เนื่องจากมีโอกาสได้พาคนญี่ปุ่นไปเที่ยวสวนน้ำเปิดใหม่ของไทยทั้ง 2 แห่ง คือที่หัวหินและพัทยา ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ ครับ เรียกเสียงฮือฮาจากผมและเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้อย่างถล่มทลาย
![]() |
ปูมิ อดีตผู้บรรยายมวยปล้ำญี่ปุ่นในสมาคมชั้นนำ และปัจจุบันเป็นผู้จัดการของสมาคมมวยปล้ำ Gatoh Move Pro Wrestling ในความร่วมมือระหว่างไทย – ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสนใจในศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เช่นปรัชญาของมิยาโมโตะ มุซาชิ หรือกระทั่งไอดอลสาว AKB48 |
สัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างสนุกสนานสำหรับผมครับ เนื่องจากมีโอกาสได้พาคนญี่ปุ่นไปเที่ยวสวนน้ำเปิดใหม่ของไทยทั้ง 2 แห่ง คือที่หัวหินและพัทยา ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ ครับ เรียกเสียงฮือฮาจากผมและเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้อย่างถล่มทลาย

โดยเฉพาะทางฝ่ายญี่ปุ่นนี่ดูจะมีความสุขเป็นพิเศษ คือจากประสบการณ์แล้วเนี่ยเวลาคนญี่ปุ่นมาไทยแล้วให้เราหาที่เที่ยวให้ ถ้าคิดอะไรไม่ออกเลือกทะเลไว้ก่อนครับ คนญี่ปุ่นรอบตัวผมชอบไปทะเลกันหมด หรืออย่างน้อยขอให้ได้เอาตัวจุ่มน้ำแล้วมีคลื่นมาปะทะเป็นใช้ได้ ทีนี้ผมก็เลยนั่งคุยกันว่าทำไมหว่าคนญี่ปุ่นถึงให้ความสนใจกับสวนน้ำเหล่านี้มาก (ทราบมาว่าหลายคนก็เดินทางจากญี่ปุ่นมาเลย) จึงถามเพื่อนๆ ว่าเขามีมุมมองกับสวนน้ำของไทยอย่างไร? ก็เลยได้คำตอบมาประมาณนี้ครับ
1. สวนน้ำไทยให้สิทธิ์คนมีรอยสัก
อันนี้สำคัญมากกกกก ผมเคยเขียนเอาไว้ในตอนเก่าๆ ว่าผมเคยโดนระเห็จไปอาบน้ำในร้านเน็ท (ช่วงที่ระบบน้ำในบ้านเสีย) เนื่องจากมีเพื่อนนักมวยปล้ำในกลุ่มสักเต็มตัวเลยจ้าาา กล่าวคือถ้าเลือกได้ อะไรที่เป็นฟีล “อาบน้ำรวม” เนี่ย คนญี่ปุ่นจะไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนที่มีรอยสักเลย ดังนั้นหากเราเคนไปจุ่มน้ำแล้วเห็นคนรอบตัวบางคนลงน้ำทั้งๆ ที่ยังแปะปลาสเตอร์ปิดแผลอยู่ อยากให้รู้ว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งหรือซาดิสต์แต่อย่างใด เพียงว่าเขาอาจจะปกปิดรอยสักอยู่ก็เป็นไดั (คือถ้ารอยสักเล็กๆ ก็หาอะไรปิดยังเอาตัวรอดได้)

ทีนี้มาถึงสวนน้ำไทย เอาเลยจ้า ไม่ต้องอะไรมาก มองซ้ายมองขวากะจำนวนได้แล้วเห็นผู้มีรอยสักเยอะมากราวกับว่าการเล่นสไลด์เดอร์นั้นต้องอาศัยความคงกระพันของร่างกายอย่างสูง แว้บแรกคนญี่ปุ่นก็มีเหวอเหมือนกัน แต่พอเห็นไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นชินและเล่นน้ำอย่างมีความสุข (กรณีนี้ถ้าเจอคนญี่ปุ่นเหวอ ให้จับไปเล่นสไลด์โหดๆ ก่อนแล้วจะสติแตก เรื่องอื่นก็จะไม่สนใจแล้ว แฮ่)
2. เครื่องเล่นอันตราย
อันนี้ไม่ใช่คำด่า แต่เป็นคำชม กล่าวคือญี่ปุ่นเป็นบ้านเมืองที่โคตรเซฟตี้และไม่แน่ใจว่าเครื่องเล่นจะปลอดภัยไปไหน (คือส่วนใหญ่ก็จะเป็นฟีลมาตรฐานโลกเนี่ยแหละ มีที่กั้น นู่นนี่ให้มันใจว่า เล่นเลยจ้ะ~ไม่ตายแน่)
แต่ในไทยมาถึงป๊าบ~ สไลด์เฉียงเกือบ 90 องศา ให้เอาตัวนอนพาดบอร์ดแล้วไถลงไป ฟีล ณ เวลานั้นแบบถ้ายกตูดขึ้นมาสักหน่อยคงได้ม้วนหน้าตีลังกาออกจากสไลด์เป็นแน่.. ยังไม่ได้ทันได้คิดต่อปรากฏว่าลื่นเว้ยยย! ตัวลื่นพรืดออกมาอยู่นอกบอร์ด (คือเขาให้ยกขาขึ้น) ทีนี้ล่ะนรกครับ คือเนื้อหนังสัมผัสกับสไลด์โดยตรง พอเล่นเสร็จแล้วนี่เห็นเป็นปานแดงปานดำอยู่ที่ขา 2 ข้างเลย น่าสงสาร ~ (จริงๆ เครื่องเล่นมันเซฟหมดนะครับ เล่นไปเถอะไม่ต้องกลัว ไอ้ที่เราเห็นไม่เซฟเนี่ยเขาคิดกันมาอย่างดีแล้ว สมมติเรากลัวแล้วทำอะไรออกนอกลู่นอกทางอาจบาดเจ็บได้เลยนะ)
3. ถ้าอายบิกินี่ จะใส่เสื้อยืดขาวทับทำไม?
อันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คืองี้ครับที่ญี่ปุ่นเนี่ยมันมีชุดว่ายน้ำหลากหลาย อย่างบิกินี่, วันพีซ หรือกระทั่งชุดที่มันเป็นกางเกงและเสื้อสปอร์ตแวร์ปิดยันคอหอยเลยด้วย ดังนั้นก็เลือกใส่ตามความเหมาะสมไปเลย เด็กญี่ปุ่นหลายคนใส่บิกินี่ อย่างน้องที่มาด้วยอายุ 14 ก็ใส่บิกินี่ คือมันเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว (กราเวียร์ดาราอายุน้อยก็เยอะสุดๆ) ทีนี้มาไทยแล้วเจอคนใส่บิกินี่ในสวนน้ำเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่จะมีเสื้อปิดครับ สีนู่นนี่นั่นก็ว่าไป แต่ไอ้สีขาวเนี่ยพอลงน้ำก็มีค่าเท่ากัน อันนี้เลยสร้างความงงอยู่พอควร (คือคนญี่ปุ่นบางคนเขาจะมองว่าชุดที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำโดยตรงอย่างพวกเสื้อยืดไรงี้มันสกปรกน่ะครับ)

4. ชอบแดดร้อน
คนญี่ปุ่นหลายคนมีนิสัยชอบอาบแดดเหมือนกันครับ นอกจากนี้ใช่ว่าทุกประเทศจะประสบความสำเร็จในการทำสวนน้ำ เนื่องจากสภาพอากาศต้องเอื้ออำนวยต่อการเล่นน้ำตลอดทั้งปีด้วย บางคนต้องเสียเงินอบผิวครั้งละเกือบหมื่นเยน ดังนั้นมาไทยจึงเป็นความฟินอย่างหาที่สุดมิได้ของพวกเขา (แม้มันจะแยกยากระหว่างอบผิวกับโดนแดดเผาก็เถอะ!!!)
สรุปแล้ว “สวนน้ำ” ได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่เราน่าจะพาคนซี่ปุ่นไปเที่ยวครับ อยู่ใกล้กรุงเทพและสามารถเดอนทางไปได้ในระยะทางไม่เกิน2.30ชั่วโมง ไม่ไกลแต่รับรองได้ว่าต้องมีความประทับใจกลับมาแน่นอน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าหรือทวิตเตอร์ @pumiiiiiiiiii ครับ