แฟนมวยปล้ำในโอซาก้านั้นเรียกได้ว่าแตกต่างจากโตเกียวอย่างยิ่ง ถึงแม้คุณจะมีชื่อเสียงมาขนาดไหนจากโตเกียว แต่เมื่อไปโอซาก้าก็อาจจะไม่มีคนสนใจคุณเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการเดินทางไปโอซาก้าและไม่เตรียมตัวให้พร้อม จึงเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในการทำธุรกิจย่านนี้ครับ
ขณะที่เขียนบทความนี้อยู่นั้นผมอยู่ที่โอซาก้าครับ กำลังเดินทางกลับจากการแข่งขันมวยปล้ำซึ่งทางสมาคมผมได้จัดขึ้นเมื่อช่วง บ่ายวันอาทิตย์นี้เอง
ต้องบอกว่าการเดินทางครั้งนี้ถึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งครับ ส่วนหนึ่งเพราะตลาดของโอซาก้านั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งในตลาดที่แข็งที่สุดใน ประเทศ และแฟนมวยปล้ำในโอซาก้านั้นเรียกได้ว่าแตกต่างจากโตเกียวอย่างยิ่ง จนอาจกล่าวได้ว่าถึงแม้คุณจะมีชื่อเสียงมาขนาดไหนจากโตเกียว แต่เมื่อไปโอซาก้าก็อาจจะไม่มีคนสนใจคุณเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นการเดินทางไปโอซาก้าและไม่เตรียมตัวให้พร้อม จึงเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดในการทำธุรกิจย่านนี้ครับ

สาเหตุสำคัญของเรื่องนี้คืออะไร? ก่อนอื่นผมได้พูดคุยกับนักมวยปล้ำและผู้จัดหลายๆ ท่าน เขาบอกว่าปัญหาสำคัญคือวัฒนธรรมของคนในย่านนี้ที่ชอบ “ความตลก” เป็นหลัก ดังนั้นเขาจะไม่สนใจแน่นอนหากมวยปล้ำจะเก่งแทบตายแต่ไม่ตลก เพราะกีฬามวยปล้ำสำหรับพวกเขานั้นยังคงเป็นเพียง “การแสดง” ที่พวกเขามีพน้าที่มาหาความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจมองว่ามันเป็นกีฬาแบบร้อยเปอร์เซนต์อย่างที่คนอื่นมอง
ดังนั้นแล้ววงการมวยปล้ำที่เดินทางไปโอซาก้าจึงต้องหารกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ มาใช้เพื่อสร้างเสียง เฮฮา หรืออย่างน้อยก็ต้อง “มีความแตกต่างที่สามารถจำได้ง่ายก็จะช่วยได้เหมือนกัน (อนึ่งในที่นี้ผมโฟกัสไปที่สมาคมเล็กๆ เป็นหลักครับ เพราะสมาคมเล็กๆ ที่มีอยู่มากมายนั้นจะสะท้อนสถานการณ์นี้ออกมาได้ดีที่สุด ไม่นับรวมค่ายใหญ่ๆ ที่มีสื่ออยู่ในมือมากมาย และแฟนๆ ก็สามารถรู้จักนักกีฬาเหล่านั้นได้ในหลากหลายช่องทางอยู่แล้ว)
การขึ้นปล้ำของผมในวันนี้ถ้าพูดตรงๆ นั้น เสียงตอบรับก็ไม่ได้มากมายเหมือนกับที่เราได้รับในโตเกียวครับ แน่นอนพวกเขาสนุกกับการปล้ำในฐานะของกีฬา แต่มันอาจจะยังไม่สามารถเติมเต็มในส่วนของความบันเทิงสายตลกโปกฮาอย่างที่พวกเขาคาดหวังได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัญหาทางด้านการสื่อสารที่ทั้งสำเนียงก็แตกต่างกัน รวมถึงคนไทยบางคนก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ดังนั้นเราจึงมีสถานะเป็นของนอกทันที ซึ่งสำหรับพวกเขาจะรู้สึกว่าเราห่างไกลกัน ไม่เป็นมิตรและไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ง่าย

ในกรณีจะมองว่าพวกเขาเรื่องเยอะเกินไปรึเปล่า? แน่นอนว่าสำหรับคนนอกแล้วอาจเป็นแบบนั้นครับ แต่สำหรับวงการมวยปล้ำแล้วเรามองว่ามันเป็นกรณีศึกษามากกว่า เพราะในธุรกิจสายบันเทิงนั้น ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับความผิดหวังของแฟนๆ ดังนั้นหน้าที่ของเราคือสร้างความสบายใจและความสุขให้กับแฟนๆ มากที่สุด แม้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะไม่ต้องมาผิดหวังกับตัวเอง ในภายหลัง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เราคิดกันเมื่อต้องเดินทางไปโอซาก้าครับ
สาเหตุสำคัญอีกอย่างที่ทำให้สมาคมมวยปล้ำล้มเหลวที่โอซาก้า ก็คือปัญหาเรื่องการเดินทางครับ แม้แต่ค่ายใหญ่ๆ เองก็ไม่ได้ให้นักมวยปล้ำนั่งชินคันเซ็นไปทั้งหมด และด้วยตารางการปล้ำที่ถี่มากๆ บางครั้งสภาพร่างกายก็ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย (โดยส่วนใหญ่แล้วค่ายมวยปล้ำของญี่ปุ่นจะอยู่ที่โตเกียวครับ ดังนั้นต้องเดินทางกันหลายชั่วโมงมากๆ 7-8 ชั่วโมงได้เลยในบางที)

ในสมัยก่อนนั้นที่โอซาก้ามีสมาคมมวยปล้ำชื่อ “โอซาก้า โปรเรสลิ่ง” สมาคมนี้เป็นสมาคมที่แตกต่างจากสมาคมมวยปล้ำทั่วไปของญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกันที่คนทั่วไปกำลังสงสัยว่ามันทำอะไรกัน? ปรากฏว่าสมาคมนี้เติบโตในโอซาก้าได้อย่างยอดเยี่ยม จุดเด่นของสมาคมนี้คือ “ความจำง่าย และความตลก” นักมวยปล้ำเกือบทั้งหมดของค่ายนี้จะใส่หน้ากาก สร้างเอกลักษณ์ให้คนจำได้ และแมตช์ส่วนใหญ่จะเน้นความตลก ไม่ว่าจะเป็นปล้ำอยู่ดีๆ แล้วแมตช์ก็กลายเป็นสโลว์โมชั่น หรือการใส่ท่าตลกๆ การเล่นแก๊กบนเวที รวมถึงการเชิญดาราตลกมาสร้างสีสันบนเวที และเมื่อวิธีการแบบนี้สำเร็จ นักมวยปล้ำจากโอซาก้าก็เริ่มเป็นที่ต้องการของวงการมวยปล้ำทั่วญี่ปุ่น นับได้ว่าเป็นโอการครั้งสำคัญจากสถานการณ์ทางด้านวัฒนธรรมจริงๆ ครับ
ในอีกกรณีหนึ่งก็คือการสร้าง “ทีม” ซึ่งบางทีแฟนมวยปล้ำแกยังจำตัวนักมวยปล้ำแต่ละคนไม่ได้เลย แต่ก็กลับจำทีมได้ ดังนั้นก็เลือกที่จะเชียร์เป็นทีมๆ แทน ก็จะช่วยได้มากกับการประชาสัมพันธ์ครับ
วันนี้ปัญหาที่พวกผมเจอกัน อย่างที่บอกคือพวกเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร และเมื่อถามคนดูว่าใครมาชมการปล้ำของเราเป็นครั้งแรกบ้าง ก็เห็นว่ามีมากมายและสาเหตุก็คือพวกเขาไม่ได้รู้จักด้วยซ้ำว่าสมาคมของผม เป็นอย่างไร พวกเขามาเพื่อสนับสนุนนักมวยปล้ำที่เขาชอบแค่นั้นเอง อย่างไรก็ตามสำหรับผมแล้ว การที่เรามีแฟนมวยปล้ำใหม่ๆ มาร่วมชมถือเป็นเรื่องดีครับ แฟนมวยปล้ำของโอซาก้านั้นได้ชื่อว่าเป็นแฟนๆ ที่จงรักภักดีมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ และหากเราสามารถเอาชนะใจของพวกเขาได้ ก็จะเรียกได้ว่าเราคว้าแฟนๆ ชั้นดีมาครองไว้ได้นั่นเองครับ
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเฉพาะไปสักหน่อย แต่หลังๆ นี้ผมได้ดีลงานกับคนโอซาก้าบ่อยมากทั้งในธุรกิจกีฬาและธุรกิจอื่นๆ พบว่ามีประเด็นน่าสนใจมากมาย ไว้มีโอกาสจะนำมาเล่าให้ฟังกันครับ