สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ นี่ก็ผ่านมาครึ่งทางของการ “ขับรัวรัว ทั่วซากะ” แล้ว จังหวัดซากะนี่ของกินก็ดี ที่เที่ยวก็สวย เพราะฉะนั้นไม่รอช้า เราไปกันต่อเลยค่ะ
ตอนนี้เราอยู่ที่เมือง Takeo เมืองทาเคโอะเนี่ยเขาได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,300 ปี เลยทีเดียว !
จุดแรกของวันนี้เราไปกันที่ศาลเจ้าทาเคโอะ ศาลเจ้าสีขาวที่ดูสงบเงียบ ส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องความรักค่ะ
ศาลเจ้าทาเคโอะ เรียกอีกชื่อได้ว่า โกชะไดเมียว (Goshadaimyo) เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ เมื่อเข้าไปจะพบกับต้นไม้ (Okusu) ขนาดใหญ่ตระหง่านตาที่มีอายุถึง 3,000 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ของศาลเจ้าแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นต้นไม้ 2 ต้นที่มีรากที่เชื่อมติดกัน จึงทำให้มีผู้คนมาบูชาขอพรในเรื่องต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก คู่ครอง ธุรกิจ โชคลาภ

ใครที่เคยดู Your name คงจะคุ้นกับคำว่า Musubi ที่แปลว่าการผูกกัน ต้นสนสองต้นนี้โตขึ้นมาแล้วกลายเป็นต้นเดียวกัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ใครที่อยากมีความรักที่สมหวัง ซื้อกระดิ่งแล้วเอามาผูกได้เลยค่ะ
เดินเข้ามาด้านข้างศาลเจ้า จะมีป่าไผ่เรียงยาว พร้อมกับเสียงแมลงตัวเล็กๆ ธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ๆ เรามาเจอกับต้นการะบูรต้นใหญ่อายุกว่าสามพันปี หู้ยยย….ใหญ่โตจริงๆ ค่ะ


จากศาลเจ้าทาเคโอะ ขับรถไป 21 กิโล เรามาถึงที่นี่ค่ะ Michi no eki Kashima เราจะมาดูตาสีฟ้ารูปหัวใจของปลาตีน
ทะเลอะริอะเกะ เป็นทะเลที่มีความแตกต่างของความสูงต่ำของระดับน้ำทะเลในช่วงน้ำขึ้น – น้ำลง ตอนน้ำลงจะปรากฏเป็นหาดโคลนขนาดกว้างใหญ่เลย สามารถเช่ากระดาน เพื่อเล่นโคลนไปดูปลาตีนที่มีตารูปหัวใจสีฟ้าได้










จาก Michi no eki Kashima ขับรถเพียง 10 นาที เราก็มาถึงศาลเจ้ายูโทกุ อินาริ (Yutoku Inari) ศาลเจ้ายูโทกุ อินะริแห่งนี้เป็นศาลเจ้าชินโต ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพอินาริ เป็นที่ประทับแห่งเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ประทานผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันมีผู้ศรัทธาไปสักการะขอพรความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า และความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทั้งปวง ที่นี่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของซากะเลย และยังเป็นศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 รองมาจากศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushi-mi Inari Shrine) ในเกียวโต และศาลเจ้าคะซะม่าอินาริ (Kasama Inari Shrine) ในอิบาระกิ อีกด้วยค่ะ


จุดต่อไปเราไปกันที่ Saga Balloon Museum ในเดือนพฤศจิกายนของทุก ๆ ปี จะมีงานเทศกาลบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นในจังหวัดซากะ ถึงเราไม่ได้ไปเข้าร่วม แต่ก็ขอเข้ามาเรียนรู้ความสนุกของ Event นี้กันได้ที่ SAGA Balloon Museum สถานที่เก็บความทรงจำของเทศกาลบอลลูนไว้

ด้านในได้จำลองบอลลูนแบบต่าง ๆ เอาไว้ พร้อมอธิบายการทำงานอย่างคร่าว ๆ ด้วยรูปภาพ ช่วยให้เราเข้าได้ใจง่าย ถึงแม้ว่าจะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกค่ะ
จากพิพิธภัณฑ์บอลลูน นั่งรถยังไม่ทันง่วงก็ถึงปราสาทซากะแล้ว ด้านหน้าปราสาทมีรูปปั้นของ Nabeshima Naomasa เจ้าเมืองซากะในสมัยเอโดะ
ปราสาทซากะ เป็นปราสาทที่ทำจากไม้ทั้งหลังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีเพียงชั้นเดียว ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตอลังการเท่ากับปราสาทอื่นๆ แต่ความงาม เรียบหรู ไม่แพ้กันค่ะ ด้านในแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ จัดแสดงประวัติความเป็นมาของปราสาท ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงปลายสมัยเอโดะที่แคว้นซากะมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด

เช็คอินเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เราเดินมาที่สำนักงานทำการจังหวัดซากะกัน ที่นี่เขามีการจัดการแสดงแสงสีเสียง “SAGA Night of Light” ซึ่งจัดแสดงถึงวันที่ 31 มีนาคม 2018
สำหรับตอนนี้ขอลาไปด้วยการแสดงแสงสี “SAGA Night of Light” พบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดีค่ะ
เรื่องแนะนำ :
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 4
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 2
– Japan จุด จุด จุดเที่ยวญี่ปุ่น ในจุดที่คุณ ไม่ควรพลาด : ขับรัวรัว ทั่วซากะ ตอนที่ 1
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง (ตอนบน) ด้วย JR Hokuriku Arch Pass ตอน “เที่ยว Fukui”
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง (ตอนบน) ด้วย JR Hokuriku Arch Pass ตอน “เที่ยว Kanazawa”
– เที่ยวญี่ปุ่นภาคกลาง (ตอนบน) ด้วย JR Hokuriku Arch Pass ตอน “เที่ยว Toyama”