โตเกียวโอลิมปิก 2020 ที่ยังไม่ได้จัด: วิธีการรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดคิด
วันที่ 7 ก.ย. 2013 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้เลือกให้กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในการจัดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 32 ในปี 2020 (ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเคยจัดงานโอลิมปิกฤดูร้อนมาก่อนตอนปี 1964)
รัฐบาลและประชาชนในประเทศญี่ปุ่นมีความตั้งใจและร่วมมือกันเพื่อที่จะให้การจัดโอลิมปิกครั้งนี้ออกมาดีที่สุด
ทีมผู้จัดมีคอนเซ็ปต์หลัก 3 ข้อในการจัด โดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลของการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงโลกด้วย คือ
- มุ่งมั่นพยายามสู่ความเป็นเลิศของแต่ละบุคคล
- ยอมรับซึ่งกันและกันซึ่งจะนำไปสู่ความสามัคคีท่ามกลางความหลากหลาย
- ส่งต่อมรดกสู่คนรุ่นต่อไปหรือเชื่อมต่อไปถึงพรุ่งนี้
ญี่ปุ่นใช้ทุนมหาศาลในการก่อสร้างสนามกีฬา/ที่พักอาศัย ปรับระบบคมนาคม มีการพัฒนานวัตกรรมที่ประหยัดพลังงานและทรัพยากรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลก นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนระบบและพัฒนาความสามารถของประชาชนในการอำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่เป็นทั้งนักกีฬาและนักท่องเที่ยว เช่น
- เพิ่มทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้กับคนทุกระดับ มีป้ายถนน/สิ่งต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ
- ปรับปรุงสถานที่มรดกวัฒนธรรม เพื่อความสะดวกและการเข้าถึงของคนต่างชาติ
- เปลี่ยนกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในร้านอาหารโดยมีการออกกฎเพิ่มเติม ในช่วงแรกคนญี่ปุ่นที่สูบบุหรี่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ บางคนไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ให้ความร่วมมือ
ทุกอย่างถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดีสำหรับการจัดกีฬาโอลิมปิกในช่วงก.ค.-ส.ค. 2020 แต่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการระบาดของโรค COVID-19 บางประเทศรุนแรงจนควบคุมไม่ได้ จนวันที่ 24 มี.ค. 2020 ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากลปรึกษากับชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น มีการตัดสินใจร่วมกันเรื่องขอเลื่อนการแข่งขันโอลิมปิกออกไปเป็นเวลา 1 ปี เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬาและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกและประชาคมโลก การเลื่อนการแข่งโอลิมปิกครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่การแข่งถูกเลื่อนออกไปโดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากสงคราม
ในสถานการณ์ที่มีแต่ความไม่แน่นอนของ COVID-19 ที่ยังไม่มีวัคซีนและมีการแพร่ระบาดของเชื้อเป็นระลอก มีการสำรวจความคิดเห็นของคนญี่ปุ่นเองต่อเรื่องการจัดโอลิมปิกหลายครั้ง เช่น เดือนก.ค. 2020 ผลสำรวจพบว่ามีชาวญี่ปุ่นเพียง 1 ใน 4 ที่อยากให้มีการจัดการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวในปี2021 ขณะที่ส่วนใหญ่เห็นควรเลื่อนหรือยกเลิกการแข่งขันไปเสียเลย
ล่าสุดเมื่อเดือนก.ย. 2020 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) แถลงว่าจะมีการจัดกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 2021 “ไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่” และเรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่า “มหกรรมกีฬาแห่งชัยชนะเหนือโควิด-19”
อย่างไรก็ตามรูปแบบการจัดต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรค เช่น การจำกัดผู้เข้าชม, มีพิธีเปิดและปิดอย่างเรียบง่าย, ลดจำนวนเจ้าหน้าที่และผู้แทนประเทศต่างๆ ที่จะเข้าร่วม
ตั้งแต่ต้นปี 2020 ทั่วโลกเจอภาวะวิกฤติจาก COVID-19 ทุกคนต่างได้รับผลกระทบกันหมด ขนาดโอลิมปิกที่เป็นมหกรรมระดับโลกยังต้องเลื่อนการจัดออกไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นและลุกลามบานปลายขนาดนี้ ตราบใดที่ยังผลิตวัคซีนไม่ได้ ทุกคนต้องใช้ชีวิตไม่เหมือนปกติให้เป็นปกติ (new normal) เช่น การแยกอยู่ห่าง (social distancing), การล้างมือบ่อยๆ, การใส่หน้ากาก บางคนปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ แต่บางคนที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย เช่น รายได้ลดลง, ถูกให้ออกจากงาน, คนใกล้ตัวติดเชื้อ อาจเริ่มรับมือไม่ไหวจนสภาพจิตใจแย่ เช่น เครียด, ซึมเศร้า ดังนั้นการที่เรายังคงต้องอยู่กับ COVID-19 โดยไม่รู้ว่ามันจะจบที่ตรงไหน นอกจากต้องปรับตัวด้านกายภาพให้ได้แล้ว การปรับจิตใจให้ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมาก
>> วิธีการรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดคิด
@ ยอมรับความเป็นจริงของโลก
ทุกอย่างในโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้มีอยู่น้อยมาก ดังนั้นการเกิดเรื่องที่เราไม่ได้คาดคิดเป็นเรื่องปกติ ตอนแรกเราอาจรู้สึกโกรธ, เสียใจ, ผิดหวัง ให้ยอมรับที่เรารู้สึกแย่ แสดงออก ระบายได้ เมื่อเวลาผ่านไปเราจะปรับตัวได้ดีขึ้น
@ ทัศนคติบวกจะเป็นพลังใจ
แต่ละคนมีมุมมองและความคิดที่มีต่อเหตุการณ์หนึ่งไม่เหมือนกัน หากเราคิดลบ ความรู้สึกเราจะแย่ตาม แต่ถ้าเราคิดในหลายๆ มุมมอง ลองคิดบวก (ตามความเป็นจริง) ความรู้สึกเราจะดีขึ้น อย่างกรณีที่ญี่ปุ่นถูกเลื่อนการจัดโอลิมปิกออกไป
คิดลบ: “ทำไมโชคร้ายแบบนี้ เสียดายเงินที่ลงทุนไป” ทำให้คนคิดรู้สึกท้อแท้ หดหู่
คิดบวก: “เลื่อนจัดไปก็ดีจะได้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แถมมีเวลาเตรียมตัวเพิ่ม งานจะได้ออกมาดี” ทำให้คนคิดรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา
เวลาที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องแย่ไปหมด หากเราลองพยายามหาข้อดีเรามักจะพบ แต่ถ้าไม่เจอจริงๆ ก็ไม่เป็นไร
@ อย่าตัดสินใจทำอะไรด้วยอารมณ์
เรื่องไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นมักจะทำให้เรามีอารมณ์ท่วมท้นจนอยู่เหนือเหตุผล จนเราตัดสินใจทำอะไรไปโดยไม่ได้คิดให้ดี ทำให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลังได้ ดังนั้นต้องตั้งสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยคิดตัดสินใจ
@ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
คิดหาวิธีแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า พยายามอย่าคิดย้อนไปในอดีตที่ไม่ได้ช่วยให้ปัจจุบันดีขึ้น หรือคิดเรื่องในอนาคตจนไม่ลงมือทำปัจจุบันให้ดี
@ ใช้ชีวิตให้เป็นกิจวัตรคาดเดาได้
เราไม่สามารถไปจัดการกับปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ แต่เราสามารถรู้สึกว่าเรายังพอควบคุมอะไรได้ (sense of mastery) ด้วยการทำสิ่งต่างๆ ให้เป็นกิจวัตร ซึ่งเป็นปัจจัยจากตัวเราเอง เช่น กินนอนให้เป็นเวลา
เรื่องไม่คาดคิดเป็นเรื่องที่เกิดได้ในชีวิตประจำวัน หากเรามีวิธีจัดการรับมือที่เหมาะสม เราจะปรับตัวและไปต่อได้ แต่ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อจิตใจเรามาก จนเริ่มมีปัญหาในการใช้ชีวิต เช่น เครียดมาก, เศร้า ท้อแท้, กินไม่ได้, นอนไม่หลับ, ความคิดความจำไม่ดี ปรับเท่าไรก็ไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์, นักจิตวิทยา เพื่อหาสาเหตุและวิธีการช่วยเหลือต่อไป
ทักทายพูดคุยกับหมอแมวน้ำเล่าเรื่องได้ที่ www.facebook.com/sealpsychiatrist
เรื่องแนะนำ :
– ยูโด: ไม่ใช่แค่การเล่นกีฬาแต่เป็นการฝึกพลังใจ
– ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวแบบวิถีซามูไร
– “ไกจิน: ความเป็นอื่นเพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของเรา?”
– เจ้าหญิงคางุยะผู้มาจากดวงจันทร์ และเส้นทางที่เธอเลือกเดิน
– Be With You: ใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะเราไม่สามารถย้อนเวลาได้
คลินิก JOY OF MINDS
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตโดยเฉพาะ
https://www.facebook.com/Joyofminds/
Tel: 090-959-9304
#โตเกียวโอลิมปิก 2020 ที่ยังไม่ได้จัด: วิธีการรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดคิด