“ป๊อกกี้ช่วยชีวิตในยามจิตตก”
เวลาเห็นเลข 11/11 ทุกท่านคิดถึงอะไรกันบ้างคะ?
เดาว่าส่วนใหญ่น่าจะนึกถึงมหกรรมการลดราคาของสินค้าทุกสิ่งอย่างทั้งในห้างและออนไลน์ที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอสอยของราคาถูกคุณภาพดี
หลายคนอาจไม่รู้ว่าที่ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็น “วันแห่งป๊อกกี้และเพรทซ์” (ポッキー&プリッツの日) ที่เริ่มมีการจัดงานตั้งแต่ปี 1999 โดย บริษัท Ezaki Glico เพื่อส่งเสริมการขายและมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ส่วนเหตุผลที่เลือกวันนี้ คือ พอเขียนวันที่เป็นตัวเลข “II II” เพราะทำให้นึกถึงขนมป็อกกี้และเพรซที่เป็นที่นิยมรสชาติอร่อยหาซื้อได้ง่าย
ในปี 1967 โรงงานขนมขบเคี้ยวเอซากิ กูลิโกะต้องการสร้างขนมชนิดใหม่ที่ต่อยอดมาจาก “เพรทซ์” ผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งเป็นขนมปังกรอบแบบแท่งยาว ไอเดียแรกเป็นการนำช็อกโกแลตมาเคลือบขนมปังนี้ทั้งแท่ง แต่มีการดัดแปลงให้เหลือพื้นที่ส่วนปลายของขนมปังไว้ เพื่อที่คนกินจะได้จับส่วนนี้โดยมือไม่เลอะช๊อคโกแลตที่เคลือบไว้ ช่วงแรกที่วางจำหน่ายใช้ชื่อว่า ช็อกโกเทก (Chocoteck) ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างดีเกินกว่าที่คาดไว้มาก ๆ จากกลุ่มวัยรุ่น จนยอดขายใน 2 ปีแรกขายได้ถึง 3 หมื่นล้านเยน!! ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อเป็น ป๊อกกี้ (Pocky) เพื่อให้คล้องกับเสียงที่เกิดขึ้นเวลากัดขนมที่ดัง “ป๊กกิ้น” ( ポッキン) (คิดภาพตามแล้วอยากกินขึ้นมาเลยค่ะ55)
หลังจากที่ป๊อกกี้ช๊อคโกแลตโด่งดัง บริษัทเลยเริ่มผลิตขนมลักษณะเดียวกันออกมาแต่เปลี่ยนรสชาติ เช่น เคลือบครีมรสสตรอเบอร์รี่, อัลมอนด์ และการพัฒนารสชาติแตกออกไปอีกหลายตระกูล เช่น
. ป๊อกกี้ จุ๊บุ-จุ๊บุ: เคลือบครีมกลิ่นผลไม้ มีเกล็ดผลไม้หวานอมเปรี้ยว
. มูสป๊อกกี้: ป็อกกี้สูตรหรู วัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยม เช่น ครีมชีสจากเยอรมัน นมจากฝรั่งเศส เป็นครีมเคลือบบนแท่งขนมปังช็อกโกแลต
จนถึงปัจจุบันทางบริษัทยังมีการพัฒนาป๊อกกี้รูปแบบใหม่ออกมาเรื่อย ๆ (ตามชิมไม่ทัน T^T) บางรสที่แรร์หายากมากถึงกับมีการประมูลกันเลยทีเดียว
ป็อกกี้เป็นขนมที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Soft power วัฒนธรรม J-Pop ที่คนทั่วโลกนิยมกันมาก เช่น มีป๊อกกี้ปรากฏในหนังการ์ตูนไปจนถึงแฟชั่น นอกจากนี้ยังมี community ที่เป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางเชื่อมโยงติ่งป๊อกกี้หลายร้อยเว็บ รวมไปถึงเว็บ “pockystreet” ที่ทางบริษัทกูลิโกะได้เปิดขึ้นเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม
>> ป๊อกกี้ช่วยชีวิตในยามจิตตก
เวลาที่คนเราเจอกับความเครียด คนส่วนใหญ่จะมีความอยากกินของหวานมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้น เป็นกลไกการทำงานของสมองที่ต้องการน้ำตาลเป็นรางวัลให้กับตัวเอง หากหันไปมองบริเวณที่ใช้อ่านหนังสือ/ทำงานของหลายคน ภาพที่เห็น คือ ขนมของหวานจำนวนมากเพื่อที่จะได้หยิบกินได้สะดวก ป๊อกกี้ยอดฮิตเป็นหนึ่งในรางวัลปลอบประโลมใจในยามเหนื่อยล้า
@ ทำไมกินของหวานแล้วมันฟินล่ะ?
การทำงานของสมองมีระบบการให้รางวัล “Brain Reward System” ซึ่งประกอบไปด้วยสมองหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน สารสื่อประสาทหลักที่ทำหน้าที่ช่วยให้เกิดความสุข คือ “โดพามีน” (dopamine) เมื่อร่างกายได้รับสารที่กระตุ้นการหลั่งโดพามีน (Psychoactive Drugs) เข้าไป เช่น แอลกอฮอล์, นิโคติน หรือน้ำตาล สมองจะเพิ่มการหลั่งโดพามีน ซึ่งมีผลช่วยให้เราเกิดความสุขและพึงพอใจ สมองเกิดการเรียนรู้จดจำว่าสารเหล่านี้ทำให้เรามีความรู้สึกดีขึ้นมาได้ ดังนั้นเวลาที่เราเครียด เจ็บปวดใจ สมองจะกระตุ้นให้เราต้องเสาะแสวงหาสารเพื่อให้เกิดการหลั่งโดพามีนมากขึ้น ยิ่งใช้สารบ่อยเท่าไรอาจทำให้สมองเกิดการเสพติดได้ (addiction)
@ กินเพื่อเยียวยาใจ
บางคนที่ต้องเผชิญกับอารมณ์ด้านลบ เช่น เสียใจ, ท้อแท้, เศร้า, เหงา, โกรธ แล้วต้องการช่วยให้ตัวเองทุกข์ลดลงจะหันไปพึ่งการกินของหวานเพื่อปรับอารมณ์ (Emotional Eating) การกินรูปแบบนี้แตกต่างจากความหิวทางกายภาพ (Physical Hunger) ที่ท้องว่าง ร่างกายต้องการพลังงานถึงต้องกินอาหารเติมเข้าไป แต่ Emotional Eating เป็นการกินด้วยความรู้สึกทางใจทั้งที่ทางกายภาพร่างกายไม่ได้ต้องการพลังงานขนาดนั้น
อาการของ Emotional Eating
. เวลาที่สภาพจิตใจแย่จะต้องการกินขนมของหวานทันทีทันใด กระวนกระวายหาให้ได้
. อาหารที่กินเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูง เช่น ของทอด, ขนมหวาน
. แม้จะกินจนอิ่มทางกายภาพ แต่หากทางใจยังไม่ได้รับการเติมเต็มก็จะกินไปเรื่อย ๆ
. หลังจากผ่านพายุแห่งการกินอย่างดุเดือดไปแล้ว กลับมานั่งรู้สึกผิดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปจะทำให้เกิดผลเสียกับตัวเอง
หากเราใช้วิธี Emotional Eating นาน ๆครั้งในวันที่ใจหม่นอาจยังไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพชัดเจน แต่ถ้าทำบ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อย ๆ การที่ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง
นอกจากนี้พฤติกรรมการกินเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องกลับมาประเมินตัวเองว่าสาเหตุของอารมณ์ลบที่เกิดมาจากอะไรกันแน่ แล้วหาทางแก้ที่สาเหตุนั้นแทนที่จะใช้วิธีการกินมาแก้ปัญหาที่จะก่อปัญหาอันใหม่ขึ้นมา หรือคิดวิธีที่จะรับมือกับอารมณ์ลบแทนที่จะกิน เช่น การฟังเพลงที่ชอบ, การทำงานศิลปะ, การเล่นกีฬา
วันที่ 11 11 นี้คุณซื้อป๊อกกี้มาตุนแล้วหรือยัง?
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– “เห็ดมัตสึตาเกะไม่ใช่ทรัฟเฟิล แต่เรามีดี”
– “มันเผา เกาลัด ความสุขเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่”
– “ใบไม้ที่ร่วงโรยกับความรักที่จากไป”
– “ผิดมั้ยที่ฉันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น”
– “คุณบนดวงจันทร์ตรงนั้นเหงามั้ย”
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#ป๊อกกี้ช่วยชีวิตในยามจิตตก