เมื่ออากาศเริ่มเย็น หลายๆ ในญี่ปุ่นมักมีการตกแต่งหลอดไฟตามต้นไม้ เรียงยาวตามถนนหนทางต่างๆ แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำค่ะ เพราะมีการประดับไฟที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี ก็คือ Yebisu Garden Place (Ebisu Station) นั่นเองค่ะ
หลังจากเทศกาล Halloween ผ่านไป เริ่มเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน บรรยากาศเริ่มเย็นขึ้น ตามสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มประดับประดาด้วยหลอดไฟ ส่องแสงระยิบระยับยามค่ำคืนเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสกันแล้วนะคะ
ในหลายๆ ที่มีการตกแต่งหลอดไฟตามต้นไม้ เรียงยาวตามถนนหนทางต่างๆ แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่พุงโกะอยากจะแนะนำค่ะ เพราะมีการประดับไฟที่แตกต่างจากที่อื่นๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี นั่นก็คือ Yebisu Garden Place (Ebisu Station) นั่นเองค่ะ
ทุกๆ ปีตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคมของปีถัดไป ที่ลานตรงกลางของ Yebisu Gaden Place จะมีการนำโคมไฟของ Baccarat (ยี่ห้อของเครื่องแก้วเจียระนัยชั้นสูง ที่เก่าแก่ของฝรั่งเศส) มาแสดงให้ได้ชื่นชมกันแบบฟรีๆค่ะ
โคมไฟแชนเดอเลียร์ที่นำมาแสดงทุกปีนั้นมีขนาดใหญ่มาก หรูหรา เว่อร์วังอลังการงานสร้างมาก โดยปกติแล้วแต่ละปีจะแตกต่างกันไปกันไปทั้ง รูปร่าง ความสูง จำนวนคริสตัลที่ใช้ จำนวนหลอดไฟ และรายละเอียดอื่นๆ ทำให้มากี่ปีก็ไม่เบื่อค่ะ
ส่วนโคมไฟของปีนี้เป็นดีไซน์ของ Mr. Yasumiti Morita (GLAMOROUS co.,ltd.) ออกแบบโคมไฟขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Baccarat ประกอบด้วย 4 ชั้น ความสูง 8.4 เมตร กว้าง 4.6 เมตร น้ำหนัก 1.8 ตัน จำนวนหลอดไฟมากถึง 410 ดวง เป็นการฉลองครบรอบ 250 ปีของการก่อตั้ง Baccarat ค่ะ (ครบรอบ 250 ปีเมื่อปี 2014 ค่ะ และโคมไฟแชนเดอเลียร์นี้ได้นำมาแสดงไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อปีที่แล้วค่ะ เนื่องจากความอลังการงานสร้างที่ทุ่มทุนสร้างไป จึงนำมาจัดแสดงให้ได้ชมกันอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ค่ะ)
Yebisu Gaden Place นี้เริ่มนำโคมไฟแชนเดอเลียร์มาแสดงตั้งแต่ฤดูหนาวปี 1999 เป็นต้นมา
ปีนี้ (2015) ก็เป็นครั้งที่ 16 แล้วค่ะ ปีนี้จะจัดแสดงให้ได้รับชมความงดงามกันตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2015 – 11 มกราคม 2016 นะคะ
วันแรกที่เปิดไฟจะมีพิธีเปิดไฟด้วยค่ะ มีกิจกรรมตั้งแต่บ่ายๆ โดยจะมีคอรัสต่างๆ มาร้องเพลงให้รับฟังกัน และนับเคาท์ดาวน์พิธีเปิดไฟกันตอน 17:00 ทุกปีเลย แน่นอนค่ะว่าพุงโกะไม่พลาดอยู่แล้ว ไปทุกปีที่อยู่ญี่ปุ่นเลย จำนวนคนที่มาดูมากมายมหาศาลค่ะ

นอกจากโคมไฟแชนเดอเลียร์แล้ว บริเวณ Yebisu Garden Place นี้แล้ว ตรงทางเข้าบริเวณนี้ คุณจะได้พบกับต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยหลอดไฟหลากสี และของตกแต่งมากมาย เพื่อต้อนรับการมาเยือน แถมระหว่างทางเดินที่จะมุ่งหน้าไปชมโคมไฟนี้ ยังมีการประดับไฟระยิบระยับบนต้นไม้สองข้างทางอีกด้วย ช่างเป็นบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติคค่ะ
ถ้ามาชมความสวยงามของแสงไฟแล้วท้องร้องขึ้นมา ก็มีร้านอาหารมากมายให้เลือกกันตามความชอบเลยค่ะ เพราะด้านซ้ายจะเป็นห้าง Mitsukoshi และ Museum Of Yebisu Beer (11:00 – 19:00 ปิดวันจันทร์และช่วงวันหยุดยาวปีใหม่) ส่วนในตึกด้านขวาก็มีร้านอาหารให้เลือกแทบจะทุกชาติ หรือจะขึ้นลิฟต์ของ Yebisu Garden Place Office Tower ไปทานเนื้อย่างชื่อดังอย่าง Jojoen พร้อมทั้งชมบรรยากาศจากชั้น 38-39 ก็ได้ค่ะ และแน่นอนมีให้อีกหนึ่งทางเลือกที่สุดหรูและอร่อยแบบทะลุปรอทคือการไปทานอาหารฝรั่งเศส ที่ได้รับ 3 ดาวจาก Michelin นั่นก็คือ Chateau Restaurant Taillvent-Robuchon นั่นเองค่ะ

การเดินทาง Ebisu Station
– JR Yamanote Line, Saikyou Line
– Metro Hibiya Line
เดินจาก JR Ebisu Station East Exit ประมาณ 5 นาที โดยใช้ Sky walk (ทางเลื่อนอัตโนมัติค่ะ ยืนสวยๆ ไม่ต้องเดินก็ถึงได้ ^^)
พุงโกะเชื่อว่าถ้าใครได้มาเยือนแล้วหล่ะก็จะได้รับความประทับใจกับความสวยงามของสถานที่ บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติคอย่างแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเป็นทางเลือกอีกแห่งสำหรับการมาท่องเที่ยวในช่วงสิ้นปีนะคะ
(^_____พุงโกะ_____^)
ทักทายพูดคุยกับพุงโกะ ได้ที่ >>> Tokyo’s LifeStyle by พุงโกะ-สะใภ้ปลาดิบ
เรื่องแนะนำ :
– ของกินอร่อยๆ ห้ามพลาดในฤดูร้อนญี่ปุ่น
– สิ่งที่ซ่อนอยู่ในโลโก้ต่างๆ สร้างความประหลาดใจ
– ของกินอร่อยๆ ห้ามพลาดในฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่น
– ของกินอร่อยๆ ห้ามพลาดในฤดูหนาวญี่ปุ่น
– ของกินอร่อยๆ ห้ามพลาดในฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
-http://gardenplace.jp/special/1510baccarat/index.html
-http://www.japan-guide.com/e/e3028.html