำตัวเขาคือ “จินตนาการนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” คือการเปลี่ยนไอเดียที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่นไปสู่ผลิตภัณฑ์แสนอร่อย ชาวโตเกียวและดาราดังต่างเป็นลูกค้าไอศกรีมผลไม้ของโคจิไอซ์ ในขณะที่ไอศกรีมรสอื่นๆ ก็ถูกใจลูกค้าในประเทศต่างๆ
ในระหว่างทาง การทำธุรกิจของฮามามาจิมีอุปสรรคมากมายจนเคยเกือบจะล้มละลาย แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ รางวัลต่างๆ ที่เขาได้รับ ได้แก่ “โครงการสนับสนุนสำคัญของโคจิ” “1 ใน 88 ธุรกิจที่โดดเด่นของญี่ปุ่น ในปี 2011” จากรัฐบาลญี่ปุ่น
และการที่โคจิไอซ์ได้รับเลือกให้เป็น ไอศกรีมซอร์เบท อันดับหนึ่งจากหนังสือพิมพ์นิเกอิ เป็นการการันตีได้ว่าอุปสรรคไม่สามารถทำอะไรคนที่ไม่ยอมแพ้ได้เลยค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Ikigai ของจิโร่ เทพแห่งซูชิ
– Kodawari มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำให้ดีที่สุด
– แค่ใช้คำให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้
– บุคลิกโดนใจ สำเร็จได้ไวในบริษัทญี่ปุ่น
– ว่าด้วยร่มญี่ปุ่น
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก:
– http://lifeinkochi.net/2014/08/kochi-ice-inspired-ice-cream-company/
– Regional Development through Ecological Business: Unique Cases in Japanese Rural Region by Makoto Hirano