Samurai Smartphone Parade ดำเนินเรื่องแบบปนขำโดยใช้ซามุไรเป็นตัวแสดงบอกเล่าอันตรายจากการใช้มือถือขณะเดินโดยใช้สถิติจริงที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น เช่น…
เมื่อไม่นานมานี้บริษัทมือถือญี่ปุ่น NTT Docomo ได้ทำโฆษณาสร้างสรรค์ชิ้นหนึ่งเพื่อรณรงค์การไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะเดิน
โดยโฆษณาดังกล่าวใช้ชื่อว่า Samurai Smartphone Parade ดำเนินเรื่องแบบปนขำโดยใช้ซามุไรเป็นตัวแสดงบอกเล่าอันตรายจากการใช้มือถือขณะเดินโดยใช้สถิติจริงที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น เช่น
66% ของคนเดินชนคนอื่นเพราะใช้โทรศัพท์มือถือขณะเดิน
3.6% ของคนตกจากชานชาลาเพราะใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความ
18% ของคนสะดุดล้มเพราะใช้โทรศัพท์ขณะเดิน
ปัจจุบันที่ไทยก็ไม่ค่อยต่างจากญี่ปุ่นคือ พอขึ้นรถไฟฟ้าปุ๊บก็ต่างคนต่างก้มหน้าดูมือถือตัวเอง วันก่อนดิฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสวย แต่งตัวดีแต่เดินชนเสาบีทีเอสจนเกือบล้มเพราะมัวแต่จิ้มโทรศัพท์มือถือจนไม่ได้ดูทาง วันก่อนก็ไปใช้บริการส่งไปรษณีย์ที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่รับส่งไม่สนใจลูกค้าแม้แต่ไปยืนอยู่ตรงหน้าเพราะมัวแต่เล่นไลน์ อันนี้ไม่รวมอุบัติเหตุอื่นๆ ที่เกิดจากมือถือ เช่น รถชน ตกมอเตอร์ไซต์ นั่งรถเลยป้าย ลืมของ โดนรถชนขณะข้ามถนนหรือแม้แต่โดนวิ่งราว ไม่นับรวมถึงพฤติกรรมอื่นๆ ของคนเสพย์ติดมือถือ เช่น อดข้าว เล่นเกมส์จนดึกดื่น แยกตัวจากสังคม ไม่มีสมาธิทำงาน ที่ญี่ปุ่นมีการสำรวจผู้ตายจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด ว่ามือถือของผู้ตายเหล่านั้นมีรูปถ่ายภูเขาไฟหมายความว่าคนเหล่านั้นยอมตามดีกว่าไม่อัพรูปลงโซเชียลมีเดีย พอถึงตรงนี้ตอนนี้ดิฉันมีคำถามมาถามคุณผู้อ่านค่ะ
– การเช็คโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างแรกของกิจกรรมที่คุณทำตอนตื่นนอนและเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณทำก่อนเข้านอนไหม
– คุณรู้สึกกังวล กระวนกระวายหากคุณลืมพกโทรศัพท์มือถือไหม
– คุณต้องพกโทรศัพท์ไปเข้าห้องน้ำด้วยไหม
– คุณยังใช้โทรศัพท์เวลาทานข้าวกับคนในครอบครัวหรือคนรักไหม
– คุณพอใจกับการโพสต์อะไรบนเฟซบุ้กหรือทวิตเตอร์มากกว่าการพูดคุยกับคนจริงๆ ไหม
– คุณต้องคอยหยิบโทรศัพท์เรื่อยๆ ไหม
– คุณใช้โทรศัพท์ขณะขับรถไหม
– เวลาที่ปวดไหล่ หรือปวดตา คุณก็ยังจะจิ้มโทรศัพท์ต่อไปไหม
หากคุณมีพฤติกรรมดังกล่าวข้างบนเกือบครบทุกข้อ นั่นหมายความว่าคุณเสพย์ติดโทรศัพท์มือถือแล้วล่ะค่ะ นักจิตวิทยากล่าวว่าการเสพย์ติดโทรศัพท์ก็เหมือนติดยาเสพย์ติด เลิกยากมาก และอาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าจนต้องรับการบำบัด ดิฉันคิดว่าการติดโทรศัพท์น่าจะมาจากสาเหตุต่างๆ เช่น
ใช้โทรศัพท์เพื่อฆ่าเวลา
ที่ญี่ปุ่นหลายๆ คนต้องเดินทางโดยรถไฟจากบ้านไปทำงาน และบนรถไฟฟ้าก็ห้ามคุยโทรศัพท์ การใช้มือถือเล่นเกมส์ หรือเช็คข่าวสารเป็นการฆ่าเวลาอย่างหนึ่งไม่ให้การเดินทางน่าเบื่อจนเกินไป พอใช้มากๆก็เกิดเป็นการเสพย์ติดคือวางไม่ลงต้องหยิบอยู่เรื่อยๆ
ใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามือถือก็มีประโยชน์คือมีแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้สะดวก เช่น หาร้านอาหาร แผนที่ วัดระยะทางการเดิน แต่งภาพ เข็มทิศ ฯลฯ
แก้เขิน
คงมีหลายคนมีอาการทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ในบางสถานการณ์เช่น ไม่รู้จะคุยอะไร หรือไม่รู้จะทำอะไร เป็นการแก้เชินจึงทำเป็นดูโทรศัพท์มือถือ
เช็คข่าวสารช้อมูล
มือถือมีประโยชน์มากในการเช็คข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะในสังคมเร่งรีบแบบปัจจุบัน ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นคงเห็นประโยชน์ของมือถือมากๆ เนื่องจากรถไฟหลายขบวนหยุดวิ่ง หลายๆคนจึงใช้มือถือเช็คเส้นทางได้ อย่างไรก็ตามการรับข้อมูลข่าวสารมากมายทางโทรศัพท์ทำให้อาจต้องแยกแยะว่าข้อมูลในจริงไม่จริง และอาจจะปวดหัวได้เพราะข้อมูลที่ได้รับมีมากเกินไป
เพื่อคลายเหงา
ดิฉันเชื่อว่าหากมีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คอยคุยกันด้วยความเข้าใจก็คงไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าใช้โทรศัพท์ แต่เพราะไม่มีอะไรทำหรือว่าเหงาอยากหาเพื่อนคุยจึงติดโทรศัพท์มือถือ บางคนคุยในไลน์เก่งมากแต่พอเจอตัวจริงเหมือนเป็นคนละคนเพราะกลับไม่ค่อยพูดค่อยจา
เรียกร้องการยอมรับผ่านโซเชียลมีเดีย
บางคนใช้โทรศัพท์เพราะอยากจะอัพเดทหรือแชร์ข่าวสารกับคนอื่นให้คนอื่นแสดงความชื่นชอบ พอโพสต์ไปแล้วคนชื่นชอบก็มีความสุข แต่บางทีพอโพสต์ไปไม่ค่อยได้รับความสนใจก็เป็นทุกข์เพราะจริงๆ แล้วอยากให้คนอื่นยอมรับ พอเขียนแล้วก็รอให้มีคนมาไลค์ ถ้าไม่มีก็ทุกข์อีก อันนี้เรียกว่าแสวงหาความสุขในความทุกข์ที่มีแต่เริ่มแรกค่ะ บางคนก็ขอบโพสต์เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเพื่อระบาย เช่น ให้รู้ว่าป่วยอยู่โรงพยาบาล ให้รู้ว่าเที่ยวสนุก ให้รู้ว่ามีความสุขให้รู้ว่ารวยมีรายได้หลายหลัก ฮ่าๆๆ
ดิฉันคิดว่าการใช้โทรศัพท์ควรใช้แต่พอดี และควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์บ้างในบางช่วงเวลาค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– Sekuhara ลวนลาม ตามออฟฟิส
– ทำไมคนญี่ปุ่นชอบดื่มเหล้า
– ฝึกให้ไม่คิด
– โสด เหงา สาวออฟฟิสญี่ปุ่น
– แต่งตัวยังไงให้ดูมืออาชีพ