ชีวิตการซูชิและสุราของข้าพเจ้า (1)
เมื่อผมเสพติดซูชิหมุนร้อยเยน
คราวที่แล้วผมได้เล่าเรื่องการกินในชีวิตประจำวันอย่างธรรมดาไปละ ซึ่งผมเองจะจำกัดงบให้ตัวเองเลยว่า กินอยู่ในงบไม่เกินหนึ่งพันเยนต่อวัน ความที่เป็นคนตื่นสาย หลายครั้งจึงกินแค่สองมื้อต่อวัน คือมื้อเที่ยงกับมื้อเย็น ส่วนน้ำดื่มนั้นผมชอบซื้อน้ำดื่มขวดใหญ่แบบ 1500 cc ติดห้องไว้ ขวดละ 99 เยน (ถ้าจำไม่ผิด) ทุกวันนี้ยังชอบซื้อน้ำดื่มขวดใหญ่ประมาณนี้ขวดละ 14 บาทติดรถ บางทีก็ได้เป็นของแถมเติมน้ำมัน บางทีก็ซื้อถูกๆ ตามโปรโมชั่น คนออกกำลังกายน้ำดื่มต้องมีติดไว้เสมออย่าได้ขาด ครับ
ทีนี้ในตอนนี้จะมาพูดเรื่องการกินเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ที่อยากจะหย่อนใจบ้าง โดยมากมักเป็นวันศุกร์ครับที่ผมจะนั่งรถเมล์ออกไปหาอะไรกิน ถ้าวันไหนตั้งใจหน่อยก็ไปถึงเซ็นริจูโอ แต่ถ้าเอาสะดวกไม่อยากนั่งรถเมล์ไกลเอาง่ายก็ตรงย่าน อาโอชินเกะ 粟生新家 ตรงทางหลวงสาย 171 ซึ่งมองไปแล้วร้านของกินแบบว่า อยากกินอะไร จิ้มเอาเลยครับ ขอให้มีสตางค์ในกระเป๋าเท่านั้นแหละ
KFC ครับ ลงมาตรงสี่แยกเจอก่อนเลย มีไดรฟ์ทรู แต่เดี๋ยวก่อน ของแบบนี้เมืองไทยสมัยนี้ก็มี แต่ที่เมืองไทยมาจนถึงปี 2021 แล้วยังไม่กล้ามี นั่นคือ ไก่ทอดบุฟเฟต์ครับ เตร่ง เตร๊ง ราคา 800 เยนเท่านั้น (ราคานี้ยังไม่รวมภาษี) แปดร้อยเยนเท่านั้นกินไก่ไม่อั้นครับ มีสปาเกตตี้ สลัดผัก ขนมจีบทอดให้กินด้วย วางอยู่บนไลน์ไปตักเอาเองนะครับ มีน้ำอัดลมรีฟิลด้วย (ไปกดเอาเองนะครับ) ฟังแล้วเหมือนจะดีครับ แต่บอกตรงๆ ของแบบนี้ กินไม่เกินสามชิ้นก็เต็มที่แล้วครับ (ฮา)
เอิ่ม ผมเข้าใจครับว่าจะโฆษณาไก่ทอดสไตล์เอเชีย แต่ไม่ต้องขนาดจับผู้พันมานุ่งโสร่งก็ได้นะครับ (ฮา)
มองไปอีกฟากของสี่แยก เจอมิสเตอร์โคนัท
จัดสักนิด
ประเดี๋ยวก่อนนะ ผมพาดหัวเรื่องซูชิไม่ใช่เหรอ โอเคผมจะเข้าเรื่องแล้วครับท่านผู้อ่าน
ในบรรดาอาหารพิเศษสุดสัปดาห์ ไม่มีอะไรที่ผมกินได้กินดีและกินบ่อยๆ กินถี่ๆ กินได้แทบทุกสัปดาห์ได้เท่ากับ ซูชิหมุนร้อยเยน ร้อยเยนนี่คือ จานละร้อยเยนนะครับ หนึ่งจานมีสองชิ้น เว้นแต่รายการสเปเชียลบางตัวอาจมาแค่ชิ้นเดียว ร้านนี้เลยครับที่กินประจำ คุระซูชิ くら寿司 ไปส่องเมนูกันได้ว่ามีอะไรน่ากินบ้างที่นี่ https://www.kurasushi.co.jp/menu/?area=area0
ที่นี่เลยครับ
เวลาเข้าไปก็สบายๆ ครับ มาคนเดียวนั่งเคาน์เตอร์ แต่ก่อนการสั่งอาหารจะใช้การกดอินเตอร์โฟน พอตอนหลังสะดวกขึ้นไปอีก ใช้หน้าจอสัมผัสเลยครับ สบายสุดๆ
ซูชิที่นี่เขาจะไม่ใส่วาซาบิมาในข้าวนะครับเพราะเป็นร้านที่พ่อแม่พาลูกๆ มากินเยอะ แน่นอนผมกินได้ทุกอย่างครับ ถ้าของที่ชอบๆ และเมืองไทยไม่มีก็จะเป็นพวกยุคเคะ (ปลาดิบสับคลุกไข่แดง) ใส่หน้ากุนคังมากิ (ข้าวห่อสาหร่ายรูปรีๆ อย่างเรือรบ เขาเลยเรียกว่าข้าวห่อ “เรือรบ” 軍艦 นั่นแล) และก็พวกที่ปั้นมาเบิ้มๆ จานละชิ้นเดียวแบบที่เรียกว่า อิคคัน 一貫 ที่ชอบๆ มันๆ เลยก็ โอโทโร่ จูโทโร่ คือเนื้อตรงพุงปลา บ้างก็กินปลาอะจิใส่ต้นหอมซอย แซ่บๆ และก็พวกอะคะเอบิ 赤エビ
ร้านนี้ความที่เป็นร้านแนวร้านอาหารสำหรับครอบครัว ก็จะมีของตลกๆ แบบที่เด็กๆ ชอบ เช่นกุนคังมากิหน้าสลัด หรือกุ้งมายองเนส หรือข้าวปั้นหน้ากุ้งเทมปุระอะไรทำนองนี้ เคยเจอกุนคังมากิหน้าเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ด้วยครับ (ฮา) นอกจากซูชิแล้ว ก็จะมีของกินอื่นๆ อย่างอุด้ง ไข่ตุ๋น ของหวานจำพวกพันนาคอดต้าก็มี และขาดไม่ได้คือ เบียร์สดครับ มีเครื่องหยอดเหรียญหยอดแล้วเอาแก้วไปรินเองคนเดียวได้เลย
สมัยก่อนตอนอ้วนๆ พีคๆ ผมกินมื้อหนึ่ง 15 จานซูชินะ เท่ากับขนาดธรรมดาสามสิบชิ้น พอลดน้ำหนักลง กินเหลือแค่มื้อละ 7 จานครับ
ของแปลกๆ เฉพาะฤดูที่เคยกิน ที่จำได้แม่นก็คือ ชิราโกะ (“ลูกขาว” 白子) ชื่อน่ารักมาก กินเข้าไปได้ มาตอนหลังรู้ว่ามันคือ “ถุงน้ำเชื้อของปลา” นี่ เอิ่ม…. ชิราโกะปกติเขาเอาใส่กุนคังมากิ ราดน้ำส้มพอนซุกิน เอาเปรี้ยวๆ ตัดคาว แต่ผมก็เคยกินแบบที่เอาชิราโกะไปทอดเทมปุระด้วย อันนี้กินที่ร้านแห่งหนึ่งที่สนามบินคันไซ
ใครไปดูเมนูตามลิงค์ที่ผมให้มา สังเกตอะไรอย่างไหมครับ….
ว่า…
ไม่มีแคลิฟอร์เนียมากิ นะครับ (ฮา) จะไปมีได้อย่างไรล่ะครับ นั่นมันอาหารญี่ปุ่นแบบอเมริกัน คนขายซูชิที่โน่นเขาประดิษฐ์อาหารขึ้นใหม่เอาใจฝรั่งครับ ไม่มี๊ อยู่ญี่ปุ่นหาแคลิฟอร์เนียมากิกินก้อไม่ได้ ฟิลาเดเฟียมากิ (ใส่ฟิลาเดฟียชีส) สไปเดอร์มากิ ที่ญี่ปุ่นน่ะ ไม่มี๊ ไม่มี
ผมเคยกินซูชิหมุนแบบที่ไม่ใช่จานละร้อยเยนอยู่สองทีครับ อร่อยกว่าจริงของดีกว่าแต่ก็ตามราคาครับ เช็กบิลมา บางทีแตะห้าพันเยน ถ้ากินซูชิหมุนร้อยเยน หนึ่งมื้อ สองพันกว่าเยนก็อิ่มคุ้มครับเหมาะแก่อัตภาพของนักศึกษา (ฮา)
บางทีนอกจากคุระซูชิแล้วถ้าวันไหนผมอารมณ์ดีๆ เดินไปถึงแถวอิมะมิยะ ก็มีร้านซูชิหมุนร้อยเยนอีกเจ้าคือ ซูชิโร่ ก็เคยได้กินอยู่เหมือนกัน
นอกจากซูชิแล้วอีกอย่างที่ผมชอบกินรองลงมาก็คือ สปาเก็ตตี้ ที่ญี่ปุ่นมีร้านที่ขายสปาเก็ตตี้เป็นหลักแล้วมีเมนูเสริมจำพวกพิซซ่าอยู่เหมือนกัน ซึ่งสปาเกตตี้สไตล์ญี่ปุ่นก็มีพวกสปาเก็ตตี้ใส่เม็นไทโกะ (ไข่ปลาดองแดงๆ เผ็ดๆ) บ้าง สปาเก็ตตี้ใส่เห็ดบ้าง ส่วนตัวผมชอบ “เปเปรอนจิโน่” คือสปาเก็ตตี้ผัดน้ำมันมะกอกพริกแห้ง บนทางหลวนสาย 171 ก็มีร้านนี้ที่ผมไปกินเป็นบางคราวคือ Jolly Pasta
ถ้าข้ามสะพานลอยไป มองลองมาจะเห็นวิวแบบนี้
มองไปอีกทาง จะเห็นว่าขวามือมีมิสเตอร์โดนัท ร้านคัตสึ แอนด์ คัตสี และก็แมคโดนัลด์ ซ้ายมือ ณ ตอนนั้นเป็นร้านให้เช่าดีวีดี ขายหนังสือ ตอนนี้ไปสำรวจในกูเกิลแมปล่าสุด ดูเหมือนจะหายไปละร้านดีวีดี กลายเป็นร้านขายยาแทน
ดูแล้วหิวเนาะ
ถ้าผมบ่ายหน้าไปทางอิมะมิยะ 今宮 ก็จะมีอีกร้านที่ผมชอบกิน ก็คือ เกี๊ยวซ่า โนะ โอโช 餃子の王将
ร้านเกี๊ยวซ่า โนะ โอโช ร้านนี้นอกจากไปกินเกี๊ยวซ่าแล้ว บางทีก็กินอาหารจีนง่ายๆ เช่นหน่อไม้ผัดไข่ด้วย กินเป็นกับข้าวน่ะครับสั่งข้าวเปล่ามาถ้วยหนึ่งก็อิ่มได้ นอกจากนั้นก็อาจเปลี่ยนไปกิน ฮอยโคโร (หมูผัดกะหล่ำปลี) 回鍋肉 หรือกุยข่ายผัดตับ (เลบะนิระ レバニラ炒め) ก็ดีนะครับ
ร้านอาหารจีน เคย์คิน 桂琴 ทีแรกก็เป็นร้านอาหารจีนตามสั่งทั่วไป ตอนหลังพยายามจะเป็นติ๋มซำบุฟเฟต์บ้าง แต่อาหารบอกตรงๆ คุณภาพไม่ค่อยได้ ไม่ได้มีอะไรชวนให้กินซ้ำ สุดท้ายก็ปิดกิจการไปก่อนผมจะเรียนจบเสียอีก
เดี๋ยวขอเป็นตอนหน้าจะมาพูดให้ฟังว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นดื่มสุราและเมรัยอะไรได้บ้าง และเรายังอยู่กันตรงแถวอาโอชินเกะนี่แหละครับ
เรื่องแนะนำ :
– ชีวิตข้าวกล่อง Bento Life กับโรงอาหารที่รัก
– อยู่อำเภอมิโน่ เที่ยวน้ำตกมิโน่
– “ความทรงจำและคำอำลา” บ๊ายบาย หอพักนักเรียนนานาชาติคันไซ
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (3) วิชาต่อสู้ของญี่ปุ่นที่คนไทยไม่ (น่าจะ) รู้จัก
– ตามหาวิชาดาบอิไอ (2) พื้นฐานของวิชาดาบอิไอ
#ชีวิตการซูชิและสุราของข้าพเจ้า (1) เมื่อผมเสพติดซูชิหมุนร้อยเยน