Mirai นี่มาจากภาษาญี่ปุ่นคำว่า 未来 [มิไร] หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง อนาคตที่ยังมาไม่ถึงที่ว่านี้ก็ให้ฟีลเหมือนกับโดราเอมอนที่มาจากศตวรรษที่ 22 ยากที่จะทราบได้เวิร์คไม่เวิร์ค
เล่าโดย วสุ มารุมุระ
หลานป่าน : ปู่ๆ ปู่เคยได้ยินเรื่องรถยนต์ “Mirai” ของโตโยต้าไหม
ปู่วสุ : แน่นอน ปู่รู้อยู่แล้ว รถยนต์ที่ใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCV : Fuel cell vehicle) ประกาศออกมาตั้ง 1 ปีแล้วหนิ
หลานป่าน : แล้วมันมีอะไรพิเศษหรอปู่?
ปู่วสุ : รถมันจะไม่ปล่อยก๊าซไอเสีย สิ่งที่จะปล่อยออกมาคือ “น้ำ” เท่านั้น นั่นก็หมายความว่าในท้องถนนจะไม่เหม็นด้วยก๊าซอีกต่อไป จะมีแค่น้ำหยดแหมะๆ ลงบนพื้นเท่านั้น
หลานป่าน : แล้วถนนมันจะลื่นไหม เป็นแบบนั้น?
ปู่วสุ : นิดๆ หน่อยๆ เอาน่า… รถเมล์บ้านเราก็ปล่อยน้ำแอร์ลงพื้นเยอะๆ มิเห็นเป็นไรเลย แถมบ้านเราก็มีแต่หน้าร้อน หน้าร้อนกว่า และหน้าร้อนที่สุด เดี๋ยวน้ำก็ระเหยไปหมดแหละ
หลานป่าน : ถ้างั้นเมืองไทยคงไม่มีปัญหาหรอก ถ้ามันมาขายที่บ้านเราสักวันแล้วญี่ปุ่นล่ะ ขนาดเกียวโตะยังมี 4 ฤดูเลย?
ปู่วสุ : (ไอ้นี่ก็ช่างถาม) กับการเริ่มต้นอะไรสักอย่างก็อาจต้องมีปัญหา ลองใช้จริงแล้วคงจะรู้แหละ
หลานป่าน : ครับปู่ แล้วไอ้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงที่ว่านี้เป็นไงครับ
ปู่วสุ : ตรงนี้ตอบยากนะ เอาง่ายๆ นะคือว่า หากลองเปลี่ยนเป็นคำถามว่ารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงขับเคลื่อนได้อย่างไร ในรถยนต์นี้ก็มีมอเตอร์ ซึ่งมอเตอร์ก็ต้องการพลังงานไฟฟ้า และระบบเซลล์เชื้อเพลิงจะสร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานเคมี พลังงานเคมีที่ว่านี้จะเกิดจากปฎิกิริยาของก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจน ที่จะก่อให้เกิดพลังงาน และ “ของเสีย” จากปฏิกิริยาก็คือน้ำนี่เอง…ตามทันไหมป่าน?
หลานป่าน : มันก็ฟังดูยากนิดนึงครับเอาเป็นว่า พลังงานต้นตอมาจากก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจนใช่ไหมครับ
ปู่วสุ : ใช่แล้ว รถยนต์ “Mirai” นี้จะบรรจุถังก๊าซไฮโดรเจนไว้กับรถและตามตัวรถจะมีช่องรับเอาออกซิเจนจากอากาศภายนอกมาทำปฏิกิริยาทางเคมีในตัวรถ
หลานป่าน : แล้วทำไมเขาถึงเพิ่งมาทำให้ออกมาเป็นรถยนต์ขายได้ในตอนนี้ละ
ปู่วสุ : มันก็มีเหตุผลหลายอย่างกว่าที่จะออกมาเป็นรถสำหรับเพื่อค้าขายทั่วไป ทางโตโยต้าก็ต้องหาวิธีลดต้นทุนในการผลิตเพื่อสามารถสร้างรถที่มีสนนราคาให้คนทั่วไปพอหาซื้อกันได้ ปัจจุบันก็ยังตกที่ราคา 7,236,000 เยน แต่ถ้ารวมเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับรถที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติแบบนี้แล้วจะตกเหลือที่ประมาณ 5,000,000 เยน
หลานป่าน : แล้วรวมๆ แล้ว รถยนต์ “Mirai” นี่เวลาวิ่งเป็นไงครับ แว้นไหม
ปู่วสุ : ก็คล้ายๆ รถไฟฟ้าที่เราอาจจะเคยนั่งในสนามกอลฟ์หรือห้างสรรพสินค้าพารากอน หรือไม่ก็รถ Prius ตอนออกตัว เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ รถก็จะสามารถเร่งได้ทันใจไม่เหมือนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน และด้วยว่ารถยนต์ “Mirai” นี้ไม่มีเครื่องยนต์แล้วก็จะไม่มีเสียงเครื่องยนต์ให้ได้ยินด้วย ปกติจะได้ยินแค่เสียงมอเตอร์หมุนดัง “คีนนนนน” แต่ถ้าเร่งความเร็วแล้วละก็ จะได้ยินเสียง “ก่อวววววว” ซึ่งเป็นเสียงหัวปั๊มทำงานส่งก๊าซไฮโดรเจนเข้าไปเยอะๆ เท่าที่ทราบมาเห็นว่าวิ่งได้ที่ความเร็วจริงๆอยู่ที่ประมาณ 120 km/h แต่สเปคของโตโยต้าบอกว่าเร็วสูงสุดที่ 175 km/h
ปู่วสุ : แถมในรถยนต์จะมีปุ่ม “เทน้ำทิ้ง” ให้ระบาย “ของเสีย” ที่เป็นน้ำลงพื้นด้วยละ
หลานป่าน : ถ้าอย่างงี้เราก็เลือกเทน้ำทิ้งได้ตามความเหมาะสมสินะครับ ไม่ใช่ถ่ายเรี่ยราด
ปู่วสุ : น่าจะประมาณนั้น
หลานป่าน : นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่รถเขาขาย สรุปแล้วมันดีไหม
ปู่วสุ : มันก็นะ เนื่องจากใช้ก๊าซไฮโดรเจน มันก็ต้องมีที่เติมก๊าซไฮโดรเจน เหมือนกับรถยนต์ทั่วไปที่มีปั๊มน้ำมัน แต่พวกสถานีเติมก๊าซไฮโดรเจนมันยังไม่มีทั่วถึงนะ รถยนต์แม้สามารถวิ่งได้ 540 km จากการเติมก๊าซครั้งเดียว แต่ถ้าคิดถึงจำนวนสถานีแล้ววิ่งในระยะ 400 km จะเซฟกว่าถ้ามีปั๊มก๊าซไฮโดรเจนให้เติม คนญี่ปุ่นก็บ่นๆ ว่าจะหาติดตั้งสถานีเติมที่บ้านได้ไหม แต่ดูท่าทางจะต้องใช้เงินพอสมควรและไม่ใช่หนทางที่สมเหตุสมผล
หลานป่าน : โดยรวมแล้วการที่มีรถยนต์ “Mirai” นี่มันดีหรือไม่ดีละครับ
ปู่วสุ : โตโยต้าก็เป็นบริษัทที่ก็ต้องการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้สังคม เป้าหมายหนึ่งที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ การสร้างรถยนต์ไฮบริดคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ลดปริมาณก๊าซไอเสีย และรถยนต์ FCV “มิไร” นี่ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งของโตโยต้า
หลานป่าน : แต่ว่าคิดๆ ดูแล้ว เขาว่าคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ก็เริ่มใช้รถยนต์น้อยลง ก็อย่างว่ามีรถไฟฟ้าที่สะดวกกว่า บางประเทศอย่างสวีเดนก็มีการจัดงานวัน Car free day เพื่อลดก๊าซเสียและลดอุบัติเหตุด้วย แบบนี้โตโยต้าเดินมาถูกทางไหมครับในแง่ของสังคม
ปู่วสุ : ก็พูดยากนะ ก่อนอื่นขออธิบายถึงที่มาของคำว่า “Mirai” ในชื่อรถ FCV คันนี้
Mirai นี่มาจากภาษาญี่ปุ่นคำว่า 未来 [มิไร] หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง อนาคตที่ยังมาไม่ถึงที่ว่านี้ก็ให้ฟีลเหมือนกับโดราเอมอนที่มาจากศตวรรษที่ 22 ยากที่จะทราบได้เวิร์คไม่เวิร์คสำหรับ รถ FCV นี้
ในแง่วิศวกร : ประสบการณ์ในการพัฒนารถยนต์ก็จะอยู่คู่กับเหล่าวิศวกร
ในแง่ผู้บริหาร : การสร้างรถ FCV เพื่อรถที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติก็เป็นการเดิมพันอย่างหนึ่ง
หลานป่าน : ครับ ชีวิตก็มีการเดิมพันบ้างและประสบการณ์ที่ได้มาจะติดตัวไปกับเรา
ปู่วสุ : ใช่แล้ว มันจะติดตัวไปกับผู้ที่ลงมือทำเท่านั้น
เล่าโดย : วสุ มารุมุระ
ทักทายพูดคุยกับ Wasu ได้ที่ >>> Facebook Wasu’s thought on Japan
เรื่องแนะนำ :
– สีแดงสองแบบที่มี ”ความหมาย” ในญี่ปุ่น “อะคะ” [赤] และ “คุเระไน [紅]
– สีแดงและสีขาวในญี่ปุ่น
– Cool Japan!? ญี่ปุ่น…. เท่
– อ่านอีกรอบ “South of the border, west of the sun” ของ Murakami
– สำเนียงคันไซ ตอนที่ 2 : อาโฮ่ (โปรดอ่านก่อนใช้)