จนอายุเริ่มล่วงเลยวัยเด็ก และเริ่มจะพ้นวัยรุ่น จึงเกิดอยากกลับไปสนุกแบบเด็กๆ อีกครั้ง ประจวบเหมาะกับเป็นวันหยุดพอดี เลยขอออกจากห้องไปลุย Universal Studios Japan เสียหน่อย เพราะไหนๆ ก็มาอยู่โอซาก้าทั้งที จะไม่ไปก็ไม่ได้ (ฮ่าๆ)
เป็นเวลานานหลายปีเหมือนกันที่ไม่ได้ไปสวนสนุกเลย ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายของสวนสนุกคือตอนประมาณ ป.6 เห็นจะได้ โดยส่วนตัวการไปสวนสนุกไม่ได้สร้างความประทับใจ หรือติดตรึงใจอะไรมากขนาดนั้น เลยไม่คิดจะไปเอง ถ้าไม่มีใครชวน….
จนอายุเริ่มล่วงเลยวัยเด็ก และเริ่มจะพ้นวัยรุ่น จึงเกิดอยากกลับไปสนุกแบบเด็กๆ อีกครั้ง ประจวบเหมาะกับเป็นวันหยุดพอดี เลยขอออกจากห้องไปลุย Universal Studios Japan เสียหน่อย เพราะไหนๆ ก็มาอยู่โอซาก้าทั้งที จะไม่ไปก็ไม่ได้ (ฮ่าๆ)

USJ หรือ Universal Studios Japan ตั้งอยู่ที่โอซาก้า เป็นสวนสนุกของ Universal Studios ค่ายหนังยักษ์ใหญ่จากอเมริกา เปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี 2001 โดยเครื่องเล่นต่างๆ จะมาจากภาพยนตร์ของยูนิเวอร์แซลแทบจะทั้งหมด

วิธีการเดินทาง นั่ง JR Osaka (Loop line) มาลงสถานี Nishikujo แล้วต่อรถไฟที่จะไป Sakurajima จากนั้นก็ลงป้ายสถานี Universal City ได้เลยค่ะ โดยรถไฟขบวนที่จะไปยูเอสเจนั้น จะมีลายสกรีนเป็นเอกลักษณ์เลยค่ะ
สำหรับค่าเข้าชม สนนราคาอยู่ที่ 7,200 เยน ราวๆ สองพันบาท (เฮือก!) เด็กราคา 4,980 เยน เล่นได้ทุกเครื่องค่ะ หากไปช่วงหลังบ่ายสามโมงราคาจะลดลงเกือบครึ่งนึงเลย แล้วหากใครอยากเล่นเครื่องเล่นดังๆ ให้ครบโดยไม่ต้องรอคิวก็มีแพ็กเกจเสริมอีกนะ Express Pass Booklet จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 6,600 เยน (ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องเล่น) เวลาทำการ วันธรรมดาเปิดสิบโมงถึงหนึ่งทุ่ม วันเสาร์อาทิตย์เปิด เก้าโมงถึงสามทุ่มค่ะ วันหยุดคนมหาศาลบานตะไทมากจริงๆ ค่ะ ขนาดไปตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิด ยังมีคนมารออยู่ก่อนแล้วเยอะมาก

เอาล่ะ หลังจากรอต่อแถวซื้อตั๋วจนรากเกือบจะงอก เราก็ได้ตั๋วมาแล้วว แบ๊วเชียว ลายคิตตี้ พอผ่านด่านเข้าไปปุ๊บ อย่างกับอีกโลกนึงเลย คาแร็กเตอร์ต่างๆ ออกมาเดินทักทาย ต้อนรับกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ร้านของฝากตั้งอยู่ตั้งแต่ทางเข้าเลย ใครอยากอินเทรนด์ก็แวะไปซื้อพร็อบมาเสริมได้ แต่ถ้าหากลังเลว่าจะซื้อดีมั้ย ค่อยๆ คิดก็ได้ค่ะ เพราะมันมีตั้งขายรออยู่แทบจะทุกห้าร้อยเมตร 555 ก็สะดวกสบายกันไป ทรัพย์จางไปตามๆ กัน

การตกแต่งภายในให้อารมณ์แบบอเมริกาเลยค่ะ ฉาก ตึกที่อยู่ข้างในจำลองมาจากหนังต่างๆ ให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ในซานฟรานซิสโกเลย 555 เรามาเริ่มเครื่องเล่นแรกที่เรียกว่า Hollywood Dream รถไฟเหาะนั่นแหละค่ะ ใช้เวลายืนรอไปประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงค่ะ ประหนึ่งว่าเค้าให้เล่นฟรีก็มิปาน แถวยาวขดไปมาเป็นเขาวงกตเลยล่ะค่ะ (สะพรึงมากจริงๆ) โดยแต่ละเครื่องเล่นจะมีป้ายเขียนบอกเวลาที่ต้องรอไว้นะ จะได้รู้ว่าต้องรอนานเท่าไหร่ โซนรถไฟเหาะจะมีสองแบบค่ะ คือ Hollywood Dream กับ Back drop (ฮอลลีวูดดรีม เหาะไปข้างหน้า แบ็คดร็อป เหาะแบบถอยหลังค่ะ) อรรถรสความเสียวก็แตกต่างกันไปเนอะ แต่ผู้เขียนเล่นฮอลลีวูด ดรีมค่ะ เป็นรถไฟเหาะครั้งแรกในชีวิต ตอนรอเล่นนี้ตื่นเต้นมาก แต่พอเล่นเท่านั้นแหละ คิดอย่างเดียวว่า “ตรูมาทำอะไรบนนี้เนี่ย คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย ตกไปศพไม่สวยแน่”
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ตกค่ะ 55 หญิงแกร่งก็ไม่ท้อถอยค่ะ ไปลุยกันต่อที่ Space Fantasy ชื่อดูน่ารักดี แถมมีเด็กมาเล่นด้วย เลยคิดไปเองว่าคงจะไม่เสียวเท่าไหร่ เครื่องเล่นเป็นแนวท่องไปในอวกาศ โดยเราจะได้นั่งบนสิ่งที่คล้ายๆ กับจานยูเอฟโอ แล้วจานก็จะไหลไปตามราง ก็เสียวอยู่นะคะ ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มหลายรอบมาก555

ด้วยสังขารที่ไม่เที่ยงแท้เลยขอพักสักครู่ไปรับชมหนัง 4D โดยจะฉายเป็นช่วงๆ ค่ะ รอบเช้าผู้เขียนดูSesame Street หนังนี้เหมาะกับเด็กๆ นะคะ น่ารักสดใส เอฟเฟคไม่มาก พอหอมปากหอมคอ ส่วนช่วงบ่ายเกือบเย็นดู Shrek ค่ะ คนต่อคิวเยอะกว่า Sesame Street ขดเป็นเขาวงกตสุดสะพรึงอีกแล้วครับท่าน ไหนๆ ก็ไหนๆ ก็ร่วมขดไปด้วย แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ สนุกมาก เอฟเฟคกระจาย ทุกๆ สองนาทีเห็นจะได้

เล่นไปไม่เท่าไหร่ก็ท้องร้องแล้วล่ะค่ะ พักทานข้าวเที่ยง หากใครอยากประหยัด แนะนำว่าก่อนมาแวะซื้อเสบียงจากเซเว่นไว้ด้วยก็ดีนะคะ เพราะของข้างในราคาค่อนข้างสูงค่ะ และเช่นเคยค่ะผู้เขียนก็เตรียมมา 55 ชีวิตต้องสู้ค่ะ หาที่เหมาะๆ นั่งพื้น หยิบโอนิกิริมากินอย่างสบายอารมณ์ 55 พร้อมรับชม Rainbow Circus การแสดงของทางสวนสนุก ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามช่วงค่ะ

หนังท้องตึงหนังตาจะหย่อนไม่ได้ค่ะ (ค่าเข้าชมแพง เอาให้คุ้ม) ลุยกันต่อที่ Jaws หนังฉลามชื่อดัง บรรยากาศ และฉากต้องยอมรับจริงๆ ว่าเค้าทำได้เนี้ยบและสมจริงมาก

หลังจากสู้กับฉลาม เราก็ไปลุยกับไดโนเสาร์ต่อกันที่ Jurassic Park the Ride ค่ะ ประชากรรอคิวกันมหาศาลมาก สิริรวมเวลารอไปเบาๆ ค่ะ หนึ่งชั่วโมง พอถึงคิวเราที่จะได้เล่น น้ำตาแทบไหล (อยากขอแชร์ แต่ไม่ได้ อิอิ) โดยเครื่องเล่นนี้เป็นสไตล์ล่องแก่งไปในป่าค่ะ มีไดโนเสาร์หลายชนิดมาคอยดักซุ่มอยู่ตามทางที่ล่องไป จุดไคลแมกซ์อยู่ตอนใกล้จบ เหมือนเราหลุดเข้าไปในโกดังที่เก็บเหล่าไดโนเสาร์ไว้ และ และ บู้มม ไหลลงมากลายเป็น โกโกครั้น (ไม่ใช่ละ)


หลังจากทักทายกับไดโนเสาร์เสร็จก็เดินมาตรงโซนสำหรับเด็ก แวะทักทายกับสนูปปี้ คิตติ้ และเหล่าผองเพื่อนค่ะ ผู้เขียนเองทนความน่ารักไม่ไหว เลยเข้าช่วงชิงตัวคาแรกเตอร์ ลูซี่ สาวน้อยในเรื่องสนูปปี้ และชักภาพร่วมกันได้ค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่ เจ้าสนูปปี้นี่เล่นตัวมาก ไม่ยอมถ่ายด้วย พอถึงคิวเราแล้วเมินไปถ่ายกับคนอื่นอย่างหน้าตาเฉย! หญิงไทยใจกล้าไม่ยอมค่ะ เดินเข้าไปบอก “นี่ๆ ขอถ่ายด้วยนะ เรามาจากเมืองไทย เราอยากเจอนายมาก ขอนะ นะ” เจอดราม่าเข้าไป พี่สนูปปี้จะไม่ยอมได้ไงละคะ 5555

เสร็จสิ้นภารกิจแย่งเด็กถ่ายรูป55 ก็มาลุยกันต่อที่ Back to the Future the ride โดยจะมีศาสตราจารย์สติเฟื่อง คอยตอนรับ ทักทายเรา (ผ่านคลิปวีดีโอ) แล้วให้เราไปลุยกับโลกอนาคตด้วยกันค่ะลักษณะเครื่องเล่นจะเป็นรถ ค่ะ โดยเราเข้าไปนั่ง ซึ่งรถจะแค่ขยับ โยกๆ อยู่กับที่ธรรมดาค่ะ แต่ข้างหน้าเราจะเป็นจอหนังขนาดใหญ่ฉายภาพการผจญไฟ ทั้งบุกน้ำ ลุยไฟ ซาวนด์เอฟเฟก แสงสีสมจริง ค่ะ

เกือบเย็นแล้วใกล้ถึงเวลาพาเหรด the Magical Star Light Parade ระหว่างรอเวลา ผู้เขียนและสหายร่วมทีมก็ไปเดินชมวิวรอบๆ และถ่ายภาพซึมซับบรรยากาศก่อนกลับค่ะ สำหรับ the Magical Star Light Parade เป็นพาเหรดที่ใช้แสงไฟมาสร้างความโดดเด่นเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกความฝัน ผ่านตัวละครดังจากนิทานเรื่องเล่ายอดนิยมอย่าง Cinderella, Arabian Night, Alice in Wonderland เป็นต้นค่ะ

เสียดายจริงๆ ที่ช่วงนั้น สไปเดอร์แมน เครื่องเล่นยอดฮิตปิดปรับปรุง และหนึ่งวันเต็มๆ ที่ยูนิเวอร์แซลก็จบลงด้วยรอยยิ้ม นานมากที่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับการเล่นอะไรแบบนี้ เป็นหนึ่งวันที่ได้ทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง ยิ้ม หัวเราะให้กับคาแร็กเตอร์ที่ชื่นชอบ สนุกกับเครื่องเล่นและโชว์ตลอดทั้งวันเรียกได้ว่า USJ ได้ปลุกความเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง
ผู้เขียนเชื่อว่า ทุกคนมีความเป็นเด็กค่ะ อย่าปล่อยให้อายุมาทำลายความสุขแบบเด็กๆ ลองทำอะไรสนุกๆย้อนวัยก็ดีเหมือนกันนะคะ