คนๆ หนึ่งที่เป็นตัวอย่างของคนที่ค้นพบ “Ikigai” และมีความปรารถนาแรงกล้าในงานที่ตัวเองทำ ก็คือ คุณจิโร่ โอโนะ เจ้าของร้านซุคิยาบาชิ จิโร่ พ่อครัวระดับมิชลิน 3 ดาวที่มีอายุมากถึง 93 ปี
ดิฉันเคยเขียนบทความเกี่ยวกับ “อิคิไก” (ikigai – 生き甲斐) หรือ “เหตุผลของการมีชีวิตอยู่” พูดง่าย ๆ ก็คือ เหตุผลที่คุณจะลุกขึ้นมายามเช้าเพื่อมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายผ่านการทำงานที่ตัวเองรัก ซึ่งเป็นงานที่ถนัด สามารถสร้างรายได้ และเป็นงานที่มีความต้องการในสังคม (https://www.marumura.com/ikigai/)
คนๆ หนึ่งที่เป็นตัวอย่างของคนที่ค้นพบ “อิคิไก” และมีความปรารถนาแรงกล้าในงานที่ตัวเองทำ ก็คือ คุณจิโร่ โอโนะ เจ้าของร้านซุคิยาบาชิ จิโร่ พ่อครัวระดับมิชลิน 3 ดาวที่มีอายุมากถึง 93 ปี ถึงแม้ว่าร้านของเขาจะเป็นร้านเล็กๆ ที่มีเพียง 10 ที่นั่งก็ตาม แต่ลูกค้าแน่นร้านขนาดต้องใช้เวลาจองร้านล่วงหน้าเป็นเดือน!
คุณจิโร่ ได้ให้ข้อคิดเรื่องอิคิไกว่า “เมื่อเราตัดสินใจว่าจะทำอาชีพอะไร เราก็ต้องทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ พัฒนาฝีมือ และมีความมุ่งมั่นทำให้ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับความสำเร็จ และจะเป็นกุญแจไปสู่การได้รับการยอมรับในที่สุด”
เขายังบอกว่า “แม้ในฝัน ผมก็ยังฝันเห็นซูชิ และฝันเห็นไอเดียใหม่ๆ ในการทำซูชิเสมอๆ”
ในวัยเด็กของคุณจิโร่เต็มไปด้วยความลำบาก เขาต้องอยู่อย่างปากกัดตีนถีบและต้องเริ่มทำงานพิเศษที่ร้านอาหารในตอนเย็นตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ดังนั้นระหว่างนั่งเรียนตอนกลางวัน เขาจึงมักเผลอหลับในชั้นเรียนเนื่องจากความเหนื่อยล้า คุณครูมักสั่งให้เขาออกไปยืนนอกห้องเพื่อทำโทษ แต่เขากลับอาศัยจังหวะนี้วิ่งไปที่ร้านอาหารเพื่อเก็บกวาดงานที่ค้างให้เสร็จหรือเพื่อทำงานตุนไว้ล่วงหน้า เพราะจะได้ลดภาระงานที่รอในเย็นวันนั้น เขาต้องยืนบนลำแข้งของตัวเองคนเดียวตั้งแต่เก้าขวบ ถึงแม้จะเคยโดนเจ้านายเตะหรือตบ แต่เขาก็ต้องต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอด
ต่อมา คุณจิโร่ออกมาเปิดร้านซูชิของตัวเอง เพราะร้านซูชิใช้ต้นทุนในการเปิดต่ำกว่าร้านอาหารประเภทอื่น “อิคิไก” มาช่วยสนับสนุนและกระตุ้นตัวเขาให้ทำซูชิที่มีคุณภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง
คนอื่นอาจคิดว่าเขาจู้จี้ เคร่งเครียดแต่เขาทำเพื่อให้ได้ซูชิที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม แสวงหากรรมวิธีเพื่อคงสภาพวัตถุดิบบางประเภทให้มีใช้ตลอดปี หรือการทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น เช่น การคิดค้นเทคนิคการหุงข้าวให้อร่อยมากขึ้น การนวดหนวดปลาหมึกเพื่อให้นุ่มอร่อย หรือการรักษาอุณหภูมิอาหารที่ดีที่สุด เขาสนใจลูกค้าที่มาร้านและจะเสิร์ฟขนาดซูชิต่างกันสำหรับลูกค้าที่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง หรือลูกค้าที่ถนัดขวาหรือซ้าย
คำว่า “ดีพอ” ไม่เคย “ดีพอ” สำหรับเขา เขาเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) และไม่เคยพอใจผลงานตัวเอง แต่กลับคอยวิพากษ์วิจารณ์รสชาติซูชิที่ตัวเองทำและหาหนทางพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อร่อยพอเขาจะไม่เสิร์ฟลูกค้าเด็ดขาด
เขาทำงานหนักมาเป็นเวลายาวนานเพราะงานและชีวิตเป็นสิ่งเดียวกัน เขามักจะออกไปทำงานตั้งแต่ตีห้าและกลับบ้านหลังสี่ทุ่มเสมอ ถึงแม้ในวันหยุดยาว คุณจิโร่ก็มักบ่นว่า “หยุดนานเกินไปและอยากกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด”
ถึงแม้ปัจจุบันเขาจะมีอายุถึง 93 ปีแล้วก็ยังทำซูชิต่อไป เพราะเขากล่าวว่า “ถ้าผมไม่ทำงาน ร่างกายผมจะไร้ค่า และผมจะเบื่อจนทนไม่ไหว”
จะเห็นได้ว่าการทำซูชิเป็นอิคิไกของคุณจิโร่ เขารู้สึกมีความสุขตลอดวันที่ได้ทำซูชิ เงินทองกลับเป็นเรื่องรองสำหรับเขา เพราะความสนใจหลักของเขาอยู่ที่ว่าจะทำซูชิให้ดีขึ้นได้อย่างไร เขามักสอนลูกๆ ว่า “จงมองไปข้างหน้า และข้างบน และพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ”
เขาเอง “อยากจะปีนต่อไปเรื่อยๆ จนถึงยอด ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่ายอดอยู่ที่ไหน”
ตามที่ได้เคยกล่าวไว้ ข้อดีของการการมีอิคิไกทำให้เรามีอายุยืนยาว สุขภาพดี เป็นสุขยิ่งขึ้น พึงพอใจมากขึ้น มีความเครียดน้อยลง และจะช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
เรื่องแนะนำ :
– Kodawari มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำให้ดีที่สุด
– แค่ใช้คำให้เป็น พูดไม่ต้องเก่งก็พลิกสถานการณ์ได้
– บุคลิกโดนใจ สำเร็จได้ไวในบริษัทญี่ปุ่น
– ว่าด้วยร่มญี่ปุ่น
– ผู้ชายญี่ปุ่นชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ
– สุนัขขี้แพ้ (ที่ไม่แพ้) แด่สาวโสดทั้งหลาย