ครั้งนี้เราไปเที่ยวกันที่เกาะคิวชูตอนเหนือ โดยเมืองที่สามของทริปนี้ ก็คือ เมือง Kitakyushu เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีทั้งความทันสมัยและร่วมสมัย (เรโทร) ที่กลมกลืนกันสุดๆ มีจุดถ่ายรูปสวยๆ เก๋ๆ เยอะมาก และของกินอร่อยๆ อีกเพียบ! มาติดตามกันเลย…
ญี่ปุ่นกลับมาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง (FIT) อีกครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ (2565) ทำให้เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเพลิดเพลินกันได้อีกครั้งโดยที่ไม่ต้องใช้วีซ่า ซึ่งก็เหมือนกับในช่วงก่อนเกิดโควิด
และครั้งนี้เราไปเที่ยวกันที่เกาะคิวชูทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยไปเที่ยวที่เมืองฟุกุโอกะ (Fukuoka City) เมืองซาเซโบะ (Sasebo City) เมืองฮิตะ (Hita City) และเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu City) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชู ทั้ง 4 เมืองนี้ สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น รถไฟ มีของกินอร่อยราคาไม่แพง และยังมีจุดถ่ายรูปมากมายที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย
ชมคลิปตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือทั้ง 4 EP กันก่อน
อ่านต่อทุก EP >>
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.1 “Sasebo”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.2 “Hita”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.3 “Kitakyushu”
ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.4 “Fukuoka”
เมืองที่สามของทริปนี้ นั่นก็คือ เมือง Kitakyushu “เมือง” Kitakyushu ซึ่งที่จริงก็คือ “อำเภอ” Kitakyushu เป็นอำเภอใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะ เป็นรองแค่อำเภอเมืองฟุกุโอกะเท่านั้นเอง เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง มาติดตามกันเลย…
เมืองคิตะคิวชู
หมายเหตุ – สีส้ม (อาหาร) / สีฟ้า (สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม) / สีเขียวอ่อน (สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ) / สีม่วง (ธีมพาร์ค) / สีแดง (ช้อปปิ้ง) / สีบานเย็น (Photo Spot) / สีเทา (ที่พัก)
คิตะคิวชู (Kitakyushu) ตั้งอยู่ทางตอนบนของจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งอยู่ใกล้กับจังหวัดยามากูชิ ของเกาะฮอนชูมาก สามารถขับรถข้ามสะพาน นั่งเรือข้ามฟาก หรือแม้กระทั่งเดินลอดอุโมงค์ใต้ทะเลไป ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
Kokura Castle, Kokura Castle Japanese Garden
จากตลาดทังกะ เราสามารถเดินผ่านถนนคนเดิน Uomachi Gintengai Shopping Street แหล่งช้อปปิ้งใหญ่ของ Kitakyushu เพื่อไปเที่ยวชมปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) กันได้เลยด้วย
ปราสาทโคคุระ เป็นปราสาท 5 ชั้น ที่สร้างขึ้นในปี 1602 เคยเป็นที่พำนักของเจ้าเมืองตระกูล Ogasawara ก่อนจะถูกไฟไหม้ช่วงราว 200 กว่าปีต่อมา แล้วก็สร้างขึ้นใหม่ในปี 1959 ปัจจุบันภายในได้มีการจัดโซนเป็นนิทรรศการแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัวปราสาทและเมืองโคคุระ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวของเมืองอีกด้วย
รอบปราสาทเป็นสวนขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมของคิตะคิวชู เพราะมีต้นซากุระอยู่กว่า 300 ต้น และเนื่องจากตั้งอยู่กลางใจเมือง ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และการคมนาคม ที่นี่จึงกลายเป็นสวนสาธารณะที่คนท้องถิ่นนิยมมาพักผ่อนกันมาก และหลังพระอาทิตย์ตกดินก็จะมีการจัด Light-up ให้ชมจนถึงสี่ทุ่มเลยด้วย
มุมถ่ายรูปปราสาทที่ไม่เหมือนใครของปราสาทโคคุระก็คือ มุมที่มีเสาโทริขนาดใหญ่ตั้งอยู่และมีตัวปราสาทเป็นฉากหลังนี่แหล่ะ เพราะปราสาทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีโทริอิอยู่ใกล้ๆ ขนาดนี้… ดังนั้นก็อย่าพลาดลืมถ่ายช็อตนี้กันมานะจ้ะ
ปราสาทแห่งนี้มีค่าเข้าชมอยู่ที่ 350 เยน แต่หากจะไม่เข้าชมด้านในตัวปราสาทเหมือนกับเราในทริปนี้ ก็สามารถไปหามุมชมเฉพาะด้านนอกปราสาทได้เหมือนกัน อย่างเช่นที่บริเวณ Kokura Castle Japanese Garden ซึ่งมีส่วนของเรือนพักจริงของท่านเจ้าเมืองในอดีตอยู่ด้วย (เจ้าเมืองตัวจริงมักจะสับขาหลอกไม่นอนในปราสาท จะมานอนที่เรือนพักด้านนอกกันซะเป็นส่วนใหญ่)
ที่ Kokura Castle Japanese Garden นั้น สามารถชมปราสาทโคคุระได้อย่างเต็มๆ ตาเช่นเดียวกัน แล้วที่นี่ เรายังจะได้เดินชมเรือนพักของท่านเจ้าเมือง จะมานั่งชมพิธีชงชาญี่ปุ่น หรือคลายร้อนด้วยน้ำแข็งไสญี่ปุ่น (เฉพาะหน้าร้อน) ก็ได้นะ
สำหรับใครที่ต้องการจะเข้าชมทั้งสองจุด สามารถซื้อบัตรรวมในราคา 560 เยน จะเข้าชมได้ทั้งปราสาทโคคุระ และสวนปราสาทโคคุระเลย
ปราสาทโคคุระ เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kokura-castle
สวนปราสาทโคคุระ เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kokura-castle-japanese-garden
Mojiko Retro District
วิวกลางคืนสวยๆ ในเมือง ก็ได้ชมกันไปแล้ว งั้นมาชมวิวแบบกลางวันกันบ้าง แนะนำเลยว่าโมจิโค (Mojiko) กิ่งอำเภอเล็กๆ ทางตะวันออกของ Kitakyushu ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับจังหวัดยามากูจิ (Yamaguchi) ของเกาะใหญ่ฮอนชูได้อย่างสะดวกนี้ มีมุมดีๆ ซ่อนอยู่เพียบ!
สถานีรถไฟโมจิโค
เมืองโมจิโค เป็นเมืองเล็กๆ ที่เหมาะกับการเดินเที่ยวเล่นชิลเอ้าท์แบบ One-Day Trip เป็นที่สุด เริ่มจากที่สถานี Mojiko เลยก็ได้ เพราะจุดนี้ดูเป็นที่ธรรมดาๆ แต่ไม่ธรรมดา… ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก (Neo-Renaissance) ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1914 ช่วงที่เพิ่งมีรถไฟสายแรกบนเกาะคิวชู แล้วยังมีการอนุรักษ์ตัวอาคารเอาไว้เป็นอย่างดี
บรรยากาศภายในสถานีโมจิโค
อาคารสถานีของที่นี่จึงถูกตั้งให้เป็นหนึ่งในสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติ แล้วก็เพิ่งได้รับการบูรณะใหม่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (ปี 2019) สภาพตอนนี้จึงดูดีมาก ภายในยังมีคาเฟ่ (สตาร์บัค) ที่ออกแบบตกแต่งให้เข้ากันกับตัวอาคารอยู่ด้วยนะ ถ้าได้เข้าไปดูในเว็บไซต์ด้านล่าง จะเห็นความละเอียดละออและความน่าสนใจของสถานีโมจิโคแห่งนี้อีกเพียบ
บรรยากาศในอดีตห้องนั่งพักรอรถไฟของผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันแปลงร่างกายเป็นร้านกาแฟดัง “สตาร์บัค”
เมื่อออกจากสถานี เลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเดินเล่นบริเวณท่าเรือที่สามารถข้ามไปยังฝั่งจังหวัดยามากูจิ บนเกาะฮอนชูได้ แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปเล็กน้อย ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รถไฟคิวชู (Kyushu Railway History Museum) … ไปต่อกันที่จุดนี้กันก่อนเลย
พิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งนี้ มีทั้งส่วนจัดแสดงในร่ม และส่วนจัดแสดงกลางแจ้ง กว้างขวางมาก แต่มีค่าเข้าชมอยู่ที่ 300 เยนเท่านั้น นับว่าคุ้มค่าแบบสุดๆ ในอาคารหลัก ปัจจุบันมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับรถไฟ แล้วยังมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ห้องวิดิทัศน์ ซิมูเลเตอร์ แบบจำลอง และจุดจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น
ส่วนด้านนอกอาคารมีการจัดแสดงส่วนของหัวรถไฟไว้หลายรุ่นเลยทีเดียว และบางขบวนก็สามารถเข้าไปดูด้านในได้ด้วย นอกจากนี้ยังมี Miniature Train Park ที่เราสามารถนั่งหัวรถไฟจำลองเล่นกันสนุกๆ ในราคาเพียงเที่ยวละ 300 เยน เป็นกิจกรรมที่น่ารักปุกปิก และอยากให้ลองมาเล่นกันดู
สำหรับใครที่ชื่นชอบชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รถไฟ แนะนำว่าไม่ควรพลาดการมาเที่ยวชมที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รถไฟคิวชูแห่งนี้
Blue Wing Moji
ย้อนกลับมาที่อีกฝั่งของสถานี Mojiko ที่เป็นท่าเรือ ซึ่งมีทางเดินเล่นเลียบทะเล (ช่องแคบคันมง) คนที่นี่ใช้เส้นทางนี้เดินเล่นพักผ่อน ออกกำลังกาย และสัญจรไปมากันเป็นปกติ เราสามารถเดินไปตามเส้นทางนี้ มุ่งหน้าสู่จุดท่องเที่ยวไฮไลท์อย่าง Blue Wing Moji สะพานที่ยกให้เรือผ่านเข้าออกอ่าวซึ่งเป็นท่าเทียบเรือเล็กได้ นี่เป็นจุดเช็คอินจุดหนึ่งในโมจิโค ที่เราต้องมาเก็บภาพกันจ้า
เดินขมวิวชิลๆ บริเวณสะพาน “Blue Wing Moji”
ข้ามสะพาน Blue Wing Moji ไป ก็จะเจอกับตึกที่เราสามารถขึ้นไปชมวิว “Mojiko Retro Observation Room” ได้
Former Moji Customs Building
Dalian Friendship Memorial
Minato House
ไม่ไกลกัน ก็ยังมีจุดเช็คอินอีกเพียบทั้ง จุดชมวิว Mojiko Retro (Mojiko Retro Observation Room) บนชั้นที่ 31 ของอพาร์ทเม้นต์สุดหรู Mojiko Retro Highmart (มีค่าขึ้นชม 300 เยน) อาคาร Former Moji Customs Building ร้านขายของที่ระลึกที่ Minato House รวมไปถึงอาคารที่ระลึกความสัมพันธ์กับอาณาจักรต้าเหลียน (Dalian Friendship Memorial) เป็นต้น
บน Mojiko Retro Observation Room ฝั่งนี้เห็นวิวเมืองโมจิโคแบบเต็มๆ เห็นทั้งสถานีรถไฟ, พิพิธภัณฑ์รถไฟ, Kaikyo Plaza, จุดจอดเรือเล็ก, โรงแรม Premier Hotel Mojiko ฯลฯ
บน Mojiko Retro Observation Room มองเห็นสะพานคันมง ที่ใช้ข้ามไปจังหวัด Yamaguchi (เกาะฮอนชู) ด้วย
บน Mojiko Retro Observation Room อีกด้านก็จะเห็นวิวจังหวัด Yamaguchi (เกาะฮอนชู) ในมุมของท่าเรือข้ามฟากด้วย
ใครอยากชมวิวเมืองโมจิโค ไม่ควรพลาด “Mojiko Retro Observation Room” อย่างยิ่ง
บน Mojiko Retro Observation Room มีจุดตามหาหัวใจอยู่ด้วยนะ
กิจกรรมตามล่าหัวใจ ที่โมจิโค (ไปตามล่าหัวใจกันจ้า… 3 จุดตามภาพข้างบนนี้ ไม่ได้หากันง่ายๆ เลยน๊าาาา)
ในบริเวณนี้ ยังมีจุดให้เล่นแรลลี่ “ตามหาหัวใจ” อีกด้วย… ซึ่งเราก็เก็บได้มา 3 ดวง ถือเป็นกิจกรรมที่สนุกดีเหมือนกัน แล้วอย่าลืมเดินไปช้อปปิ้งของฝากของที่ระลึก แวะชิมของอร่อยๆ พร้อมกับการนั่งชมวิวเก๋ๆ ที่ Kaikyo Plaza กันด้วยนะ
แวะถ่ายรูปเช็คอินที่ป้ายเมือง Mojiko ก็สักเล็กน้อย แล้วเดินไปช้อปต่อที่ Kaikyo Plaza ได้เลย
*ในอดีตโมจิโคเป็นเมืองท่าที่ทำการค้ากับต่างประเทศ จนกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าที่สำคัญของภูมิภาคนี้ ดูได้จากสถาปัตยกรรมของอาคารหลายแห่ง ที่เป็นสไตล์ยุโรป (Neo-Renaissance) และยังคงมีการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี
ส่วนตัวแล้ว คิดว่า Mojiko เป็นเมืองที่น่ามาใช้เวลาเดินเล่นพักผ่อนชิลๆ มากๆ แถมยังมีจุดให้ถ่ายรูปเช็คอินเต็มไปหมด หันซ้ายก็เดินเที่ยวได้ หันขวาก็เดินเที่ยวได้ เป็นบรรยากาศของเมืองท่าแบบที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้อย่างเต็มอิ่ม
Mojiko เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mojiko-retoro
Mojiko Station เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mojiko-station
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รถไฟคิวชู เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kyushu-railway-memorial
Mojiko Retro Observation Room เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mojiko-retro-observation-room
Mekari Shrine
มายังอีกหนึ่งจุดเช็คอินน่าสนใจของเมืองโมจิโค นั่นก็คือศาลเจ้า Power Spot อย่าง Mekari Shrine ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ปกป้องคุ้มครองผู้คนที่เดินเรือผ่านช่องแคบคันมงแห่งนี้ และคงเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญกับคนที่นี่มากจริงๆ เพราะช่องแคบที่กั้นระหว่างเกาะคิวชูและเกาะฮอนชูแห่งนี้ เชื่อมต่อสองทะเลเอาไว้ คือทะเลญี่ปุ่นและมหาสมุทรแปซิฟิค ทำให้เกิดกระแสน้ำวนในช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง เป็นจุดที่มีความอันตราย แต่ก็ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของที่นี่
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่เชิงสะพานคันมง (Kanmon Bridge) สะพานที่ใช้ข้ามระหว่างสองเกาะ (คิวชูกับฮอนชู) เป็นจุดชมวิวที่ดีงามมากๆ ถ้ามาในช่วงที่มีน้ำวน ก็จะยิ่งเห็นท้องทะเลที่แปลกตาดี
คำว่า “Mekari” แปลว่า “ตัดสาหร่าย” ซึ่งที่นี่มีพิธีตัดสาหร่ายเป็นพิธีขอพรใหญ่ประจำศาลเจ้าด้วย แล้วปกติศาลเจ้าแห่งนี้ก็ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้าเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการ ช่วงที่มีพิธีจึงถือว่าสำคัญมาก ส่วนที่นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ ก็เพราะจะมาถ่ายรูปเช็คอิน แล้วก็มากราบไหว้ขอพรจากด้านนอกศาลเจ้ากันเป็นส่วนใหญ่
ที่นี่สามารถเดินทางมาได้โดยรถเมล์ ลงที่ป้าย “Mekari Jinja-mae” ได้เลย แต่ถ้าจะนั่ง Taxi มาจากสถานี Mojiko ก็ได้ ประมาณ 1,000 เยน (7 นาที)
เว็บไซต์: https://www.mekarijinja.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Photo Spot
Wakato Bridge & Mt. Takato Park (Kitakyushu Night view)
คิตะคิวชูนั้นมีจุดชมวิวยามค่ำคืนหลายจุด ยังมีกิจกรรมที่ แต่วิวสะพานแดง Wakato Bridge ที่ประดับไฟสว่างไสว สวยงาม หรือ Wakato Bridge Illumination นั้นพลาดไม่ได้ เราสามารถชมวิวสะพานแห่งนี้ จากจุดชมวิวใต้สะพานก็ได้ หรือจะขึ้นไปชมจากบนภูเขาแล้วมองลงมา ให้เห็นวิวเมืองทั้งหมดก็ได้
ในครั้งนี้ เราได้แวะถ่ายรูปเช็คอินกันที่ทั้งจุดชมวิวใต้สะพาน แล้วก็จุดชมวิวบนภูเขา (Mt. Takato Park) ซึ่งทั้งสองที่ให้คนละอารมณ์กันเลย วิวมุมกว้างจาก Mt. Takato Park ก็ได้เห็นความเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมของคิตะคิวชูที่พลุกพล่านและสว่างไสวยามค่ำคืนได้แบบเต็มๆ ตา ส่วนมุมจากใต้สะพานก็ทำให้รู้สึกถึงความอลังการของสะพาน Wakato ได้อย่างใกล้ชิดทีเดียว
จุดชมวิว Mt. Takato
จุดชมวิวใต้สะพาน Wakato
แต่ทั้งสองจุด… คือได้แต่แอบอิจฉาคนที่มาเป็นคู่ ควงกันมาชิลกับวิวโรแมนติก แบบไม่เสียสตางค์นี้จริงๆ
สำหรับ Wakato Bridge Illumination นั้น สามารถชมได้จากหลายจุดในเมืองคิตะคิวชู แต่ที่อยากจะแนะนำก็คือที่ Mt. Takato Park และอีกที่วิวอาจจจะไกลกว่าหน่อย แต่ถือว่าเป็นจุดชมวิวติดดาวของเมืองนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือที่ Mt. Sarakura แล้วหาโอกาสไปลองชมกันดูนะ…
เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/night-view
Kanmon Tunnel Footpath
ไม่ไกลจากศาลเจ้า Mekari Shrine จะมีทางลงอุโมงค์ลอดใต้ทะเล Kanmon Tunnel Footpath ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสองเกาะ (คิวชูและฮอนชู) คู่ขนานไปกับทางสะพานคันมงนั่นเอง เพียงแต่จุดนี้ เราสามารถเดินไปได้เลย หรือถ้ามีจักรยานก็เอาลงไปด้วยได้ แต่ในอุโมงค์ต้องจูงนะ ห้ามขี่… (เดินฟรี แต่ถ้ามีจักรยาน ต้องจ่าย 20 เยนนะ) และไหนๆ ก็มาแล้ว ขอลงไปดูสิ่งอำนวยความสะดวกเจ๋งๆ ที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่อประชาชนกันสักนิด…
อุโมงค์แห่งนี้เริ่มสร้างในปี 1937 แต่สงครามทำให้ต้องหยุดการก่อสร้างชั่วคราว กว่าจะแล้วเสร็จจริงๆ คือในปี 1958 (ในขณะที่สะพานคันมงเปิดทีหลัง คือในปี 1973) โดยมีความยาวทั้งหมดอยู่ที่ 3,461.4 เมตร แต่ช่วงที่อยู่ใต้ท้องทะเลจริงๆ ยาว 780 เมตร มีความลึกจากระดับน้ำทะเลประมาณ 58 เมตร ภายในติดตั้งอุปกรณ์ระบายอากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับผู้ที่เดินเท้าและผู้ที่มีจักรยานมาด้วย
มาถึงแล้ว กลางอุโมงค์กั้นสองจังหวัด ฟุกุโอกะ กับ ยามากุจิ
เส้นทางอุโมงค์ลอดใต้ทะเลนี้ เชื่อมต่อเมืองโมจิโค ของ Kitakyushu (จังหวัด Fukuoka) กับเมือง Shimonoseki (จังหวัด Yamaguchi) เข้าด้วยกัน ทำให้การเดินทางไปมาของผู้คนทั้งสองเมืองสะดวกมากยิ่งขึ้น และเท่าที่สังเกต อุโมงค์นี้ยังใช้ประโยชน์เป็นเส้นทางวิ่งออกกำลังได้อีกด้วย เป็นที่หลบอากาศร้อนๆ ลงมาออกกำลังกายได้อย่างดีทีเดียว
เว็บไซต์: https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kanmon-pedestrian-tunnel
ช้อปปิ้ง
Kaikyo Plaza
จุดนั่งพักขาชิลๆ ที่ Kaikyo Plaza
Kaikyo Plaza เป็นจุดช้อปปิ้งชิลๆ ริมอ่าวเล็กๆ ที่ใช้จอดเรือท่องเที่ยว จะมาแวะช้อปเสื้อผ้า ของกิน ของใช้ ของฝาก ของที่ระลึก ร้านขนม ร้านกาแฟ ฯลฯ ก็ได้ จะนั่งชิลชมวิวริมอ่าวเฉยๆ ก็ดี ซึ่งจากจุดนี้ก็สามารถเดินไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองโมจิโคได้เกือบทั้งหมด ด้านหน้าเป็นโรงแรม Premier Hotel Mojiko แล้วซ้ายเป็นพิพิธภัณพ์รถไฟกับสถานีรถไฟโมจิโค เลี้ยวขวาไปจุดชมวิว Mojiko Retro Observation Room กลับหลังหันแล้วเดินข้ามทางรถไฟไป ก็จะเป็นร้านอาหารซูชิ ที่เด่นในเรื่องเมนูปลาปักเป้า และจุดเช็คอินป้าย “Mojiko” เรียกว่ามาช้อปที่ Kaikyo Plaza ก็ไปเที่ยวต่อยัง เข้าถึงทจุดได้สะดวกเชียวล่ะ
บรรยากาศเดินเล่นริมทะเลที่ Kaikyo Plaza
ช้อปปิ้งของฝากที่ Kaikyo Plaza กันจ้า
เดินเล่น ชิม ชิล ริมทะเลที่ Kaikyo Plaza
Kaikyo Plaza เว็บไซต์: https://www.kaikyo-plaza.com/en/
อาหาร
Tanga Market
จากสถานี Hakata เรานั่งชิงกันเซนมายังสถานี Kokura ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดเก่าทังกะ (Tanga Market) ที่นี่เป็นตลาดที่อยู่กลางเมือง สามารถนั่งโมโนเรลต่อมาลงที่สถานี Tanga แล้วเดินมาได้สะดวกเลย แต่ถ้าจะเดินมาจากสถานี JR Kokura ก็เดินได้ ประมาณ 10 กว่านาที…
นั่งโมโนเรลมาได้สะดวกเลย
ถึงแล้วจ้า ตลาดทังกะ
ร้านผักผลไม้จะเยอะหน่อยนะที่นี่… น่าชิมไปหมด
ตลาดทังกะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อยู่คู่กับเมืองโคคุระ (กิ่งอำเภอ Kokura) มากว่า 100 ปี (สมัยไทโช) ที่นี่เป็นตลาดสด ภายในจึงมีร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ รวมกันกว่า 100 ร้าน แล้วยังมีร้านอาหาร ร้านขนมรวมอยู่ด้วย ที่นี่จึงถูกเรียกว่าเป็นครัวของชาวคิตะคิวชู
ช่วงเวลาที่เราไป ร้านค้าเปิดไม่เยอะ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เราจึงสามารถเตร็ดเตร่ลองซื้อนู่นนี่ กินจุบกินจิบกันไปได้เรื่อยๆ แบบสบายๆ ไม่แออัดดี
และที่อยู่ติดกับตลาดทังกะ ก็คือย่านช้อปปิ้งแบบถนนคนเดิน (arcade) ชื่อว่า Uomachi Gintengai Shopping Street ที่ทำให้เราสามารถช้อปปิ้งกันต่อแบบยาวๆ ได้เลย สะดวกมากๆ
Uomachi Gintengai Shopping Street
เดินตามทางจาก Tanga Market ผ่าน Uomachi Gintengai Shopping Street ไปเรื่อยๆ ก็ถึงปราสาทโคคุระแล้ว
เว็บไซต์: http://tangaichiba.jp/en/
Uomachi Shopping Street เว็บไซต์: https://uomachi.or.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Tetsunabe Gyoza
ที่จังหวัดฟุกุโอกะนี้ ยังมีอีกเมนูประจำถิ่นที่น่าสนใจอีกเมนูหนึ่งให้ลิ้มลอง นั่นคือ Tetsunabe Gyoza ซึ่งเป็นเกี๊ยวซ่าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น ตรงที่จะมีขนาดเล็กพอดีคำและเสิร์ฟมาบนกระทะร้อน
และร้านที่เรามากินเมนูนี้กัน อยู่ในย่านช้อปปิ้ง Uomachi นั่นแหล่ะ แล้วร้านก็ชื่อเดียวกับเมนูเลย ร้าน “Tetsunabe” ซึ่งมีอยู่หลากสาขา สามารถสั่งกินได้ทั้งที่ร้าน สั่งกลับบ้าน จะชื้อแบบสำเร็จรูปไปอุ่นร้อนเอาเองก็ยังได้
ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ลองเมนูนี้ รสสัมผัสแปลกใหม่ไปจากที่เคยกินเกี๊ยวซ่าญี่ปุ่นมา มีความหอม เกรียม กรอบนอก นุ่มใน ขนาดกำลังดี แป้งบาง ไส้เต็ม และการันตีได้ว่าร้อน ก็เสิร์ฟมารูปแบบของเกี๊ยวซ่ากระทะร้อนเลยนี่นา รสชาติกลมกล่อมกินง่าย สำหรับผู้ที่ไม่ชอบกินแป้งหนาๆ เกี๊ยวซ่าตัวใหญ่ๆ หรือว่าแบบที่เสิร์ฟมาชืดๆ ต้องลองเมนูนี้จ้า
เมนูอื่นๆ ก็รสชาติใช้ได้นะ
ร้าน Tetsunabe Gyoza
เว็บไซต์: http://tetsunabe-g.com/
Kaito (เมนูปลาปักเป้า)
เรายังคงอยู่กันที่เมืองโมจิโค เพื่อชิมเมนูเด็ดของทะเลแถบนี้ นั่นก็คือปลาปักเป้า เราไปกันที่ร้าน Kaito ที่เพียงแค่เดินข้ามทางรถไฟ Kitakyushu Bank Retro Train “Shiokaze-go” มาจาก Kaikyo Plaza ก็จะถึงร้านซูชิยอดนิยมในย่านนี้แล้ว (ชั้น 1 เป็นส่วนของร้านซูชิ ชั้น 2 เป็นแบบห้องส่วนตัว ที่เสิร์ฟเมนูอาหารทะเลญี่ปุ่นรูปแบบต่างๆ รวมทั้งปลาปักเป้า เมนูสุดพิเศษของที่นี่)
ปักเป้าซาซิมิ เนื้อใสๆ นุ่มๆ เด้งๆ
ที่นี่กินปลาปักเป้าพร้อมเครื่องเคียงกันแบบนี้แหะ รสชาติแปลก แตกต่าง แต่ว่าชูความหนึบของปลาปักเป้าได้ดีเลยทีเดียว
จานนี้เหมือนจะเป็นคางปลาปักเป้าทอดแบบคาราอาเกะ กรอบๆ หอมๆ จ้า
มีสั่งซูชิไปด้วย สด อร่อย ดีทีเลยล่ะ
ร้าน Kaito
เว็บไซต์: http://www.kaito.ne.jp/kaito-mojikou.html
ที่พัก
Premier Hotel Mojiko
สำหรับที่พักของเราใน Kitakyushu… ทริปนี้เราพักกันที่ Premier Hotel Mojiko ซึ่งมีทำเลที่ดีงามมากๆ อยู่ติดกับ Blue Wing Moji ใกล้กับ Mojiko Retro และ Kaikyo Plaza ที่ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองโมจิโคทั้งสิ้น
ตามที่บอกไปแล้วว่าเมืองนี้มีขนาดกะทัดรัด สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ต่างๆ จึงอยู่ไม่ไกลกันมาก การเดินเที่ยวชมเมืองก็สามารถทำได้ง่าย แต่ถ้าได้ตัวช่วยดีๆ อย่างโรงแรมที่พักบรรยากาศดี โลเคชั่นเลิศๆ อย่าง Premier Hotel Mojiko รับรองว่าจะทำให้การมาพักผ่อนของเรา สะดวก สบาย และมีความสุขขึ้นอีกเยอะ!
เดินเล่นรอบๆ โรงแรมก่อนนอน…
ภายในโรงแรมตกแต่งแบบร่วมสมัย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พนักงานก็บริการดีด้วย ส่วนของห้องพักกว้างขวางดี ตกแต่งสะอาดตา (เราได้วิวทะเลของช่องแคบคันมง หรือ Kanmon Straits ที่กั้นระหว่างเกาะคิวชูและเกาะฮอนชูมาด้วย ยิ่งรู้สึกดีงาม) อาหารเช้าก็จัดว่าดีทีเดียว ชอบในเรื่องของการตกแต่งห้องอาหาร มีวิวทะเลสบายๆ ให้บรรยากาศที่ดีทีเดียว อาหารเช้าก็มีตัวเลือกที่หลากหลาย แถมยังจัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆ ไว้เสิร์ฟคู่กับอาหารเช้าอีกต่างหาก
ไลน์อาหารเช้ามีให้เลือกหลากหลายอยู่นะ (แต่ถ่ายรูปไม่สะดวก ลูกค้าเยอะน่ะ)
Premier Hotel Mojiko ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จาก Kaikyo Plaza อ
ถ้ามาเที่ยวที่เมืองโมจิโค ก็ขอแนะนำจากใจเลยว่า โรงแรมนี้ดี!
เว็บไซต์: https://premierhotel-group.com/mojikohotel/english/
จองโรงแรม: Premier Hotel Mojiko
การเที่ยวเมืองคิตะคิวชู ในช่วงที่ยังมีสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่นั้น เราจะเห็นสิ่งจำเป็นต่อมาตรการการป้องการการแพร่เชื้อหลายอย่างอยู่ทั่วไปเป็นปกติ อาทิ เจลแอลกอฮอล์ จุดตรวจวัดอุณหภูมิ แผ่นอะคริลิคกั้นพื้นที่ รวมถึงป้ายเตือนการสวมหน้ากากอนามัย และชาวญี่ปุ่นแทบทุกคนยังคงใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา สร้างความเชื่อมั่นในการมาเที่ยวได้อย่างดีทีเดียว
แผ่นกันระหว่างโต๊ะในห้องอาหาร บนโต๊ะก็มีซองใส่มาส์กให้ด้วย
(Premier Hotel Mojiko)
และนี่ก็คือทั้งหมดของเมืองคิตะคิวชู ที่เราได้มีโอกาสมาเที่ยวกันในทริปนี้ แต่อันที่จริง… เมืองคิตะคิวชูยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสไตล์เป็นของตนเอง มีทั้งความเจริญ และความร่วมสมัย อยากจะมาพักผ่อนก็ได้ เที่ยวชมเมืองก็ดี สัมผัสวิถีชีวิตผู้คนก็ไม่ยาก อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาเที่ยวกันดูนะ
สำหรับตอนหน้า จะเป็นตอนสุดท้ายของคิวชูทริปนี้แล้ว เราจะไปเที่ยวกันที่อำเภอเมืองฟุกุโอกะ มาติดตามกันด้วยน๊าาาาา
เรื่องแนะนำ :
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.4 “Fukuoka”
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.2 “Hita”
– ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.1 “Sasebo”
– 10 สถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวจังหวัดไอจิ (Aichi)
– แนะนำกิจกรรมน่าสนใจของจังหวัดไอจิในช่วงสิ้นปี-ปีใหม่
#ตะลุยเที่ยว 4 เมืองน่าสนใจบนเกาะคิวชูตอนเหนือ EP.3 “Kitakyushu” #Kitakyushu #Kyushu