จงกล้าทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไม่ได้ กล้าลงทุนในสิ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว อย่าเพิ่งเลิกล้มหากเจออุปสรรคเพียงเพราะความสามารถเราในตอนนั้นยังไม่มากพอ
6 สิงหาคม 1945 เครื่องบินรบสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ Little boy ใส่เมืองฮิโรชิม่า ประชาชนกว่า 140,000 คนเสียชีวิต
9 สิงหาคม ปีเดียวกัน อีก 80,000 ชีวิตในนางาซากิจากโลกนี้ไปด้วยระเบิดลูกที่ 2 Fat man
6 วันให้หลังรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ ต้องใช้หนี้สงคราม เศรษฐกิจในประเทศเข้าขั้นวิกฤต
แต่นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการท้าทายแห่งทศวรรษ
1950 หลังสงครามโลก 5 ปี ผู้คนในต่างจังหวัดดิ้นรนเข้ามาสู่โตเกียวและโอซาก้า 2 เมืองใหญ่ทางเศรษฐกิจเพื่อหางาน
โตเกียวและโอซาก้าห่างกัน 515 กิโลเมตร การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมง
รัฐบาลญี่ปุ่นเล็งเห็นว่าหากไม่ลดระยะเวลาเดินทางเศรษฐกิจคงไม่ฟื้น
1955 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศโครงการรถไฟความเร็วสูง
6 เดือนให้หลังทีมวิศวกรคิดค้นรถไฟที่มีความเร็ว 105 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้สำเร็จ แต่ประธานโครงการกลับขอรถไฟที่ทำความเร็วเฉลี่ยได้ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทีมวิศวกรอธิบายความเป็นไปไม่ได้ว่าสภาพภูมิศาสตร์ระหว่างสองเมืองนี้มีภูเขาเยอะระหว่างที่รถไฟเข้าโค้งในหุบเขาแรงหนีศูนย์กลางจะทำให้รถไฟตกรางได้
แล้วทำไมต้องโค้ง ทำไมไม่ทำเป็นเส้นตรง
คำถามที่น่าสนใจเกิดขึ้น เป็นที่มาของการเจาะภูเขาสร้างอุโมงค์รถไฟครั้งประวัติศาสตร์ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นเช่นกัน
ข้อมูลจาก Wikipedia ระบุว่าญี่ปุ่นตัดสินใจกู้เงิน 80 ล้านดอลล่าร์สหรัฐกับ World Bank เพื่อโครงการนี้
3 เดือนหลังจากนั้นไอเดียรถไฟที่ทำความเร็วได้ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็สำเร็จ ต่อยอดไปสู่รถไฟที่มีเครื่องยนต์ในทุก โบกี้ชุดฟันเฟืองที่มีแรงเสียดทานลดลง รางที่รองรับน้ำหนักโครงสร้างหัวจักรได้ดียิ่งขึ้นและกว้างขึ้นจาก 1,036 เป็น 1,435 มิลลิเมตร
9 ปีหลังจากประกาศโครงการ 1 ตุลาคม 1964 Shinji Sogo ประธาน Japan National Railway และ Hideo Shima หัวหน้าวิศวกร สามารถนำผู้โดยสารในรถไฟความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางจากโตเกียวผ่านอุโมงค์และไปส่งที่โอซาก้าในเวลาเพียง 3:58 ชม
เร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า !!!
เป็นการเปิดตัวที่ทันให้บริการ Tokyo Olympic (10-24 ตุลาคม 1964) พอดี
โลกรู้จักรถไฟความเร็วสูงนี้ในนามว่า Shinkansen
ในปี 1967 Shinkansen ได้ให้บริการผู้โดยสารกว่า 100 ล้านคน และมีผลให้ตัวเลข GDP (Gross Domestic Product) ของญี่ปุ่นเพิ่มจาก 81 เป็น 479 Billion US dollar ในเวลาเพียง 10 ปี (1964-1974)
เรื่องนี้สอนผมว่า
จงกล้าทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไม่ได้ กล้าลงทุนในสิ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว อย่าเพิ่งเลิกล้มหากเจออุปสรรคเพียงเพราะความสามารถเราในตอนนั้นยังไม่มากพอ
เพราะศักยภาพของมนุษย์นั้นมีมากกว่าที่เราคิด
อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ตั้งใจ
“Start your impossible”
Global Theme ของ Toyota ในวันที่ Tokyo Olympic 2020 กลับมาเยือนอีกครั้ง
พวกเราหละครับมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ที่อยากให้เป็นจริงบ้างไหมฮะ
ก่อนจะพูดว่าทำไม่ได้ จงลองทำ
Sakichi Toyoda
บิดาผู้ก่อตั้งบริษัท Toyota
#เก่งงานแบบญี่ปุ่นคุณก็ทำได้
#SenseiPae
ติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ Facebook: Leanovative Thinking By Sensei Lek & Sensei Pae
เรื่องแนะนำ :
– มีวินัยอะไรก็เป็นไปได้
– ต้องรอด!!! 10 เรื่องควรรู้ก่อนไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น
– หลักสื่อสารแบบญี่ปุ่น อยากเป็นผู้จัดการยิ่งต้องรู้
– 7 นิสัยที่คนไทยไม่ชินเมื่อร่วมงานกับชาวญี่ปุ่น
– 5 คำศัพท์ที่ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นชอบใช้ เข้าใจไปไกลกว่าคนอื่น