วิชายุทธ วิถีเซน by Lordofwar Nick
เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (2) “ฮิชิเรียว” 非思量 เมื่อการ “ไม่หยุดคิด” คือทางรอด
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน พบกันอีกแล้วนะครับสำหรับ “เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู” คราวที่แล้วยอมรับครับว่าบ้าพลังไปหน่อย เขียนเยอะมากกกก (กอไก่หลายๆ ตัว) วันนี้จะเอาแบบพอดีๆ ละกัน ซึ่งผมจะเขียนซีรี่ส์นี้สลับกับการเล่าเรื่องชีวิตนักเรียนในญี่ปุ่น (ซึ่งพอปี 2006 เรื่องเที่ยวจะเยอะมากหน่อยเพราะเป็นปีสั่งลา) ไปจนกะว่าจะให้จบตอนสุดท้าย (คือตอนรับปริญญา) ที่ตอนสิ้นเดือนกันยายนปีนี้ ให้ครบรอบ 15 ปีที่เรียนจบมา จากนั้นก็จะเขียนเรื่องของปรัชญาชีวิต + BJJ ไปเรื่อยๆ อาจมีเรื่องอื่นแทรกบ้างบางสัปดาห์ ยังไงก็ติดตามกันด้วยนะครับ
วันนี้ขอยกเรื่องเล่าจากในหนังสือเล่มเดียวเล่มเดิมของพระอาจารย์ไทเซนมาเล่านะครับ
กาลครั้งหนึ่งยุคเอโดะ มีซามูไรคนหนึ่งออกเดินทางเพื่อเสาะหา “เคล็ดวิชาดาบ” ไปถึงเมืองคามาคุระ ยามดึกดื่นเที่ยงคืน เดินขึ้นบันไดไม่รู้กี่ขั้นไปไหว้ศาลเจ้าฮาจิมัน พอเดินลงมาขากลับ ทันใดนั้น ปรากฎปิศาจอยู่ใต้ต้นไม้ ซามูไรชักดาบฟันฉับเดียวปิศาจเลือดนองพื้นตายสนิท
เป็นเหตุการณ์คราวนี้ ที่ทำให้ซามูไรเข้าใจแล้วว่าอะไรคือ “เคล็ดวิชาดาบ” หาใช่เทพฮาจิมันมาบอกเคล็ดวิชาดาบไม่
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าแบบว่า พอเห็นปิศาจเข้า ซามูไรก็หยุดคิดว่า “โอ้ นั่นมันปิศาจนี่” “จะฆ่ามันอย่างไรดี” หรือลังเลว่าจะสู้หรือจะหนีดี?
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองดูคำคมของ Saulo Ribeiro อันนี้นะครับ
(ที่มา https://thegentleartist.com/saulo-ribeiro-quote/)
“ถ้าคุณคิด คุณจะช้า ถ้าคุณช้า คุณจะใช้เรี่ยวแรง ถ้าคุณใช้เรี่ยวแรง คุณจะหมดแรง และถ้าคุณหมดแรงเมื่อไหร่ คุณตาย”
เซนนั่นเป็นธรรมะที่อยู่เหนือถ้อยคำ คือพูดแต่ปากยังไงก็ไม่ซึ้ง ถ้าอยากซึ้งกับคำคมของ Saulo Ribeiro ลองไปเข้าคลาสเรียน BJJ แล้วพอถึงตอน free sparring แล้ว โดน side control หรือโดน mount แล้วดิ้นรนแบบคนไม่มวย เหนื่อยล้า หมดแรง แล้วก็โดน submission ไปอย่างง่ายดายดูสัก หลายๆ ทีดูครับ
แล้วเมื่อคุณสามารถอดทนกับการโดน submission หลายๆ ทีและเริ่มศึกษาวิธีการแก้/กัน เช่น escape/guard แล้วก็ฝึกฝนมันซ้ำๆ จนเมื่อคุณทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ (คือทำโดยไม่ต้องคิด พออีกฝ่ายเข้ามาแบบนี้ เราเคลื่อนไหวไปได้เอง) คุณก็จะเข้าใจ “เคล็ดวิชา” เหมือนอย่างซามูไรในเรื่องเล่าข้างต้น
สิ่งนี้ในเซนเรียกว่า ฮิชิเรียว 非思量 (ไม่คิด) ซึ่งความหมายลึกลงไปคือการละวางจากความยึดติด คืออะไรมันจะมาก็ปล่อยให้มันไหลผ่านไป
คนเล่นบีเจเจมือใหม่หลายคนเวลากลัวเมื่อโดนเข้ารัดเข้ากอด มักจะยืดแขนพยายามผลักจนสุดล้า หารู้ไม่ว่าการยืดแขนออกสุดเนี่ยเป็นเหยื่ออย่างดีของการโดนรัดแขน หลายคนดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์จนหมดแรงแล้วก็โดนซับมิชชั่นอย่างง่ายๆ และเจ็บปวด
การที่เราจะเอาชนะความกลัว (ความกลัวทำให้เราเกิดความคิดยึดติด คำว่าความคิดยึดติดก็คือการที่เรา “ถูกขัง” หรือ “ถูกบางสิ่งเข้าจับกุม” จนเราขยับไปไหนไม่ได้ มองไม่เห็นหนทาง ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โทราวาเระ とらわれ เราก็ต้องเรียนรู้เทคนิคว่าเวลาแบบนี้ๆ ต้องทำอย่างไร ฝึกซ้ำๆ แบบที่ฝรั่งเรียกว่า muscle memory นั่นแหละครับ และก็ผ่านการลองผิดลองถูกในการสแปร์ริ่งหลายๆ หน จนวันหนึ่งเราก็จะใช้ท่าพวก escape/guard ได้เอง
ในการฝึกวิชาต่อสู้ ถ้ายัง “หยุดคิด” ยัง “ลังเล” แปลว่าเราฝึกมาไม่มากพอครับ เพราะถ้าเราฝึกมากพอ เราจะไม่กลัว ไม่เกิดความคิดยึดติด (ว่า ฉันจะทำไงดีน๊า ฉันจะใช้ท่านี้ๆ ดีไหม) เรื่องนี้พูดง่าย แต่การทำให้ได้จริงก็ต้องฝึกซ้ำๆ ย้ำๆ ไปเรื่อยๆ ครับ
จะยกตัวอย่างเรื่อง “ความคิดยึดติด” ของตัวเองบนเบาะให้ฟังนะครับ
สมัยก่อนปีที่แล้ว ผมเป็นคนที่ทักษะ take down ห่วยมาก โดน single-leg take down แล้วไม่เคยแก้หรือหลบได้เลย โค้ชเคยสอนท่าแก้แล้วแต่ก็ไม่จำ ตอนไปแข่งสยามคัพ 2020 โค้ชเลยบอกให้ใช้ pull guard ซึ่งพอหลังจากกลับมาแล้วก็รู้สึกอายตัวเองว่าตัวเองงี่เง่า (pull guard มันเป็นกลยุทธ์ที่ใช้สำหรับการแข่งบนเบาะ ไม่ใช่ของที่ควรใช้เวลาต่อสู้จริง) เลยรู้สึกว่าต้องฝึกท่าทุ่มหรือเทคดาวน์ให้ได้จริงๆ สักท่าก่อน เลยนั่งดูวิดีโอยูโดในยูทูป ดูไปเรื่อยๆ จนถึงท่า “สุมิกาเอชิ” พอดี ก็ดูไว้ พออีกวัน โดน single-leg take down อยู่ ตกใจมาก เลยคว้าหลังเสื้ออีกฝ่าย หย่อนสะโพกลง เท้าขวาที่โดนจับมันเข้าตำแหน่งช้อนสะโพกพอดี หย่อนก้นได้ที่แล้ว เตะออกไป กลายเป็นว่าเข้าท่าสุมิกาเอชิได้เฉยเลย?
สุมิกาเอชิ 隅返 ที่มา Wikipedia
แต่พอผมใช้ท่านี้กับคู่ซ้อมคนเดิมในการสแปร์ริ่งได้สามครั้ง หลังจากนั้นพวกก็พากันไปใช้ double-leg takedown กันหมด ผมก็ต้องไปหาท่าใหม่มาแก้กันต่อไปน่ะนะครับ (ฮา) และถ้าพูดตามเนื้อผ้า หากเราพึ่งพาแค่ไม่กีท่า โดยเฉพาะสุเตมิ เราจะไม่พัฒนา ก็ต้องฝึกหัดท่าทุ่มสายเกี่ยวขา จำพวกโอโซโตะการิให้ใช้ได้จริงๆ ด้วย (ทำให้คู่ต่อสู้ล้มโดยเราไม่ล้มไปด้วย)
และพอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ใช่ของใหม่นะ ผมแค่ทำในสิ่งที่เคยมีคนทำได้นานแล้ว (ฮา)
แถมมีอยู่วันหนึ่ง ความที่ไม่เคยทุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่าได้ด้วยท่านี้ พอเข้าท่านี้เสร็จ เลื้อยไป mount ได้ ด้วยความลิงโลดวิ้ดวิ้วแค่ชั่วแวบเดียว ผมโดนพลิกกลับจากบนมาอยู่ล่าง game over เลยครับ
นี่แหละที่เรียกว่า “ความคิดยึดติด”
จะเห็นว่าการฝึกฝนจิตใจในแนวทางเซน (ผ่านการฝึกวิชาต่อสู้) นั้น ไม่ใช่สิ่งที่แบบ พอทำได้ เย้ จบละ พอ มันก็ต้องฝึกตัวเองซ้ำๆ วนๆ ไป “จนกว่าโยมจะตายนั่นแหละ” อย่างที่พระอาจารย์ไทเซนว่า
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือประเด็นเรื่องคำว่า Youtube warrior ซึ่งบางทีในแวดวงฝรั่งใช้เป็นคำแดกดันประมาณว่าพวกที่ชอบดูกระบวนท่าใน Youtube แล้วเอาไปขิง ไปโชว์บนเบาะ (ว่ากูเรียนท่ายากจากยูทูปนะกูเก่งนะ บลาๆๆ) เนี่ย สำหรับผม จะพูดว่าไงดีล่ะ โอเคไม่มีอะไรดีเท่ากับการไปซ้อมที่ยิม ไปเจอเพื่อนที่ยิม ไปเล่นบนเบาะอีกแล้ว (ตอนนี้ พฤษภาคม 2021 กับการที่ยิมปิดเพราะโควิด น่าเศร้าจริง) แต่ว่าการขวนขวายหาความรู้และแรงบันดาลใจจากแหล่งความรู้อื่นๆ ผมเห็นว่ามันจำเป็นมากๆๆๆ (ไม้ยมกยี่สิบตัว) โดยเฉพาะกับสายขาวอย่างผมครับ เทคนิคกระบวนท่าต่างๆ ในบีเจเจนั้นมีทั้งท่าที่มาจากยูโดและมวยปล้ำ ในร้อยท่าอาจมีท่าที่เหมาะกับเราอาจจะแค่ท่าสองท่าก็ได้ (คำเปรียบเปรย) เราก็ต้องขวนขวายที่จะหาเทคนิคหรือวิธีการที่ใช่สำหรับ “เฉพาะตัวเราเอง” ด้วยครับ นอกเหนือไปจากการเรียนเทคนิคมาตรฐานจากครู ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพครู แต่ว่าอย่าลืมว่าคนเรานั้นต่างกันทั้ง อายุ รูปร่าง (สูงต่ำ อ้วนผอม) ความแข็งแรง ความยืดหยุ่นของร่างกาย จิตใจอุปนิสัย (ที่พุทธศาสนาเรียกว่า จริต) เราก็ต้องค้นหาว่าอะไร ท่วงท่ากระบวนท่าแบบไหนที่ถูกจริตเรา
ฝากรูปให้ดูเล่นก่อนจากกันวันนี้ อันนี้ถ่ายกับคุณ Moto ตอนน่าจะกันยายน 2020 คนนี้ดีกรีแชมป์รายการยูยิตสูชิงแชมป์ประเทศไทยปี 2020 เลยนะครับ อันนี้เจอกันที่งานสัมมนาของอาจารย์ Olavo Abreu ครับ
สัปดาห์ขอคั่นรายการกลับไปที่ชีวิตที่ญี่ปุ่นปี 2006 ชมนกชมไม้กันต่อนะครับผม ยังไงก็ติดตามกันด้วยนะครับผม อัพตอนใหม่ทุกวันเสาร์ครับ (แน่ะ)
เรื่องแนะนำ :
– เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (1) “จนกว่าโยมจะตายน่ะแหล่ะ”
– เที่ยวเกียวโตแบบกระท่อนกระแท่น (2) คินคาคุจิศาลาทอง และวังหลวงเกียวโต
– เที่ยวเกียวโตแบบกระท่อนกระแท่น (1) อาราชิยามะ รถไฟ Torokko และก็ Bamboo Groove บลาๆๆ
– เก็บตกปี 2005 แบบว่าไม่มีอะไรทำเลยไปดูปิกาจูที่ Expoland
– น้ำตกมิโน่เมื่อใกล้หน้าหนาว และขึ้นดอยไปชมวัดคัตสึโอจิ 勝尾寺 ส่งท้ายปี 2005
#เซนกับบราซิลเลียนยูยิตสู (2) “ฮิชิเรียว” 非思量 เมื่อการ “ไม่หยุดคิด” คือทางรอด